
'เจนนิเฟอร์'กลับมารับบท'แคตนิส'
บันเทิงต่างประเทศ : 'เจนนิเฟอร์' กลับมารับบท 'แคตนิส' ใน 'The Hunger Games 2'
จะเข้าฉายในเต็มทีสำหรับภาพยนตร์เรื่อง "The hunger games: the catching fire" หนังภาคต่อที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชน ที่กวาดรายได้ถล่มทลายไปเมื่อปีที่แล้ว ในภาคนี้นอกจากจะเปลี่ยนผู้กำกับเป็น ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ แล้ว หนังเรื่องนี้ยังได้นักแสดงทั้งใหม่และเก่า มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของ แคตนิส (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) และ พีตา (จอช ฮัทเชอร์สัน) ผู้ชนะเกมล่าชีวิตจากเขต 12 ที่ต้องกลับไปเข้าร่วมการแข่งขันอีกครั้งที่แคปิตอล ซึ่งมีความพิเศษ ตรงที่อดีตผู้ชนะจากทั้ง 12 เขตต้องมาต่อสู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด และนี่คือบทสัมภาษณ์ของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงนำในเรื่อง
@ คุณรู้สึกยังไงเมื่อ แกรี่ รอส ไม่ได้กลับมากำกับในภาคนี้แล้ว
ฉันรัก แกรี่ ฉันรักโลกที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาในภาคแรก เขาได้สร้างตัวตน และสิ่งที่อยู่จิตใจของ แคตนิส ขึ้นมา ซึ่งฉันก็ได้นำมาถ่ายทอดต่อในภาคนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเป็นผู้กำกับภาคแรก เพราะทำให้เรามีพื้นฐานที่แข็งแรง ซึ่งก็ทำให้ ฟรานซิส (ผู้กำกับ catching fire) เข้ามาต่อยอดในแนวทางของตัวเอง ซึ่งฉันก็คิดว่าแข็งแรงไม่แพ้ของ แกรี่ ฉันรู้สึกดีใจที่ทางสตูดิโอไว้ใจให้ ฟรานซิส กำกับไปจนจบถึงภาคสุดท้ายเลย
@ ช่วยพูดถึงการทำงานร่วมกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ หน่อย
ฉันได้คุยกับเขาครั้งแรกทางโทรศัพท์ และฉันก็รู้สึกเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาพูดให้ฉันฟัง เขามีแนวทางที่ชัดเจน และละเอียดอ่อนสำหรับเรื่องราวในภาคนี้ และที่สำคัญก็คือ เขาก็เป็นแฟนของวรรณกรรมชุดนี้ด้วย ไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่ผู้กำกับถูกจ้างเข้ามาทำในแนวทางหนังบล็อคบัสเตอร์ แต่เป็นความรู้สึกของผู้กำกับ ที่ได้ทำโปรเจ็คในฝันของเขามากกว่า ฉันคิดว่าสิ่งนี้แหละจะทำให้หนังเข้าไปถึงจิตใจของคนดู ฉันรู้สึกสบายใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับเขาและได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
@ คำพูดไหนจากใคร คือคำพูดที่ช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจที่สุดก่อนกลับมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง
มันอาจจะฟังดูประหลาด แต่สิ่งแรกที่ฉันนึกถึง ก็คือตอนที่ฉันและแกรี่ พูดคุยกันเกี่ยวกับแคตนิสว่า “เธอมาจากเขต 12 และเธอคือนักล่า” ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นดาราดัง ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองคือซูเปอร์ฮีโร่ แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคือนักล่า ซึ่งมันช่วยให้ฉันเข้าถึงบทบาทของเธอได้ดีขึ้น แคตนิสไม่ได้ชนะ เพราะเธอได้รับการฝึกฝนมาให้เป็นนักฆ่า แต่เธอคือเด็กสาววัย 16 ปีที่จำเป็นจะต้องใช้สัญชาตญาณและประสาทสัมผัสในการเอาชีวิตรอด การได้กลับมารับบทเป็นแคตนิสอีกครั้ง มันยอดเยี่ยมมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเราเริ่มเรียนปีสองในมหาวิทยาลัย สิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้ก็คือทุกสิ่งมีความเข้มข้นตั้งแต่วินาทีแรก เพราะเราทำให้ทุกคนได้รู้จักกับโลกใบนี้แล้ว โดยความพิเศษของ the catching fire ก็คือการที่เราจะได้เห็นเกมล่าชีวิตที่มีเดิมพันสูงกว่าเดิม เมื่อผู้ชนะในปีที่ผ่านๆ มาของแต่ละเขตต้องมาต่อสู้กันเพื่อความอยู่รอด
@ มีภาพถ่ายจากปาปารัสซีของคุณถูกปล่อยออกมามากมายหลังจากการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในฮาวาย คุณมีวิธีรับมือกับมันอย่างไร
จอช ฮัทชิสัน เป็นคนที่เจ๋งมาก เขามองโลกในแง่ดีและมีความสุขอยู่เสมอ ในขณะที่ฉันกลับตรงกันข้าม ฉันพยายามทำตัวเองให้ดูเหมือนลอร์ด โวเดอร์มอร์ตเพราะคิดว่าไม่สมควรจะให้พวกเขาได้ถ่ายภาพดีๆ กลับไปเพื่อแลกกับเงิน ตอนแรกๆ ที่ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการแสดง ฉันคิดว่ามันคงจะแค่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญในการที่ถูกถ่ายภาพโดยปาปารัสซี แต่พอมาเจอเหตุการณ์จริงๆมันเป็นอะไรที่แย่มากๆ ลองจินตนการว่ามีผู้คนมาแอบวนเวียนอยู่รอบๆ บ้านของคุณ หรือเวลาที่คุณขับรถและมองไปที่กระจกหลัง ก็มีผู้ชายมากมายขับรถตามคุณอยู่ มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ
@ การกลายมาเป็นนักแสดงที่โด่งดังแห่งยุค คุณมีวิธีในการรับมือกับทุกอย่างยังไง
ฉันคงต้องขอบคุณพ่อ แม่ และพี่ชายทั้งสองคนของฉัน ในการทำให้ฉันไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และกำลังทำอะไรอยู่ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้ จริงๆ แล้วฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่า สิ่งที่ทำนั้นจะเจ๋งไปกว่าอาชีพที่ช่วยคนอื่นจริงๆ อย่างเช่นหมอ มีหลายคนในฮอลลิวู้ดทำตัวราวกับว่าสามารถรักษามะเร็งได้ และนั่นก็ทำให้ฉันต้องคอยเตือนสติตัวเอง เพื่อไม่ให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป