บันเทิง

หนังโรงเล็ก:'หนังคาวบอย ชนบทและแม่น้ำ'

หนังโรงเล็ก:'หนังคาวบอย ชนบทและแม่น้ำ'

01 พ.ย. 2556

หนังคาวบอย ชนบทและแม่น้ำ : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร

 
 
 
          แม้หลายคนในปี 2013 จะบอกว่าหนังคาวบอยหรือ Western Movie นั้น ได้สิ้นอายุขัยเสียแล้ว แต่ถ้าสำรวจกันจริงจัง เราก็จะพบว่าหนังตระกูลนี้ ยังคงโผล่นิดและแสดงตัวในระดับพอสมควร อยู่ในหนังหลายเรื่อง
 
          แต่เอาเถอะ ถ้าเรายอมรับว่า “เซร์บันเตส” เป็นผู้ริเริ่มการเขียนแนว(นว)นิยายแบบนี้เป็นคนแรก ด้วยผลงานประพันธ์เรื่อง “ดอน กิโฆเต้” ในปี 1605 ก็หมายความว่าหนังสือประเภทร้อยแก้ว ก็ได้รับวิธีการเขียนแบบดอน กิโฆเต้ เข้ามาด้วยเป็นบางส่วน และยังคงการเขียนแนวนี้ต่อไปเรื่อยๆ
 
          จนกระทั่ง กลุ่มคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายบางคนเริ่มออกมาพูดว่านวนิยายแนวนี้ตายไปแล้ว แต่ภาพยนตร์จากดินแดนฝั่งตะวันตกหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “หนังคาวบอย” ไม่ได้มีช่วงเวลาอันยาวนานที่งดงามเช่นนั้น  เพราะภายในช่วงปีสองปีหลังจาก “เดอะ เกรท เทรน รอบเบอร์รี” งานของเอ็ดวิน เอส พอร์ตเทอร์ออกฉายในปี 1903 (แม้ว่าจะไม่ใช่คาวบอยเรื่องแรก แต่ก็แน่นอนว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญอย่างแรก ในประวัติศาสตร์การผลิตหนังคาวบอย ที่มีแนวทางการนำเสนอที่ไม่ตายตัวและไม่ซ้ำใคร)
 
          พวกนักวิจารณ์ต่างชาติก็ออกมายืนยันว่า หนังประเภทนี้ตายไปแล้ว ถูกฆ่าตายตั้งแต่เริ่มถ่ายทำโดยฤดูหนาวอันขมขื่นของฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งฉากและทัศนียภาพแสนสวยงามราคาถูกที่ซ้ำซากและน่าเบื่อของนิวเจอร์ซีย์ โชคดีที่ ดี.ดับลิว. กริฟฟิธ, คาร์ล ลีมเมิล, วิลเลียม ฟอกซ์ และคณะทำงานเคลื่อนที่เหมือนชาวมองโกลยุคแรกเริ่ม ได้นำความชื่นชอบของตนไปสู่เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
 
          ซึ่งได้สถาปนาขึ้นเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เมืองแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าฮอลลีวูด และความเรียบง่าย ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้จักในที่แห่งนี้อีกต่อไป
 
          นักวิจารณ์บางคนบอกว่า ช่วงปี 1914 วิลเลียม เอส ฮาร์ท ทำงานร่วมกับ โธมัส อินซ์ เพื่อสร้างภาพยนตร์แนวตะวันตกนี้ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก พิสูจน์ได้ว่าเมืองทะเลทรายอย่างวิคเตอร์วิลล์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์คาวบอยที่มีฉากที่ใกล้เคียงกับที่ทุกคนนึกภาพไว้ 
 
          หนังอย่าง “บิลลี เดอะ คิดส์” ซึ่งออกฉายในปี 1911 ตรงกับภาพของคาวบอยค่อนข้างมาก เพราะในช่วงเวลาหลังจากบิลลีได้ฆ่าเหยื่อคนแรกของเขาไปแล้ว บิลลีได้อาศัยอยู่ที่เมซิยา เมืองเล็กๆ ในรัฐนิวเม็กซิโกเป็นเวลานาน เมืองเล็กๆ แห่งแม่น้ำริโอ แกรนด์ อยู่ไม่ห่างจากสถานที่ที่แม่น้ำสายนี้
 
          และไม่เพียงมันจะเป็นแค่แม่น้ำ แต่ริโอแกรนด์ยังเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนยากจนที่ใช้ทั้งภาษาอังกฤษและสเปน ซึ่งอาศัยอยู่ตลอดริมสองฝั่งแม่น้ำ
 
          แถมยังเป็นแนวพรมแดนระหว่างประเทศที่ทอดยาวลงไปทางใต้จนถึงปากอ่าว และพรมแดนนี้เอง ก็เป็นสาเหตุของความยุ่งยากและอุปสรรคต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้
 
          หลังจากคว้ารางวัลออสการ์ของ No Country For Old  Men ทำให้คนรักหนังคาวบอย กลับมาสดชื่นและคิดไปว่า คนดูยังต้อนรับ แต่หลังจากมีการทำหนังแนวนี้อีกนิดหน่อย พวกเขาก็พบว่าตลาดวายเสียแล้ว
 
          แล้วอะไรคือสิ่งที่หนังคาวบอยได้วางไว้เพื่อเป็นมรดกให้คนดู หลายคนคิดถึงทางตอนเหนือของเมืองเอล ปาโซ (ในเทกซัส) สู่จุดกำเนิดของแม่น้ำโคโลราโด
 
          บางคนคิดถึงแม่น้ำริโอ แกรนด์ให้กำเนิดแหล่งน้ำทางการเมืองอย่างเหลือล้น
 
          ริโอ แกรนด์เป็นเขตสงครามมานานแล้ว ข้ามแม่น้ำจากทางเหนือ จะเป็นเส้นทางลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย หากข้ามแม่น้ำจากทางใต้ จะเป็นเส้นทางนำเข้านกแก้ว นกแก้วมาคอว์ สัตว์หายากต่างถิ่น และยาเสพติด
 
          แม้ปีนี้จะเป็นปีที่สำนัก Sight & Sound ทำการโหวตคะแนน และ  Virtigo ชนะไป แต่เมื่อมีการลิสต์รายชื่อหนังคาวบอยคลาสสิก หลายคนเลือกงานอย่าง  บิลลี เดอะ คิด, วิวา วิลลา, ทัช ออฟ เกิร์ล, ริโอ แกรนด์”, ริโอ บราโว, บันโดเลโร!, โลน สตาร์, เดอะ ไวลด์ เบนช์, เดอะ ไลฟ์ แอนด์ ไทม์ส ออฟ จัดจ์ รอย บีน, เดอะ โพรเฟสชันนัลส์, เรด ริเวอร์
 
          และไม่ต้องสงสัยว่า หนังเรื่องอะไรที่ครองใจคนรัก(วิถี)คาวบอย มายาวนาน เพราะเจ้าของตำแหน่งนี้คือ “โลนซัม โดฟ” ซึ่งเป็นหนังสือมาก่อน
 
          หนังคาวบอยอาจจางไปในจอหนัง แต่เหมือนดูชัดอยู่เสมอ ในแฟนๆ ของแนวนี้
 
.......................................
(หมายเหตุ หนังคาวบอย ชนบทและแม่น้ำ : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)