บันเทิง

"ปวด"...สัญญาณเตือนที่ต้อง "ระวัง" !!

"ปวด"...สัญญาณเตือนที่ต้อง "ระวัง" !!

28 ม.ค. 2552

ไม่ว่าใคร คงคุ้นเคยกับ "อาการปวด" ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ทั้งปวดหลัง ปวดคอ

และเคยรู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณเตือนภัยให้ระมัดระวัง และเริ่มต้นดูแลตัวเองอย่างจริงจัง เพราะไม่งั้น อาจพัฒนาเป็นภัยร้ายที่เปลี่ยนชีวิตเราไปทั้งชีวิตก็ได้
 เพื่อกระตุ้นให้รักษาสุขภาพก่อนที่จะสายเกินไป “ไคโรฟิต ไคโรแพรคติก คลินิก” จึงจัดงาน “CHIROFIT...Helps People Get Back to Life แกรนด์ โอเพนนิ่งเปิดบ้านหลังที่สอง" ณ ไคโรฟิต ไคโรแพรคติก คลินิก แอท แบงค็อก เมดิเพล็กซ์" ย่านเอกมัย อย่างเป็นทางการ
  โอกาสนี้ได้แนะนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนด้วยวิธีลดการกดทับ ในนาม Spinal Decompression Therapy: SDT เพื่อช่วยจัดเรียงแนวกระดูกสันหลัง และฟื้นฟูบริเวณหมอนรองกระดูกให้คืนสภาพสู่ภาวะสมดุลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด 
 ในงานยังเปิดสัมมนาให้ความรู้ ด้านสุขภาพเรื่อง “The Conservative Approach for Chronic Back Pain” : การรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านอาการปวดของบ้านเราและต่างประเทศ
 เริ่มต้นที่ พญ.สุขจันทร์ พงษ์ประไพ รองนายกสมาคมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย และหัวหน้าแพทย์ เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กล่าวถึงปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการปวดหลังเรื้อรังและการรักษาว่า
 “การปวดหลัง ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุต่างๆ ที่เป็นสิ่งรอบตัวที่เราอาจคาดไม่ถึงหรือมองข้ามไป ซึ่งหากมีการดูแลรักษาตั้งแต่แรกเริ่มและรักษาอย่างถูกวิธี มักจะหายจากอาหารเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้มีอาการปวดหลังประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ที่แปรเปลี่ยนไปเป็นภาวะการปวดหลังเรื้อรัง"
 สำหรับสาเหตุของการปวดหลัง คุณหมอบอกว่าเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบๆ ข้อต่อกระดูกสันหลัง และความผิดปกติของระบบประสาท ซึ่งจะรักษาตามเหตุเหล่านั้น แต่บ่อยครั้งผู้ที่มีอาการปวดหลังไม่สามารถวิเคราะห์สาเหตุได้ชัดเจน ก็ต้องอาศัยการรักษาตามอาการ ได้แก่ การลดความเจ็บปวด โดยการใช้ยา การรักษาทางกายภาพบำบัด หรือ แพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม การนวด และ ไคโรแพรคติก เป็นต้น
 นอกจากนี้ คุณหมอยังแนะนำให้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลัง ทั้งการนอน นั่ง ยืน เดิน รวมถึงการทำงาน และการเล่นกีฬาที่เหมาะสม
 สำหรับการรักษาด้วย การผ่าตัด มีเพียงประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์ ที่เลือกใช้วิธีนี้ ซึ่งจะต้องมีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า กระดูกสันหลังไม่มั่นคง,  เป็นเนื้องอก หรือ มะเร็งบางชนิด, ช่องกระดูกสันหลังตีบอย่างรุนแรง, มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงของขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือ ทั้งสองข้างเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หรือ การควบคุมระบบขับถ่ายผิดปกติไป
 ด้าน "คุณหมอรุจน์" ดร.มนต์ทณัฐ โรจนาศรีรัตน์ ไคโรแพรคติกแพทย์ จากสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนและการรักษาว่า
 “หนึ่งในสาเหตุของโรคปวดหลังที่สำคัญซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ก็คือ ภาวะหมอนรองกระดูกเลื่อน ซึ่งหมอนรองกระดูก เป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ทำหน้าที่คล้ายถุงน้ำหุ้มกระดูกอ่อน ซึ่งภาวะผิดปกติของหมอนรองกระดูกนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรม อุบัติเหตุ โรคติดเชื้อต่างๆ ไปจนถึง การทำงานผิดปกติ หรือการรับน้ำหนักที่มากเกินไป ซึ่งทั้งสองสาเหตุนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่สืบเนื่องมาจากอิริยาบถที่ผิดสุขลักษณะ และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งจากนั่ง ยืน ก้ม เงย เอียงตัวไปมา หรือแม้แต่การออกกำลังกาย"
