บันเทิง

ย้อนตำนาน'อำลาอาลัย'ขวัญใจคนเดิม'สายัณห์ สัญญา'

ย้อนตำนาน'อำลาอาลัย'ขวัญใจคนเดิม'สายัณห์ สัญญา'

12 ก.ย. 2556

ย้อนตำนาน'อำลาอาลัย' ขวัญใจคนเดิม'สายัณห์ สัญญา' : โต๊ะข่าวบันเทิง คมชัดลึกรายงาน

                หากเอ่ยชื่อของ "เป้า" สายัณห์ สัญญา หลายคนต้องหลงใหลไปกับเสียงแหบเสน่ห์ที่ดังก้องกังวาน และเอกลักษณ์ประจำตัวกับการพนมมือไหว้ พร้อมกับท่าส่ายหัวให้แก่มิตรรักแฟนเพลงขณะอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต อีกทั้งมีสโลแกนที่ว่า "ขวัญใจคนเดิม สายัณห์ สัญญา” ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงอย่างแน่นอน แม้ว่าวันนี้สายัณห์ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ในเวลา 12.30 น. วันที่ 11 กันยายน 2556 ด้วยโรคร้ายมะเร็งตับในวัย 62 ปี หลังต่อสู้กับโรคร้ายนานเกือบ 2 เดือน ท่ามกลางความอาลัยของครอบครัว มิตรรักแฟนเพลง และสร้างความเศร้าโศกให้แก่วงการเพลงลูกทุ่ง เพราะ "พี่เป้า" คือราชาเพลงลูกทุ่งอันดับ 1 ของเมืองไทย ที่มีแฟนเพลงมากมายอยู่ทั่วประเทศ

                จุดเริ่มต้นของการเป็นขวัญใจคนเดิมในใจประชาชนของนายสายัณห์ ดีเสมอ หรือที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น พรสายัณห์ มีโชคดีเสมอ ไม่ได้มีทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่วันที่ ด.ช.เป้า ลืมตามาดูโลก เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2495 ณ ต.ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เขาเป็นบุตรนายอ่อง และนางบุญช่วย ดีเสมอ ซึ่งประกอบอาชีพชาวนา เมื่อตอนเด็กๆ ได้ร่ำเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้ๆ บ้าน โรงเรียนวัดป่าสะแก จนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และออกมาช่วยพ่อแม่ทำนาที่บ้าน

                ทว่าอยู่ได้ไม่นานคุณพ่อก็เสียชีวิตกลางคัน ปล่อยให้สายัณห์ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากกับแม่ สายัณห์รักการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก ตระเวนประกวดร้องเพลง และได้รับรางวัลชนะเลิศมาก็หลายครั้ง โดยมีญาติผู้ใหญ่ที่ชื่อ "น้าสว่าง" เป็นผู้พาไปสมัครประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ต่อมาเขาไปสมัครเป็นนักร้องอยู่วงดนตรีเทียนชัย สมยาประเสริฐ (สามี ผ่องศรี วรนุช) แต่ยังไม่ได้ออกหน้าเวที จากนั้นได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีผ่องศรี วรนุช ซึ่งแยกตัวออกมาจากเทียนชัย ตามคำชักชวนของราเชนทร์ เรืองเนตร ซึ่งที่แห่งนี้ทำให้สายัณห์เริ่มออกเวทีในฐานะหางเครื่อง
 
                ต่อมาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงด้วย ช่วงนี้เขาร้องเพลงแนวศรคีรี ศรีประจวบ เป็นหลัก สายัณห์อยู่ที่นี่ได้ 3 ปี วงก็ยุบ จากนั้นว่าที่นักร้องดังแห่งยุค ก็ไปอยู่กับวงดนตรีอีกมากมายหลายวง อย่าง "รวมดาวกระจาย" ของครูสำเนียง ม่วงทอง, บรรจบ เจริญพร, ก้าน แก้วสุพรรณ และชินกร ไกรลาศ โดยในยุคนี้ สายัณห์ ใช้ชื่อว่า "กัมชัย ลูกราษฎร์บำรุง" ต่อมาสายัณห์มาอยู่กับวง "รวมพร" ของคุณเล็ก และคุณน้อยศรี อิงคะนันท์ เจ้าของปั๊มน้ำมันพรรุ่งโรจน์ ย่านบุคคโล และได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งสองให้บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก คือ "รักเธอเท่าฟ้า" ของครูฉลอง การะเกต ซึ่งทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง ในปี 2515 คุณพ่อเล็ก และคุณแม่น้อยศรี อิงคะนันท์ ออกทุนให้สายัณห์อัดแผ่นเสียง เริ่มต้นจาก เพลงรักเธอเท่าฟ้า และ เพลงพลัดคู่ ความหวังที่ตั้งใจ คือเพลงดังจะได้มีงานทำ มีเงินใช้เหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ความหวังที่คิดว่าเพลงมันจะดังกลับไม่เป็นอย่างที่คิด แผ่นเสียงถูกเก็บกักดองแช่เย็น กำลังใจหดหู่อยู่ไปก็ไม่มีความสุข อยู่กับชินกรได้ไม่นานเพียงปีเศษก็อำลาออกจากวง จึงเข้าร่วมวงดนตรีรวมพร แต่ก็ไปไม่รอด ที่สุดก็เป็นเด็กล้างรถอยู่ในปั๊มน้ำมันพรรุ่งโรจน์ บุคคโล ชะตาเวียนวนจนเวียนหัว ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้

