
เล่นหูเล่นตา:อายุ15(ได้มาเป็นสาวรำวง)
เล่นหูเล่นตา : อายุ 15 (ได้มาเป็นสาวรำวง) : โดย...เจนนิเฟอร์ คิ้ม
เคยเชื่อเสมอมาว่า ... การอยู่กับครอบครัวและเพื่อนสนิทเป็นช่วงเวลาที่เราได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด ... มาถึงตอนนี้เพิ่งรู้ว่า ... ฉันคิดผิด!
การอยู่กับครอบครัวนั้นเราต่างรู้นิสัยกันดีว่าใครเป็นอย่างไร อยู่ๆ ไปทุกคนก็แก่เป็นไม้ใกล้ฝั่ง ส่วนอีพวกหลานชายก็โตเป็นควาย คนแก่ก็แก่เกินแก้ต้องปล่อยให้เป็นอย่างที่เคยเป็น ส่วนเด็กๆ ก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อมั่นแบบแปลกๆ อยากรู้อะไรมันไม่ต้องถามผู้ใหญ่ในบ้านเหมือนสมัยก่อน มันถาม " กูเกิล " ที่มันเชื่อว่าเป็นทั้งครูและผู้ใหญ่ของมัน ดีกว่าอีกตรงที่ไม่มาคอยด่า ว่ากล่าว ฉันซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 วัยก็เลยได้แต่นั่งมอง ทำอะไรใครไม่ได้ จะพูดจะว่าอะไรไปก็กลัวจะเสียใจผิดใจกันเลยต้องเลยตามเลย ... แม้อยู่ในกลุ่มเพื่อนสถานการณ์แบบนี้ก็ยังหนีกันไม่พ้น ... (เป็นตัวของตัวเองที่สุดได้แค่ตอนขี้ในส้วมละมั้ง!) "ครูอุ้ม พี่เต็ง พี่จี๋ พี่เจน พี่แจง โกนุ้ย ... สวัสดีค่า ...า"
ยกมือไหว้กราดเหล่าผู้อาวุโสที่สุดในโต๊ะกินข้าว แล้วค่อยเดินไปกอดเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่าง ชุดาภา พี่ก้อง ปิยะ และนังท็อป ดารณีนุช โต้โผในการจัดงานรวมกลุ่ม (ทุกงาน!) ระหว่างทักทายเสียงเพลงก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้แก่กันเข้าไปอีก พี่ผัดไทกับฝน บุณฑริก ยืนถือไมค์เอื้อนเสียงเจื้อยแจ้วยังกะงานวันเกิดคนแก่ หรือเกษียณอายุราชการก็ไม่ปาน "ตั้งใจ มั่นใจ ว่าจะไม่รัก ..." "วิมานนี้ ... สีชมพู ..."
จีบปากจีบคอร้องกันยังกับนกแก้วนกขุนทองในร้านอาหารไฮโซอิตาลี ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร "กูจะร้อง" ส่วนใครจะฟังหรือไม่นั้น ... ช่างมัน! ฉันชินและฮากับเพื่อนสนิทก๊วนนี้เพราะทุกครั้งที่กินโต๊ะแชร์กัน อาหารกับเสียงเพลงคือสิ่งที่คนพวกนี้ขาดไม่ได้ ส่วนฉัน ... หนวกหูพวกมันเจงๆ!
"ขอบใจนะเมิงๆ ลงจากคอนเสิร์ตยังไม่หายเหนื่อยดีก็ยังอุตส่าห์มาร่วมงานวันเกิดลูกแก็งค์ของกู" ท็อป ดารณีนุช ขอบอกขอบใจยังกับติดหนี้บุญคุณฉันมาแต่ชาติที่แล้ว มันเป็นคนรักเพื่อนและดีใจเว่อร์ทุกครั้งที่เพื่อนๆ มางานที่มันจัด
"อ้าว! ... นี่วันเกิดลูกแก็งค์เหรอ ฉันนึกว่าวันเกิดคนแก่สักคนในกลุ่มเรา ... ลูกแกนี่ประเสริฐจริงๆ วันเกิดตัวเองแท้ๆ ยังปล่อยให้แม่กับป้ามาปู้ยี่ปู้ยำยังกะงานเลี้ยงบ้านบางแค เป็นเด็กคนอื่นฉันว่ามันคงกระทืบเท้ากลับบ้านไปแล้วมั้ง!"
