
'About Time โรแมนติกติดดินของริชาร์ด'
'About Time โรแมนติกติดดินของริชาร์ด' : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร
จุดกำเนิดของ About Time เกิดมาจากการสนทนาระหว่างเคอร์ติสกับเพื่อนคนหนึ่ง เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำถ้ามีคนมาบอกพวกเขาว่าพวกเขามีเวลาที่จะมีชีวิตอยู่อีกแค่ 24 ชั่วโมง “เราทั้งคู่ต่างตัดสินใจว่าเราอยากใช้เวลาวันนั้นแบบวันธรรมดาๆ วันหนึ่งที่บ้าน อยู่กับครอบครัว ทำสิ่งต่างๆ ที่เราทำกันตามปกติ” เคอร์ติสเล่า
“ผมคิดว่ามันเป็นการตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก และก้าวต่อไปก็คือ ผมจะใส่แนวคิดนี้เข้าไปในหนังได้อย่างไร มันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับใครสักคนที่สามารถปรับเปลี่ยนวันสุดท้ายของพวกเขาหรือสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปได้ในแบบที่ทำให้มาถึงบทสรุปนั้น นั่นคือตอนที่ผมคิดถึงเรื่องการเดินทางข้ามเวลาขึ้นมา”
เคอร์ติสบอกว่า About Time ถือเป็นพัฒนาการสำหรับเขา เพราะผลงานระยะแรกของเขาส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นนำเสนอเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เขาบอกว่า “Four Weddings เป็นหนังเกี่ยวกับมิตรภาพพอๆ กับที่พูดถึงเรื่องความรัก ส่วนใน Love Actually ก็มีเรื่องมิตรภาพอยู่เยอะเช่นกัน” เป็นไปโดยธรรมชาติที่ความสนใจของเคอร์ติสในตัวมนุษย์จะต้องพัฒนาไปเมื่อเขาอายุมากขึ้น “การที่พ่อกับแม่ของผมจากไปในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และลูกๆ ของผมก็โตกันหมดแล้ว ผมกลายเป็นแฟมิลี่แมน ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายและน้องสาว มีเรื่องเกี่ยวกับพ่อและแม่ เท่ากับเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และแน่นอน เมื่อคนสองคนตกหลุมรักกัน ในที่สุด พวกเขาก็จะกลายเป็นพ่อแม่คน คุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นตลอดหนังเรื่องนี้”
หนังตลกเรื่องนี้ทำให้เคอร์ติสได้กลับไปร่วมงานกับทีมผู้อำนวยการสร้างจากบริษัทเวิร์กกิ้ง ไทเทิ้ล อย่าง ทิม บีแวน และเอริค เฟลล์เนอร์ เป็นครั้งที่ 11 ในรอบ 25 ปี บีแวนเล่าว่า “เราสร้างภาพยนตร์ด้วยกันเรื่องแรกในปี 1983 เรื่อง The Tall Guy ภาพยนตร์ทุกเรื่องของริชาร์ดจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่ แต่มักจะมีอะไรใหม่ๆ เสมอ ลักษณะแน่ชัดของภาพยนตร์ของริชาร์ดก็คือ มันจะทำให้คุณหัวเราะ ร้องไห้ และคิด About Time เป็นการหวนกลับคืนไปสู่โลก ‘แบบเคอร์ติส’ ในแบบเดียวกับ Love Actually, Notting Hill และ Four Weddings and a Funeral แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้ความรู้สึกที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และชวนให้ครุ่นคิดถึงเรื่องดีและร้ายในชีวิตมากขึ้น และทำให้คุณซาบซึ้งต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ”
ขณะที่ความรักและครอบครัวคือส่วนเติมเต็มในการสร้างสรรค์จินตนาการของเคอร์ติส แง่มุมในเรื่องของการเดินทางข้ามกาลเวลาทำให้การเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นความบากบั่นที่ผ่านการคำนวณมาอย่างดี เคอร์ติสระมัดระวังมากที่จะทำให้แน่ใจว่ากฎต่างๆ ได้ถูกวางเอาไว้แล้วสำหรับทิมและพ่อของเขา เมื่อพวกเขาเดินทางผ่านกาลเวลา และยังทำให้คอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องแฟนตาซีน้อยลง และน่าชื่นชอบมากขึ้น ดังนั้น กฎเหล่านั้นควรเป็นอย่างไร ข้อแรกก็คือการเดินทางข้ามกาลเวลาอาจไม่เกิดขึ้นก่อนที่ผู้ชายในตระกูลนี้จะอายุครบ 21 ปี กฎข้อที่สอง ก็คือ เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่มืดๆ เล็กๆ อย่างเช่นในตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า และบีบกำปั้นแน่นๆ และคิดถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ คิดถึงวัน สถานที่ และที่อยู่ของสถานที่ที่เขาอยากไป กฎข้อที่สาม ก็คือ เขาจะเดินทางไปเยือนเหตุการณ์ได้เฉพาะในอดีตของตัวเขาที่เขายังจำได้ เขาไม่สามารถเดินทางไปยังอนาคตหรือย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ได้ กฎข้อที่สี่ล่ะ? ทุกการตัดสินใจที่เขาทำไปจะมีผลต่ออนาคตของเขา