                วันหนึ่งขณะที่สายัณห์ช่วยงานล้างรถอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ชลธี ธารทอง ครูเพลงชื่อดังที่ตอนนั้นยังเป็นนักร้อง และนักแต่งเพลงที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง และตัดสินใจจะกลับไปใช้ชีวิตชาวไร่ที่บ้านนอก เพราะไม่ประสบความสำเร็จในวงการเพลงได้แวะมาเข้าห้องน้ำที่ปั๊มแห่งนี้ และได้ยินสายัณห์ร้องเพลงของ ศรคีรี ศรีประจวบ ได้ถูกใจ หลังจากได้คุยกัน สายัณห์บอกว่าเขาอยากเป็นนักร้อง และมีนายทุนซึ่งก็คือ เจ้าของปั๊มน้ำมันนั่นเอง ชลธี จึงมอบเพลงลูกสาวผู้การ และเพลงแหม่มปลาร้า ให้สายัณห์ฟรี  โดยเดิมที 2 เพลงนี้ชลธีจะแต่งให้ศรคีรีร้อง แต่ศรคีรีโชคร้ายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปก่อน การได้ร้องบันทึกแผ่นเสียง 2 เพลงนี้ได้รับความอุปการะจากคุณพ่อเล็ก และคุณแม่น้อยศรี เช่นเดิม ก่อกำเนิดวงดนตรีน้องใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

                @@แหบมหาเสน่ห์

                ตั้งแต่ปี 2516 มีการตั้งวงดนตรี "สายัณห์ สัญญา" และนับตั้งแต่นั้นสายัณห์ก็ผลิตผลงานออกมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทยมากมาย ในปี 2525 สายัณห์ได้ผ่าตัดลำคอทำให้เสียงกลายเป็นเสียงแหบ และได้ฉายาว่า "แหบมหาเสน่ห์" จากนั้นในปี 2527 สายัณห์ก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ทำให้ผลงานเพลงเงียบหายไปพักหนึ่ง สายัณห์ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งชายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหลังจากการถึงแก่กรรมของสุรพล สมบัติเจริญ แม้จะไม่เคยได้รับรางวัลทางการร้องเพลงใดๆ เลยก็ตาม แต่สายัณห์ก็เป็นนักร้องที่มีเสน่ห์ มีคำออดอ้อนแม่ยก แฟนเพลง ผู้สนับสนุน ด้วยประโยคที่คุ้นเคยคือ "รักสายัณห์น้อยๆ แต่รักนานๆ"

                @@เปิดวงวันแรก

                วันที่ 31 ธันวาคม 2516 คือวันเปิดวงครั้งแรก แสดงที่บึงพลาญชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ผู้คนแห่แหนมาดู ชนิดมืดฟ้ามัวดิน ไม่น่าเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว เปิดวงใหม่ๆ ค่าตัวค่าแสดงทั้งวง 8,000 บาท ชีวิตศิลปินน้องใหม่ หันหน้าไปหาใครก็ยังไร้บารมี ต้องอดทนอดกลั้นถึงที่สุด ประคับประคองวงดนตรีจนถึงปลายปี ก็โชคดีซ้อน ได้เพลงเด่นส่งอีกถึง 2 เพลง คือเพลงสัญญา 5 ปี และเพลงลารักจากสวนแตง

                สิ่งที่เจ็บปวดคือประชาชนแฟนเพลง สับสนเหมือนงงจนแยกแยะอะไรไม่ได้ เนื่องจากมีวงดนตรี "สัญญา สายัณห์" เกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง อีกทั้งยังมีชื่อละม้ายคล้ายคลึงกันจนแยกแทบไม่ออกว่าใครเป็นใคร ในที่สุดสายัณห์ก็ตัดสินใจเข้าหาผู้ใหญ่ เพื่อให้ท่านเปลี่ยนสัญญา สายัณห์ เสียใหม่ ซึ่งผู้ใหญ่ก็ตกลงกันได้เป็นอย่างดี จากนั้นมาก็มีวงดนตรี สายัณห์ สัญญาและวงดนตรี สัญญา พรนารายณ์ ต่างคนต่างทำมาหากินกันไปไม่สับสนเหมือนตอนแรก แฟนเพลงก็เริ่มเข้าใจดีขึ้น

@@ผลงานเพลงดัง

                สายัณห์ สัญญา บันทึกเสียงเอาไว้กว่า 1,200 เพลง และในจำนวนนั้นมีเพลงที่ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงมากมาย เช่น รักเธอเท่าฟ้า, ลูกสาวผู้การ, แหม่มปลาร้า, ขาดเธอพี่ขาดใจ, นางฟ้ายังอาย, มีแฟนหรือเปล่า, คำสั่งเตรียมพร้อม, แม่ดอกซอมพอ, ทหารกองหนุน, กินอะไรถึงสวย, นางกวักมหาเสน่ห์, พบรักปากน้ำโพ, ลานเทสะเทือน, ถึงชั่วก็รัก, ล้นเกล้าเผ่าไทย, จำปาลืมต้น, นักเพลงคนจน, มนต์รักกาสะลอง, ฝากใจไว้อีสาน, ขาดเธอพี่ระทม, คาถามัดใจ, เกลียดห้องเบอร์ห้า, ไก่จ๋า, วานนี้รักวันนี้ลืม, เธอมีของดี, แด่คนชื่อเจี๊ยบ, ผู้เสียสละเสียความรู้สึก, คนอกหักพักบ้านนี้, ยืนใจลอยคอยแฟน, เหนือคำสาบาน, หนึ่งปีที่ทรมาน, ลารักจากสวนแตง และตัวไกลใจเหงา ฯลฯ


2เดือนทุกข์ทนต่อสู้มะเร็งตับ

                กระแสความห่วงใยที่มีต่อ "พี่เป้า" สายัณห์ สัญญา หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เมื่อแฟนเพลงที่รักยิ่งของนักร้องลูกทุ่งขวัญใจคนเดิม ทราบข่าวถึงอาการป่วยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 สายัณห์เข้าพักรักษาตัว ณ โรงพยาบาลศรีวิชัย ย่านสามแยกไฟฉาย ฝั่งธนบุรี ด้วยอาการจุกแน่นที่ท้อง กินอาหารไม่ได้มาถึง 3 เดือนแล้ว ผอมลงน้ำหนักลดลงไปประมาณ 15 กิโลกรัม แพทย์ตรวจพบจุด 4 จุดในตับอ่อน และอยู่ในสภาวะกระจายตัว จึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจ ก่อนสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นมะเร็ง โดยก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน สายัณห์เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ซึ่งแพทย์ตรวจพบเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด และก้อนเนื้อขนาด 3 เซนติเมตร ที่ตับอ่อน

                หลังจากนั้น วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 สายัณห์ สัญญา กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีวิชัย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงครอบครัว พร้อมด้วยคณะแพทย์ เผยว่าจะมีการแถลงข่าวเรื่องอาการป่วยในวันที่ 18 กรกฎาคม เวลา 18.00 น. โดยในวันดังกล่าว นักร้องลูกทุ่งขวัญใจคนเดิม กล่าวพร้อมน้ำตาซึมออกมาว่า "ตอนนี้รู้สึกห่วงลูกๆ อีก 2 คนที่ยังเรียนไม่จบ เพราะคงต้องใช้เงินรักษาอีกมาก คืออยากขอยมทูตให้อยู่อีกหน่อย อยากรับปริญญาลูกอีก 2 คน ภรรยาต้องดูแลลูกคนเดียว เพราะเราไปทำงานไม่ได้เงินก็ร่อยหรอ ถ้าจะตายก็อยากจะจัดคอนเสิร์ตพบปะกับแฟนเพลงเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อจะหารายได้รักษาตัวเพื่อจะได้อยู่ดูลูกรับปริญญา"  โดยสายัณห์ตั้งชื่อว่า "คอนเสิร์ตวันอำลาขวัญใจคนเดิม สายัณห์ สัญญา"

                "ผมนึกไม่ถึงว่าเราจะมาป่วยแบบนี้ เราเป็นคนเข้มแข็งมาก สำหรับแฟนเพลง ถ้าพี่เป้าจัดงานครั้งนี้ อยากให้มาพบกันเป็นครั้งสุดท้าย ความผูกพันกับแฟนเพลงมีมาก อีกอย่างผมก็อยากได้ยินคนเรียกครูเป้าบ้าง ผมเขียนเพลงไว้กว่า 800 เพลง ไม่รู้ก่อนตายจะได้ยินใครเรียกครูเป้าบ้างหรือเปล่า"  สายัณห์กล่าวเสียงเศร้า

