
โลกใบนี้ดนตรีไทย:'เปิงมางคาดเชือก'
'เปิงมางคาดเชือก' : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน
เชือกในยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้นจะมีรูปแบบการชกหรือกติกาที่ค่อนข้างจะโหดกว่าในยุคปัจจุบัน ก็คือไม่มีกำหนดยกว่าจะชกกัน 5 ยกหรือ 10 ยกซึ่งจะชกกันไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้กันไป ซึ่งก็แน่นอนนักมวยส่วนใหญ่นั้นจะนึกถึงศักดิ์ศรีก็จะไม่มีใครยอมแพ้กันง่ายๆ ถ้าไม่สลบคาหมัดคาศอกก็ต้องยอมตายกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งในครั้งหนึ่งเคยมีนักชกมวยคาดเชือกซึ่งเป็นชน ชาวเขมรที่ชื่อว่านายเจียร์ เป็นนักชกที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการอยู่ยงคงกระพัน คือง่ายๆ ว่าหนังเหนียวนั่นแหละครับ แถมยังเคยชกนักมวยทั้งไทยและเขมรตายมาหลายราย ซึ่งนายเจียร์นักมวยเขมรพระตะบองคนนี้ได้ขึ้นชกกับนักมวยไทยที่ชื่อว่า นายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยไทยที่มีฝีมือเก่งกาจมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น จัดขึ้นที่เวทีสนามหลักเมืองจบลงที่นายเจียร์ถูกนักมวย ไทยชกด้วยท่าหนุมานถวายแหวน ทรุดลงไปนอนและไม่สามารถลุกขึ้นมาดูโลกอีกต่อไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทางกระทรวงมหาดไทยจึงได้มีการให้ยกเลิกห้ามมีการชกมวยคาดเชือกอีกต่อไป ซึ่งในสมัยนั้นจะมีการชกมวยคาดเชือกกันบ่อยครั้งไม่เว้นแต่งานวัดหรือแม้กระทั่งหน้าเมรุก่อนณาปนกิจศพ
แต่พอมาในสมัยรัชกาลที่ 6 พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี (แมค เศียรเสว) ได้เป็นผู้ริเริ่มจัดมวยไทยอาชีพเป็นครั้งแรกที่เวทีมวยสวนกุหลาบและจากนั้นก็มีเวทีต่างเกิดขึ้นตามกันมากอีกจนเป็นที่นิยมของคนในยุคนั้นแม้แต่เจ้านายในวังก็ยังชุบเลี้ยงนักมวยอยู่ในวังของตัวเอวกันเกือบจะทุกวังและนำนักมวยของตัวเองมาแข่งขันกันหน้าพระที่นั่งและนักมวยต่างๆ ในยุคนั้นก็จะมีบรรดาศักดิ์กันทุกๆ คนเช่น หมื่นมือแม่นหมัด หมื่นชงัดเชิงชก หลวงไชยโชกชกชนะฯ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับนักดนตรีไทยในสมัยนั้นอย่าง หลวงประดิษฐ์ไพเราะ พระยาเสนาะดุริยางค์
ทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่ามวยไทยและดนตรีไทยของเรานั้นจะมีการสืบทอดต่อๆ กันมายาวนานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งมวยคาดเชือกที่ถูกยกเลิกห้ามมีการจัดการแข่งขันไปนานแล้วนั้นก็ทูกทางบริษัทสปอร์ตอาร์ต โดยคุณนพพร วาทิน นั้นได้รื้อฟื้นมาทำเป็นรายการทีวีในรูปแบบเรียลิตี้ กินนอนฝึกซ้อมอยู่ด้วยกันแต่จะชกกันจริงๆ แบบคาดเชือกและก็จะบันทึกเทปออกมาแพร่ภาพให้เราชมกันทุกๆ วันเสาร์ทางทีวีช่อง 3 ซึ่งก็จะดำเนินมาถึงเทปสุดท้ายในวันเสาร์ที่จะถึงนี้แล้ว และจะเป็นการชกในรอบรองชนะเลิศซึ่งนักมวยไทยเรานั้นผ่านเข้าไปเจอกับนักชกต่างประเทศทั้ง 2 คนคือ สุดสาคร ส.กลิ่นมี และไทรโยค พุ่มพันม่วง ถ้าในวันเสาร์นี้ นักมวยไทยเราชนะทั้งคู่ก็จะเข้าไปต่อยรอบชิงชนะเลิศกันเองในวันที่ 22 ธันวาคม นี้ ที่ท้องสนามหลวงแต่จะชนะได้หรือเปล่านั้นก็ต้องติดตามชมกันครับ