"เจ้าแก็งค์" ไถผมด้านข้างสกินเฮดฮิพฮอพตามสไตล์เด็กอยากโตเป็นหนุ่มตามพี่มัน "เจ้ากั๊ท" ที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มวัย 20 ปี เรียนมหาวิทยาลัยนั่งงุ้งงิ้งอยู่กับแฟนตามประสาเด็กรุ่นใหม่ ... ถึงแก็งค์จะอยากโตอยากทันสมัยแบบพี่ชายที่เป็นต้นแบบ แต่ข้างในตัวต้นของแก็งค์คือ "คนแก่" มันถอดแบบแม่มัน ท็อป ดารณีนุช ภาคฮาผสมดราม่าได้อย่างลงตัว แก็งค์รักเพื่อนฝูง ขี้สงสาร อะลุ้มอะล่วย มีน้ำใจ และเข้ากับทุกคนได้ดีโดยเฉพาะ ... คนแก่ๆ อย่างเพื่อนแม่ แก็งค์จึงมีสีหน้ายิ้มแย้มสนุกสนานตลอดงาน ฉันเห็นนางตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกเป็นลูกน้อยหอยสังข์ของนังท็อป เพื่อนซี้ฉันกระเตงไปในหมู่เพื่อนแม่จนนางโตเป็นหนุ่มและไม่มีท่าทีว่าจะสับสนแบบเพื่อนสนิทของแม่อีกคน ... พี่ก้อง ปิยะ คนที่เห็นแก็งค์ตั้งแต่หลุดออกมาจากช่องคลอดนังท็อป
"อีท็อป เลือดมึงไหลทะลักออกมายังกะน้ำตก ว้าย! ... หัวเด็กโผล่ออกมาแล้วอีท็อป มันอะเมซิ่งมาก ... ลูกจ๋า! ... ลูกจ๋า! ..." เสียงพี่ก้องบรรยายบรรยากาศการคลอดลูกแก็งค์ในวันที่แก็งค์ลืมตามาดูโลก โดยมีเพื่อนๆ แม่เป็นประจักษ์พยานอยู่ข้างๆ นังท็อป (เพื่อนสนิทชิดมดลูกมันเป็นแบบนี้นี่เอง!) เสียงท็อปสวนขึ้นมาในห้องคลอดว่า ...
"หยุด! ... หยุด! เสียงแรกที่ลูกกูควรได้ยินต้องเป็นเสียงกู คนเป็นแม่ ไม่ใช่เสียงมึงนะอีก้อง!"
นังท็อปเล่าทีไรพวกเราหัวเราะน้ำตาไหลกันทุกที เพราะนางจะมีทั้งแอ็กติ้งและการใช้เสียงเฉพาะตัวยากแก่การลอกเลียนแบบ สมกับที่นางเป็นดาราจริงๆ เพื่อนกรู!
ใครใคร่กิน ... กิน ใครใคร่คุย ... คุย ใครใคร่ร้อง ... ร้อง เสียงจึงดังเซ็งแซ่และอบอวลไปด้วยพลังแห่งมิตรภาพ เพื่อนฝูงมากันเฉพาะที่สนิทกันจริงๆ มีทั้งชะนี ตุ๊ด ทอม ที่มีสิ่งหนึ่งเหมือนกัน ... ความบ้า! ฉันไม่เห็นเพื่อนแก็งค์สักคน มีแต่เพื่อนแม่ แห่กันขึ้นไปทั้งร้องทั้งเต้น สารพัดจะทำกันไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหน ... หันไปมองแก็งค์แล้วเห็นใจนาง แต่นางกลับสนุกเฮฮาเสียยิ่งกว่า ...