ผู้อำนวยการสร้าง นิคกี้ เคนทิช บาร์นส์ กล่าวเสริมว่าเธอชื่นชมในลักษณะการเล่าเรื่องที่แสนแหวกแนวที่เคอร์ติสได้คิดสร้างขึ้น เธอกล่าวว่า “About Time เป็นเรื่องในแนวอัตชีวประวัติในความรู้สึกที่ว่ามันเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตของริชาร์ดที่ถูกนำมารวมเข้าด้วยกันในเรื่องราวที่มีความงดงามและวางเรื่องเอาไว้อย่างดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ให้อารมณ์อย่างมาก เรามีผู้ชายตัวโตที่ร้องไห้ขณะนั่งอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ มันคือเรื่องในแนวที่นำเสนอความจริงโดยใส่แง่มุมของเรื่องการเดินทางข้ามเวลาไปด้วย แต่มันช่วยเพิ่มเนื้อหาที่เน้นอารมณ์ มากกว่าจะเป็นการเพิ่มความรู้สึกที่พาคุณออกนอกเส้นเรื่อง”
เมื่อได้บทหนังที่พร้อมจะถ่ายทำแล้ว เคอร์ติสและทีมผู้อำนวยการสร้างของเขา ตั้งเป้าหมายต่อไปคืองานอันแสนน่าตื่นเต้นในการค้นหาคู่หนุ่มสาวที่สามารถมอบเสียงให้กับถ้อยคำของเขา รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว และเพื่อนๆ ที่จะเติมเต็มให้กับโลกที่แสนโดดเด่นใบนี้
และเมื่อถึงเวลานี้ เป็นเวลานานกว่า 3 ทศวรรษที่ผู้กำกับ ริชาร์ด เคอร์ติส ได้สร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวในโลกภาพยนตร์และทีวี เขาได้มอบตัวละครที่ยากจะลืมเลือนหลายต่อหลายตัวให้กับคนดู เป็นตัวละครที่ทำให้พวกเราได้หัวเราะกับข้อบกพร่องแบบมนุษย์เดินดินของพวกเราเอง และยังได้แบ่งปันน้ำตาในการเดินทางแสนพิเศษที่ดำเนินไปพร้อมกับชีวิตประจำวันของพวกเราเอง หนังเหล่านี้ Not the Nine O’Clock News, Blackadder, Mr Bean,The Vicar of Dibley, Four Weddings and a Funeral, Notting Hill และ Bridget Jones’s Diary และ Love Actually คือเครดิตของเขา
มาถึง About Time หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องตอนอายุได้ 21 ของ ทิม เลก เขาพบความจริงว่าเขาสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ หนึ่งคืนหลังจากงานฉลองเทศกาลปีใหม่ที่แสนน่าเบื่อผ่านพ้นไปอีกปี พ่อของทิม (บิลล์ ไนฮีย์ จาก The Best Exotic Marigold Hotel, Love Actually) ได้บอกลูกชายของเขาว่าผู้ชายในตระกูลของเขามีความสามารถพิเศษที่จะเดินทางข้ามกาลเวลาได้ ทิมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและเคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขาเองได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำให้โลกของเขาดีขึ้น...ด้วยการหาแฟน แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันไม่ง่ายเหมือนที่คุณคิด
ทิมต้องย้ายจากบ้านเกิดที่คอร์นวอลล์ เมืองริมทะเลไปอยู่ลอนดอน เพื่อเป็นทนายฝึกหัด ในที่สุด เขาได้พบกับ แมรี่ สาวสวยที่ไร้ความมั่นใจ พวกเขาตกหลุมรักกัน แต่แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางข้ามกาลเวลา กลับทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนไปเหมือนเขาไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลย พวกเขาได้พบกันครั้งแรกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ในที่สุด หลังจากเดินทางข้ามกาลเวลาอยู่หลายรอบ เขาก็คว้าหัวใจเธอมาครองได้ จากนั้น ทิมได้ใช้พลังของเขาสร้างเหตุการณ์ขอแต่งงานที่โรแมนติกที่สุด และยังช่วยงานแต่งงานของเขาให้รอดพ้นจากคำพูดที่เลวร้ายที่สุดของเพื่อนเจ้าบ่าว
About Time ไม่ได้ลงตัวแบบ Notting Hill หรือสนุกสนานอย่าง Love Actually แต่เป็นหนังของคนที่เติบโตแล้วกับชีวิต
เอาไว้เดือนหน้า หนังลงโรง จะมาคุ้ยและรื้อกันอีกครั้ง
.......................................
(หมายเหตุ 'About Time โรแมนติกติดดินของริชาร์ด' : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)