วกกลับเข้ามาอีกนิดหนึ่ง ในรอบ 8 คนสุดท้ายของมวยไทยไฟต์คาดเชือกนั้นทางผู้จัดได้วางกติกาเอาไว้ว่านักมวยทั้ง 8 คนนั้นจะต้องฝึกเครื่องตีดนตรีไทยก็คือ เปิงมาง และก็จะคัดตัวแทนของฝ่ายขาวกับฝ่ายดำออกมาฝ่ายละ 2 คนมาประชันฝีมือการตีเปิงมางกัน และถ้าทีมไหนเป็นฝ่ายชนะก็จะได้เป็นฝ่ายได้เลือกคู่ชก ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านท่านใดนั้นได้ชมเทปบันทึกรายการไปเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็จะทราบดีว่าทีมขาวที่มี สุดสาคร ส.กลิ่นมี นักมวยไทยเราที่โชว์ลีลาเปิงมางอยู่ด้วยนั้นเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะและก็ได้เป็นฝ่ายเลือกคู่ชกและก็ชกคู่ต่อสู้น็อกเอาท์อีกต่างหาก ซึ่งจะว่ากันจริงๆ แล้วในระหว่างการฝึกซ้อมผมคิดว่าทางฝ่ายดำนั้นจะต้องชนะแน่นอนเพราะว่านายคริส นักมวยผิวดำร่างโย่งรวมทั้งเพื่อนอีก 2 คนนั้นเขามีพื้นฐานของการตีกลองเจมเบ้หรือกลองแอฟริกา มาเป็นอย่างดี เขาจึงเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าทางฝ่ายขาวอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะ นายคริส กับยูเซป สองคนนี้จะซ้อมเปิงมางอย่างเมามันบ้าคลั่ง และอีกคนหนึ่งที่อยู่ในทีมดำทีมเดียวกันก็คือ ไทรโยค พุ่มพันม่วง นักมวยไทยของเรา คนนี้ตั้งใจฝึกซ้อมมากแต่ฝีมือการตีเปิงมางเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่ถูกเลือกให้ขึ้นไปโชว์ลีลาเปิงมาง และพอเมื่อถึงวันประชัน ทีมดำคนแรกนั้นส่ง นายอิดูซ ซึ่งไม่ค่อยขยันซ้อมขึ้นมาประชันกับมือเปิงมางฝ่ายขาวจากยูเครนซึ่งก็จุดูเหนือกว่านิดๆ แต่พอคู่สองทางฝ่ายขาวส่งสุดสาครมาประชัน ปรากฏว่าทางฝ่ายดำ นายคริสกับนายยูเซบ นั้นเกี่ยงกันออกมาตีอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ในที่สุดก็ส่งนายคริส เปิงมางผิวสีออกมาตีและก็ไม่น่าเชื่อว่าเขาออกมาตีเปิงมางแบบเหยาะแหยะ ไม่ถึง 20% จากการซ้อม ก็เลยทำให้ทีมขาวชนะไปแบบสบายๆ มือเหมือนกับมวยล้มต้มคนดู
หลังจากการประชันผมก็เข้าไปคุยกับนายคริส ปรากฏว่าเขาเจ็บมือเป็นอย่างมากจากการฝึกซ้อมด้วยกันทั้งคู่จน ถึงขนาดต้องเกี่ยงกันออกมาตี และเขาบอกว่ามือเขาระบมบวมจนไม่อยากจะโดนเปิงมาง ก็ผลจากการซ้อมตีอย่างเมามันแบบไม่เลิกไม่ลานั่นเองผลมันก็เลยเป็นอย่างที่ได้เห็น ผมก็เลยคิดว่า ดีแล้วครับจะได้ให้ชาวต่างชาตินั้น ได้รู้จักรสชาติของเครื่องดนตรีไทยว่ามันก็มีความเจ็บปวดเหมือนกัน เขาโดนหมัดเท้าเข่าศอกยังทนได้ แต่ทนตีเปิงมางต่อไปนั้นทนไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะว่าไม่ได้คาดเชือกก่อนตีเปิงมาง มั้งครับ
.......................................
(หมายเหตุ 'เปิงมางคาดเชือก' : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน)