บันเทิง

วันนี้เราเติมตู้เย็นให้เต็มแล้วหรือยัง?

วันนี้เราเติมตู้เย็นให้เต็มแล้วหรือยัง?

06 ส.ค. 2556

วันนี้เราเติมตู้เย็นให้เต็มแล้วหรือยัง? : คอลัมน์ ขบคิดขีดเขียน โดย... หญิงยศ


          วันที่นั่งเขียนต้นฉบับของอาทิตย์นี้ เป็นวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปีของหญิงยศกับสามีพอดี๊ พอดีเลยค่ะ ก็เลยแอบลงรูปวันแต่งงานของตัวเองเมื่อหนึ่งปีที่แล้วในไอจีส่วนตัว มีอยู่หนึ่งรูปที่เป็นพิธีในโบสถ์ เนื่องด้วยคุณสามีของหญิงยศเป็นคริสเตียนเต็มขั้น เราจึงมีพิธีแลกคำสาบานกันในวันแต่งงานค่ะ หญิงยศโพสต์รูปแล้วก็เขียนใต้รูปไว้ว่า เราจะไม่ลืมเติมของในตู้เย็นบ้านเราให้เต็มอยู่เสมอ... มีหลายคนเข้ามาทั้งขำทั้งสงสัยว่าตู้เย็นมันเกี่ยวอะไรด้วย แล้วชีวิตแต่งงานมันเกี่ยวข้องอะไรกับกับข้าวในตู้เย็น เออ... นั่นน่ะสินะคะ คือว่า...

          เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะคะคุณตำรวจ....

          เมื่อวันแต่งงานของหญิงยศ หลังจากที่เราได้กล่าวคำสาบานว่าจะอยู่ดูแลกันทั้งในยามสุขและทุกข์ และได้แลกแหวนแต่งงานกันแล้ว ศาสนจารย์ผู้ประกอบพิธีก็ได้กล่าวคำสอนเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ให้แก่เราและแขกที่มาร่วมงานได้ฟังกัน

          ไหนๆ วันนี้ก็ครบรอบแต่งงานหนึ่งปีพอดิบพอดี หญิงยศขอเอาคำสอนนั้นกลับมาเล่าสู่กันฟังพร้อมทั้งเตือนใจตัวเองและสามี (ที่กำลังนั่งแอบอ่านต้นฉบับอยู่ข้างๆนี้) อีกสักครั้งก็แล้วกันค่ะ

          ศาสนจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ผู้ประกอบพิธีแต่งงานให้หญิงยศและสามี เปรียบเทียบให้ฟังค่ะว่า คนเราเมื่อแรกรักกันนั้นต่างก็เอาใจใส่ดูแลกัน เหมือนคนสองคนที่ขนซื้อของมาใส่ไว้ในตู้เย็นของตัวเองอย่างเต็มที่ เธอชอบอันนั้น ฉันชอบอันนี้ ซื้ออันนั้นอีกนิด อันนี้อีกหน่อย ขนซื้อกันมาเต็มที่ เอาใจกันสุดๆ จนตู้เย็นเต็มล้นแทบปิดไม่ลง ทุกวันผ่านไปก็คอยหยิบนู่นนี่มาป้อนกัน มาทำให้อีกฝ่ายทานอย่างเอร็ดอร่อย นับวันของในตู้เย็นก็ค่อยๆ พร่องลงไป แรกๆ ก็ขยันไปซื้อของมาคอยเติมอยู่เรื่อยๆ แต่นานวันก็ชักขี้เกียจ ของในตู้เย็นก็ค่อยๆ พร่องลง พร่องลง ต่างคนต่างซื้อแต่ของที่ตัวเองชอบ บางทีก็เริ่มโทษอีกฝ่ายว่าทำไมซื้อแต่ของที่ตัวเองอยากกิน

