บันเทิง

Eat play life:ไลฟ์สไตล์'ฮูลิแกน'

Eat play life:ไลฟ์สไตล์'ฮูลิแกน'

23 ก.ค. 2556

ไลฟ์สไตล์'ฮูลิแกน' : คอลัาน์ Eat play life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร


 
          แม้แผนกำราบ “ฮูลิแกน” ของรัฐบาลอังกฤษในปลายศตวรรษที่ 80 จะได้ผลอยู่มาก แต่ความกังวลเกี่ยวกับอันธพาลลูกหนังดูเหมือนจะยังคงมีอยู่เรื่อยๆ มาตลอด
 
          ข่าวฮูลิแกนเตรียมทัพทุกๆ ครั้งที่จะมีบอลโลก มาจนถึงข่าวบราซิลผวาเวิลด์คัพโดนป่วนจากอันธพาลลูกหนังที่เพิ่งออกมา อาจเป็นเพียงวาทกรรมแค่นั้น แต่ความกลัวในพวกจอมปั่นป่วน ก็ยังไม่หายไปไหน
 
          โรบิน แมนเซอร์ เขียนไว้ในหนังสือ history of football violence ว่า ถ้าใครสักคนจะนับวันที่ 24 พฤษภาคม 1964 เป็น “วันแรก” ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาว่า เป็นเหตุการณ์ที่ฮูลิแกนได้แสดงบทบาทของตัวเองในสนามฟุตบอล พวกเขาก็ควรจะทราบด้วยว่า ฮูลิแกน นั้นเกิดและมีมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 หรือเกือบๆ 20 ปีที่แล้ว
 
          นับตั้งแต่ที่ศัพท์คำว่า hooligan ถูกนำมาใช้ในช่วงปี 1890 โดยมีความหมายถึงพวกอันธพาล ที่มักก่อความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ในวันที่มีการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอล จนถึงวันนี้ เวลาผ่านมานับได้ร้อยกว่าปี ความหมายของฮูลิแกน ก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปสักเท่าใด หนำซ้ำ ความรุนแรงที่คนกลุ่มนี้กระทำ ยังดูจะซับซ้อนมากขึ้น และเป็นไปในรูปแบบของการ “ตระเตรียม” หรือ "วางแผน" มากขึ้นด้วย
 
          ในศตวรรษที่ 13 นั้น คือช่วงเวลาที่นักประวัติศาสตร์ระบุว่า เป็นต้นกำเนิดของฟุตบอลในประเทศอังกฤษ โดยคนพื้นเมืองมักจัดการละเล่นประเภทนี้ขึ้นในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ รูปแบบของเกม เป็นคล้ายกับสงครามขนาดย่อม
 
          โดยผู้เล่นคือคนวัยหนุ่มจากหมู่บ้านและเมืองใกล้ๆ การปะทะกันเพื่อแย่งโอกาสในการนำลูกหนังกลมๆ ส่งเข้าประตูโบสถ์ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ มีความรุนแรง และเป็นไปโดยไร้กติกา โดยมีแรงกระตุ้นสำคัญคือกรณีพิพาทเรื่องที่ดิน ทรัพย์สิน และอื่นๆ
 
          เกมดังกล่าว เป็นเหมือน "ประเพณี" (tradition) และต้องมี “การดื่ม” เป็นสิ่งประกอบด้วย หลายครั้งเกิดความรุนแรงในระดับที่เกินขีดจำกัด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจนถึงขั้นล้มตาย ซึ่งสำหรับในยุคนั้น ไม่ได้ถือว่าความเสียหายต่อชีวิตที่เกิดขึ้นในเกมฟุตบอล คือ “หายนะ” ดังเช่นทุกวันนี้
 