"ฮานา วา ฮานา โยะ ชิ ทา ซึ รา ซา คุ ... คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน" แก็งค์ลุกไปจับไมค์ร้องเพลง "ดอกไม้ของน้ำใจ" เอ๊ะ! ... ยังไงนะแก็งค์ ร้องเพลง สาว สาว สาว นี่จะบอกใบ้อะไรแม่ท็อปรึเปล่า? จากนั้นพี่ก้อง ปิยะ ก็ขึ้นไปร้อง "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป ... "ครูอู๋คะ ดูแลท่าเต้นด้วยค่ะ" อือ ... นางทำเหมือนคอนเสิร์ตนางเองเลย มีครูอู๋ เปรมจิตต์ มาออกแบบท่าเต้นให้ด้วย ครูอู๋จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะ?
"พี่แจง ท็อป ดื่มไวน์กันไหม?" ฉันหันไปชวนเพื่อนๆ นานๆ ทีจะเจอกันที นี่คือวาระพิเศษแต่ไม่มีใครเอาด้วยสักคนเพราะตรงกับช่วงเข้าพรรษา อีแม่ชีพวกนี้เขาถือศีลกัน "ชวนใครก็ไม่มีใครร่วมทำบาปด้วย ไม่กินไวน์ ไม่นินทา แล้วจะทำอะไรกันล่ะทีนี้" "ถึงพี่จะนินทาไม่ได้ช่วงนี้ แต่พี่พยักหน้าได้นะ" พี่แจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล เสียบมาหนึ่งดอก ฉันหัวเราะชอบใจ
หันไปมองแผนกเถิดเทิง ตอนนี้กู่ไม่กลับแล้วค่ะคุณตำรวจ เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว พี่ก้อง ปิยะ ร้องเพลง "ไม่เอานะเกรงใจ" กับ "ผีเสื้อราตรี" พี่ผัดไทเต้นประกอบเพลงดูแล้วเหมือนโรงพยาบาลบ้ามากกว่าร้านอาหาร พอพวกนี้หมดแรง พี่แจงกับครูอุ้มเลยขึ้นไปร้องแนวเรทโทร ทั้งคาร์เพนเตอร์ และเดอะบีเทิลส์ ... ลูกแก็งค์ก็ไม่ว่าอะไรนั่งยิ้มหัวเราะตามยังกับมีร่างคนแก่มาประทับทรงในร่างเด็กผู้ชายอายุ 15 ปีคนนี้ ถึงเวลาเป่าเค้ก แก็งค์ยืนอธิษฐานเป่าเค้กแล้วกล่าวขอบคุณแม่ พ่อ และพี่กั๊ท พี่ชายคนเดียวของนาง แก็งค์พูดว่า "ปีนี้ผมอายุ 15 แล้ว ..." มีเสียงสวนขึ้นมาจากเพื่อนๆ แม่ว่า "เท่าไหร่แล้วนะลูก" "15" แก็งค์ตอบ
"อายุ 15 ได้มาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรงวับๆ แวมๆ" พอจบเพลงก็ถามใหม่แบบนี้ 2-3 ครั้ง แก็งค์ก็เล่นมุกตามทุกครั้ง โถ ... ลูกแก็งค์ของป้า น่าสงสารที่ต้องมาจัดงานวันเกิดพร้อมกับงานเลี้ยงคนชราบ้านบางแคอย่างเพื่อนๆ แม่ ... รู้รึยังล่ะว่า ไม่ใช่แค่ฉันหรอกที่เป็นตัวของตัวเองไม่ได้เวลาอยู่กับเพื่อนและครอบครัว ... เด็กอายุ 15 ก็เป็นเหมือนกัน!