          ปล่อยผ่านไปนานเข้า วันหนึ่งเปิดตู้เย็นก็เห็นว่าของหมดเกลี้ยง ทีนี้เอายังไงดี หิวก็หิว หันซ้ายหันขวา เห็นว่าตู้เย็นของบ้านข้างๆ เขาเต็มดี เราก็มีสิทธิ์จะเดินไปขอของนอกบ้านทานบ้าง ถ้าปล่อยผ่านไปนานๆ เราอาจจะเริ่มชินกับการไปทานอาหารจากตู้เย็นบ้านอื่นจนลืมไปว่าตู้เย็นที่บ้านของตัวเองก็ยังมีอยู่ แต่เราแค่หยุดเติมเต็มตู้เย็นที่บ้านของเราไปแล้วเท่านั้นเอง อาจารย์บอกว่า ของในตู้เย็นก็เปรียบเหมือนความรักของคนสองคน เราเป็นคนธรรมดา ความรักของมนุษย์มันมีวันจืดจางและมีวันหมดอายุ ถ้าหากเราปล่อยปละละเลย ไม่คอยเติมความรักให้กันอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อไหร่ที่ความรักเริ่มมีปัญหา หันซ้ายหันขวาไปเจอคนอื่นที่พร้อมจะรับฟังและเข้าใจ เมื่อนั้นเท่ากับเราเปิดประตูให้คนอื่นเข้ามาแทรกกลางระหว่างชีวิตคู่ของเราเสียแล้ว แต่ถ้าหากเราคอยเติมความรักให้กัน เปรียบเหมือนการเติมของในตู้เย็นไว้อย่างสม่ำเสมอ อาจจะไม่ล้นเหลือเหมือนคราวแรก แต่เปิดมาเมื่อไหร่ก็มีแต่ของชอบของอีกฝ่ายวางไว้ให้ ท้องก็อิ่ม ท้องอิ่มก็ไม่ต้องออกไปมองหาจากตู้เย็นของบ้านอื่น เหมือนกับความรักหากมีการดูแลเติมเต็มอยู่เสมอ ก็ยากที่ชีวิตคู่จะแตกสลายลงไป

          แต่จะทำยังไงกันดีล่ะคะ หากการเติมความรักมันเป็นเรื่องง่ายๆ และเป็นรูปธรรมมากกว่านี้อาจจะง่ายขึ้น แต่มนุษย์เราเกิดมาไม่มีคู่มือการใช้ติดตัวมาเสียด้วย จะไขลานหรือเติมน้ำมันตรงไหนมันก็บอกไม่ได้เอาซะ

          จริงๆ อาจารย์สอนค่ะว่า คำว่า “รัก” เราต้องทำให้มันเป็นคำกิริยา ไม่ใช่คำนาม ไม่ใช่แค่พูดว่ารัก แต่ไม่เคยปฏิบัติให้เห็น อันนี้ไม่เติมตู้เย็น รักก็ต้องแสดงให้เห็น ต้องพูดให้ได้ยิน ต้องสัมผัสได้ ต้องได้รสได้กลิ่นครบถ้วน

          ผู้ชายหลายคนพูดว่ารักแต่ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเวลาต้องการตัว บางคนบอกว่าห่วงแต่ไม่เคยอยู่ด้วยเวลาเราเศร้า เหตุผลคือเขายุ่ง เขาทำงาน ในวันนั้นอาจารย์สอนค่ะว่าหลังจากแต่งงานแล้วหน้าที่หลักของเราคือเป็นสามีและเป็นภรรยา ทำงานโดยเอาความสุขของอีกฝ่ายเป็นที่ตั้ง อะไรที่เป็นความสุขของสามี ภรรยาต้องทำ อะไรที่เป็นความสุขของภรรยา สามีต้องทำ และต้องทำทันทีไม่มีแต่ ไม่มีรอ ก่อนนอนอธิษฐานด้วยกัน พูดขอบคุณซึ่งกันและกัน กล่าวสรรเสริญความดีของกันและกัน ขอโทษซึ่งกันและกัน เช้ามาก่อนออกจากบ้าน ถ้าพอมีเวลาทำอีกค่ะ คู่ชีวิตที่สรรเสริญความดีของกันและกัน อภัยในข้อผิดพลาดและอวยพรให้กัน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างยาวนาน...

          สิ่งที่อาจารย์กล่าวสอนให้วันนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับเฉพาะคู่แต่งงานใหม่ แต่หลายคนที่แต่งงานมานานหลายสิบปีแล้วก็ยังน้ำตาคลอ คิดว่าทุกคนคงแอบตั้งคำถามเดียวกันอยู่ในใจว่า... วันนี้เราเติมตู้เย็นที่บ้านเราให้เต็มแล้วหรือยัง?

.......................................
(หมายเหตุ วันนี้เราเติมตู้เย็นให้เต็มแล้วหรือยัง? : คอลัมน์ ขบคิดขีดเขียน โดย... หญิงยศ)