'พยายาม'ไม่สิ้นสุดสู่จุดที่ลงตัวของ'โอ-ปวีร์'
ดนตรี : 'พยายาม' ไม่สิ้นสุด สู่จุดที่ลงตัวของ 'โอ-ปวีร์'
"เธอบอกว่าอย่าพยายาม อย่าพยายามอีกเลย ให้ฉันโยนทิ้งทุกอย่าง พอสักทีได้ไหม..." จากประโยคในเพลง "พยายาม" ประโยคนี้ ทำให้อยากแนะนำให้ใครๆ หลายคนได้รู้จักนักร้องหนุ่มที่จริงๆ คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลงมาพักใหญ่แล้ว เขาคือ "โอ" ปวีร์ คชภักดี ในฐานะของศิลปินที่ทำเพลงเอง ขายเอง จนกระทั่งเขาได้ก้าวเข้ามาอยู่กับค่าย "บีลีฟ เรคคอร์ด" จากการเป็นผู้ชนะในโครงการ "โคน ค้น คน"
เขามีผลงานเพลงมาแล้วหลายเพลง และมีเพลงแจ้งเกิดให้เขา คือเพลง "ซูเปอร์แมน" จนมาถึงเพลงล่าสุด "พยายาม" เพลงจังหวะช้า ที่จะสะกดทุกอารมณ์ความเจ็บปวดเบื้องลึกของหัวใจ เพียงเพราะแค่คำว่า "พยายาม" เพลงนี้ได้ "สิงโต นำโชค" มาโซโลกีตาร์ เพื่อเพิ่มอารมณ์ความเหงา ความสับสน และเศร้าคละเคล้ากันไป
"ก่อนหน้านี้ ผมทำงานเพลงเอง ขายเพลง เอาไปขายในงานแฟตฯ ซึ่งเพลงที่ทำออกมา เป็นอีพี ทำประมาณ 2 อัลบั้ม พอได้มาทำงานกับบีลีฟฯ ผมได้นำเพลงของที่ผมทำไว้ และเพลงที่แต่งใหม่ มาทำเดโมไปให้พี่ฟั่น (โกมล บุญเพียรผล) ก่อนจะมาลุยทำงานเพลงนี้อย่างเต็มตัว 2 ปีที่ผ่านมาที่อยู่กับบีลีฟ เราทำงานเพลงกันมาตลอด แต่ที่ช้าเป็นเรื่องของการกระบวนการคัดเลือกเพลง และผมทำงานเพลงเอง และมีเพลงที่ทำมาใหม่ออกมาให้ทีมงานฟังเรื่อยๆ แล้วเราค่อยๆ มาดูกันว่าเพลงไหนที่มันใช่ที่สุดในตอนนี้ เพราะคอนเซ็ปต์ที่คุยกันไว้ตั้งแต่แรกเริ่มทำงานคือ ผมอยากทำเพลงออกมาที่เป็นตัวผมมากที่สุด" ศิลปินหนุ่ม กล่าว
อย่างเพลง "พยายาม" ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน โดยเป็นฉากที่เพื่อนสนิทพระเอกตัดสินใจไปสารภาพรักกับนางเอก แต่ถูกปฏิเสธกลับมาด้วยคำพูดที่ว่า "อย่าพยายามเลยดีกว่า" หลังจากประโยคนี้จบลง ความเงียบ ทุกอย่างก็ก่อตัวขึ้น โดยโอต้องการสื่อความรู้สึกต่างๆ ในช่วงเวลานั้นออกมาผ่านบทเพลง
"เพลงก่อนหน้านี้เป็นเพลงแนวให้กำลังใจมุมบวก ชื่อเพลงรอ พอมาถึงเพลงนี้ไปอีกด้านหนึ่งเลย แต่ถ้าฟังให้ดี สองเพลงนี้จะเชื่อมกัน โดยเพลงพยายามจะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่อาจจะเจ็บปวด จากความพยายามที่ทำไป แต่ได้รับการตอบกลับมา "อย่าพยายามเลยนะ" ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนั้น เพลง "รอ" จึงเป็นเพลงที่ให้กำลังใจ แต่ที่เราเลือกเพลงรอปล่อยก่อน เพราะผมอยากให้ทุกคนรู้สึกดี รู้สึกมีกำลังใจ อยากให้ทุกคนเห็นมุมนี้ของผมก่อน" โอ เผย
ก่อนที่โอจะเสริมต่อว่าเขาทำเพลงออกมาเพื่ออยากให้ทุกคนเข้าใจ และรู้สึกไปกับเพลง อยากทำเพลงที่ให้ทุกคนได้สัมผัสด้วยกันมาที่สุด ตอนที่เขาเป็นเด็กการทำเพลงของเขา อาจจะมองที่ความพอใจและความเข้าใจของตัวเขาคนเดียว ไม่ได้สนใจใคร แต่ในตอนนี้เขาอยากทำเพลงที่ทำให้คนฟังเข้าใจและรู้สึกไปกับเขาด้วย
"ถามว่ามันเปลี่ยนความเป็นเราไหม ผมตอบเลยว่าไม่ สไตล์การเขียนเพลงยังเป็นตัวผมเองอยู่ มีแค่การถ่ายทอดที่อาจจะทำเพื่อเข้าถึงคนฟังมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เราสามารถใส่ความหวือหวาได้ตามความรู้สึก แค่อยู่ในกรอบที่คนฟังสามารถเข้าใจไปด้วยกันได้" โอ กล่าวปิดท้าย