 เมื่อร่างกายของเราปราศจากการทำงานของหมอนรองกระดูกที่สมดุล จนในที่สุดหมอนรองกระดูกก็จะเสื่อมสภาพและเคลื่อนไปจากตำแหน่งปกติ  จะส่งผลต่อร่างกายในรูปแบบอื่นๆ อีกมาก เช่น การปวดหลังเฉียบพลัน การปวดลงขา เกิดอาการชาตามตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
 ซึ่งการรักษาความผิดปกติ ทำได้โดยการจัดโครงสร้าง การรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด และการผ่าตัด แต่การแพทย์ในปัจจุบันนี้มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น และได้มีการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ในการดูแลรักษาโดยที่ไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด แต่จะใช้วิธีการลดการกดทับของหมอนรองกระดูกแทน 
 ส่วน นพ.อาลี เอส โมฮัมเมด กล่าวถึง เทคโนโลยีการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังโดยไม่ต้องผ่าตัดว่า  เป็นการรักษาแบบใหม่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์สำหรับอาการปวดคอ ปวดหลังเรื้อรัง และอาการปวดร้าวลงขา การรักษาด้วยระบบนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรักษาบริเวณหลังให้กลับสู่ภาวะสมดุลได้เองโดยธรรมชาติ นับเป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่สามารถตั้งโปรแกรมในการดึง และในขณะเดียวกันสามารถทำตามความโค้งธรรมชาติของกระดูกสันหลังได้ด้วย
 ภายในงาน ยังมี “เซเลบ” ผู้ผ่านประสบการณ์รักษาอาการปวด เริ่มจากพระเอกหน้าใส พล ตัณฑเสถียร ที่เล่าถึงประสบการณ์ ปวดคอ จากการนั่ง-ยืนจากการทำอาหารนาน โดยมักจะก้มคอ จนเกิดเป็นอาการปวด
 ด้าน “อุ้ย" สุทัศนีย์ คุนผลิน สาวหน้าหวานที่ชอบทำอะไรรวดเร็ว รายนี้เกิดอาการปวด จาก “ความคล่องแคล่ว” (จนเกินไป) รวมไปถึงโรค “ออฟฟิศซินโดรม” เหมือนหนุ่มสาวทั่วไปที่มักนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ และผิดท่าทาง แต่อีกสาเหตุสำคัญของเธอยังมาจากเรื่องราวสวยๆ งามๆ ด้วยเพราะ “สร้อยคอ” และกระเป๋าแฟชั่นใบโต ที่ทำให้คอและไหล่รับน้ำหนักมากเกินไป
 สำหรับเจ้าแม่พีอาร์อย่าง “ตุ้ม" ณิชยา ชัยวิสุทธิ์ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรมแห่งประเทศไทย ที่ติดรองเท้าส้นสูงเป็นชีวิตจิตใจ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรังได้
 และสุดท้ายกับหนุ่มอารมณ์ดี "ปั๋ง" ประกาศิต โบสุวรรณ แม้ตอนแรกจะยืนยันว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นคือ “ปวดใจ” ให้ฮาเล่นๆ แต่ท้ายที่สุดก็เผยความลับว่า “ปวดหลัง” จากการออกกำลังกายที่หักโหม และเกิดอุบัติเหตุระหว่างเตะฟุตบอล แต่ละเลยไม่รีบรักษา จนกลายเป็นอาการ “ปวดเรื้อรัง”  ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นนั่งรถเข็นก็เป็นได้  
 คุณหมอรุจน์ สรุปตอนท้ายว่า เราควรรักษาสุขภาพ และระมัดระวังอิริยาบถต่างๆ เช่น การนั่งโต๊ะทำงาน ควรท่องสูตร “มุมฉาก” นั่นคือ นั่งหลังตรงให้ขาช่วงล่างกับช่วงบนเป็นมุมฉาก และลำตัวกับขาเป็นมุมฉาก โต๊ะควรมีความสูงที่กลางลำตัว และจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตาพอดี ควรนั่งแนบหลังติดเก้าอี้ตัวตั้งตรง และลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง การยืนควรระวังหลังให้ตรงทิ้งน้ำหนักไว้ที่ฝ่าเท้า การก้มเก็บของควรใช้การย่อตัว
 เพียงแค่ทุกคนรู้จักระมัดระวังอิริยาบถต่างๆ ของตน และออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ก็ช่วยลดสาเหตุการเกิดอาการปวดต่างๆ ได้แล้ว...