          ในศตวรรษที่ 14 ก็เกิดการเรียกร้องให้มีการตั้งกฎเพื่อควบคุมเกมฟุตบอลอย่างจริงจัง ซึ่งเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังข้อเรียกร้องดังกล่าว แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของศีลธรรมอะไร เป็นแต่เพียงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันแข่งบอลนั้น มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างจัง เมื่อชาวบ้านเกิดความไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตน ตลาดและร้านค้าจึงเงียบเหงาผิดปกติทุกครั้งที่มีการแข่งขัน
 
          นิโคลัส ฟาร์นดอน นายกเทศมนตรีประจำลอนดอน คือคนแรกที่แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเกมประเภทนี้อย่างเป็นทางการ เขาแถลงในปี 1314 ว่า “ด้วยเหตุที่เกิดความอลหม่านไปทั่วอันเป็นผลของเกมฟุตบอล จึงขอออกคำสั่ง และขอห้าม ในพระนามของกษัตริย์ ว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ห้ามมิให้มีการเล่นเกมดังกล่าวในเมืองนี้โดยเด็ดขาด ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก”
 
          แต่คำประกาศของ ฟาร์นดอน ดูจะไม่มีผลกระทบอะไรนัก แม้จะมีผู้ถูกจับหลายราย แต่คนที่นั่น ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอลกันต่อไป นับตั้งแต่การประกาศครั้งแรกของฟาร์นดอน จนถึงปี 1660 ประมาณกันว่า มีคำสั่งห้ามในทำนองเดียวกันอีกถึง 15 ครั้ง แต่เช่นเคย ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งในความนิยมในเกมฟุตบอลได้
 
          ถ้าลองสังเกตดูจะเห็นว่า บุคลิก หรือฮูลิแกนนั้น สามารถบอกได้ว่า typical ของพวกเขา ก็จะมีการมีอารมณ์ร่วมในฟุตบอล, มีเบียร์ไว้ดื่มและมักก่อเหตุวิวาทอย่างรุนแรง เหตุการณ์หนึ่งที่เป็นโศกนาฏกรรมโดยฮูลิแกนและยังไม่ลืมก็คือปี 1985 ซึ่งเป็นนัดชิงยูโรเปี้ยนระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ยูเวนตุส ปรากฏว่าแฟนบอลของอังกฤษไปตีแฟนบอลของอิตาลี จนมีการเสียชีวิตถึง 39 ศพ ทำให้ทีมจากอังกฤษโดนยูฟ่าแบนไปนานถึง 5 ปี
 
          นักวิชาการบางคนพยายามให้คำอธิบายในเรื่องนี้ว่าในสนามมีผู้ตัดสินที่พร้อมจะรายงานต่อ fa.หากเกิดเหตุการณ์ใด แต่เรื่องแฟนบอลนั้น เกิดขึ้นและจำกัดอยู่เพียง “บนอัฒจันทร์” เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้ตัดสิน หรือถ้าแฟนบอลเกิดแสดงอาการบ้าคลั่งตามท้องถนน ก็เป็นเรื่องของตำรวจ ซึ่งก็ไม่มีความจำเป็นต้องประกาศให้สาธารณชนทราบแต่อย่างใด เรื่องจึงถูกเก็บไว้อย่างนั้น
 
          หลายฝ่ายหวังว่า ความสงบสุขจะคงอยู่คู่สนามบอล แต่แล้ว เพียงพลิกข้ามทศวรรษ ความปั่นป่วนก็กลับมาเยือนอีกครั้ง นับตั้งแต่ยุค 60 เป็นต้นมา ความรุนแรงที่เกิดจาก “ฮูลิแกน” เป็นไปอย่างดุเดือดและซับซ้อนมากขึ้น และยังคงดำเนินต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน
 
          ฮูลิแกนอาจจะยังมีอยู่อย่างประปราย แต่การที่มันจะกลับมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนั้น เป็นไปได้ยาก เพราะการจัดการแบบเด็ดขาดและรุนแรง “ยืนรอ” พวกเขาอยู่

.......................................
(หมายเหตุ ไลฟ์สไตล์'ฮูลิแกน'  : คอลัาน์ Eat play life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)