                หลังจากนั้นสายัณห์ ถูกย้ายไปโรงพยาบาลพระรามเก้า ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 เนื่องจากโรงพยาบาลศรีวิชัย เครื่องมือแพทย์ไม่เพียงพอในการรักษา ตลอดระยะเวลาของช่วงวิกฤติชีวิตจากโรคร้าย ข้างกายสายัณห์จะมีคู่ชีวิต คู่ทุกข์ คู่ยาก อย่างนางชนัลชล สัมฤทธิบุญกุล (วรรณพร สัมฤทธิ์) ผู้เป็นภรรยาคอยดูแลไม่ห่าง
 
                กระทั่งคืนวันที่ 21 กรกฎาคม สายัณห์มีภาวะเลือดจางรุนแรง คณะแพทย์จึงตัดสินใจให้เลือดเพิ่มอีก 1 ถุง จากนั้นในวันรุ่งขึ้น จึงทำการเจาะตับ เพื่อนำเอาตัวอย่างน้ำและชิ้นเนื้อไปตรวจหาสารมะเร็งอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากร่างกายของสายัณห์ยังอ่อนแอ ไม่สามารถที่จะเจาะตรวจมะเร็งที่ตับอ่อนได้โดยตรง จนวันที่ 24 กรกฎาคม ผลตรวจชิ้นเนื้อพบว่านักร้องขวัญใจคนเดิมป่วยเป็น "มะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย"

                ผ่านไปไม่นาน สายัณห์อาการทรุดหนัก แต่เจ้าตัวขอรักษากับแพทย์ทางเลือก และกลับไปพักรักษาตัวที่คอนโด ย่านปิ่นเกล้า ขณะที่แพทย์ รพ.พระรามเก้า นัดให้เคมีบำบัด แต่นักร้องขวัญใจคนเดิม ไม่อยากทำ จึงดื้อไม่ไป ในที่สุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม แพทย์ทางเลือกแถลงอาการสายัณห์ว่า พบมะเร็งที่เม็ดเลือดขาวหรือ "ธาลัสซีเมีย" เพิ่ม จำเป็นต้องให้เลือด ขณะที่ นพ.ประสิทธิ์ เจียรกุล ผอ.ฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลธนบุรี กล่าวยืนยันว่าจากการตรวจล่าสุด ไม่พบเชื้อมะเร็งในเม็ดเลือดขาวแต่อย่างใด ซึ่งในขณะนั้นเขายังมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นเวทีคอนเสิร์ตในวันที่ 16 สิงหาคมที่ จ.สุพรรณบุรี ได้

                แม้หัวใจพยายามต่อสู้กับโรคร้ายสุดพลัง แต่ไม่อาจหยุดยั้งมะเร็งร้ายที่ลุกลามอย่างหนักหน่วง สายัณห์ถูกหามส่งโรงพยาบาลธนบุรี ในวันที่ 14 สิงหาคม และไม่สามารถขึ้นคอนเสิร์ตในวันที่ 16 สิงหาคม ได้อย่างที่ตั้งใจ มัจจุราชร้ายไม่อาจคร่าหัวใจอันแข็งแกร่งได้ แต่ร่างกายไม่อาจทานทนไหว และมีแนวโน้มจะทรุดลงไปเรื่อยๆ คณะแพทย์หนักใจมากขึ้น เพราะนักร้องขวัญใจคนเดิมปฏิเสธการทำ "คีโม"

                เหมือนสวรรค์ยังเป็นใจอาการของสายัณห์เริ่มดีขึ้น เมื่อหลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ที่เขานับถือเข้าเยี่ยม พร้อมมอบเหรียญพระหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน และให้ศีลและอวยพรให้หายจากโรคร้ายโดยเร็ว กระทั่งวันที่ 31 สิงหาคม สายัณห์เดินทางไปคอนเสิร์ต "รวมพลคนรักพี่เป้า สายัณห์ สัญญา ขวัญใจคนเดิม" ณ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม ก่อนจะช็อกหมดสติ ในวันที่ 1 กันยายน ต้องหามส่งโรงพยาบาล ธนบุรี

                ปาฏิหาริย์ไม่อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง แพทย์ระบุอาการของนักร้องขวัญใจคนเดิมทรุดลงเรื่อยๆ ก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้น ปอดมีนํ้าคั่ง ตับและไตทำงานเสื่อมลง จนวันที่ 8 กันยายน เกิดวิกฤติอีกครั้ง สายัณห์ต้องเข้าห้องไอซียู เนื่องจากอาการฉี่ไม่ออก แพทย์ฟอกไตเพื่อยื้อชีวิต เพราะนี่คืออาการสุดท้ายก่อนพญามัจจุราชจะพรากชีวิตขวัญใจคนเดิมไปตลอดกาล


.................

(หมายเหตุ : ย้อนตำนาน'อำลาอาลัย' ขวัญใจคนเดิม'สายัณห์ สัญญา' : โต๊ะข่าวบันเทิง คมชัดลึกรายงาน)