บันเทิง

เอกเขนกดูหนัง:'Steven Seagal (2)'

เอกเขนกดูหนัง:'Steven Seagal (2)'

12 ก.ค. 2556

'Steven Seagal (2)' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม


 
          เมื่อปีที่แล้ว ค่ายหนังแผ่นบ้านเรา นำเอาหนังของสตีเว่น ซีกัล หลายเรื่อง ออกวางขายในราคาที่ถูกมากเป็นแผ่นลิขสิทธิ์คุณภาพดี โดยเฉพาะดีวีดีนั้นแถมฟีเจอร์รายละเอียดเกี่ยวกับหนังมาให้ ทั้งคลิปสัมภาษณ์ทีมงาน, เบื้องหลังการถ่ายทำ (แม้ตัวหนังจะห่วยจนไม่ได้อยากจะกดเข้าไปดูฟีเจอร์ต่อก็ตาม) แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าในราคาสามสิบกว่าบาทสำหรับดีวีดีลิขสิทธิ์ ที่บรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับหนังได้สมบูรณ์แบบที่สุดเรื่องหนึ่ง 
 
          หนังเก่าๆ ของซีกัล ที่ค่ายหนังแผ่นนำออกมาเลหลังขายกันถูกๆ มีตั้งแต่หนังเรื่องแรก "Above the Law" ตามมาด้วยงานยุคแรกๆ ที่ทำให้เขาแจ้งเกิดอย่างงดงามในฐานะดารานักบู๊คนใหม่ จนบริษัทจัดจำหน่ายหนังบ้านเราตั้งฉายาให้ว่า "จอมหักกระดูก" ไม่ว่าจะเป็น “Hard to Kill” “Marked for Death” “Out for Justice” และมาประสบความสำเร็จสูงสุดในเรื่อง “Under Siege” หนังเหล่านี้ดูสนุกมาก โดยเฉพาะลีลาการต่อสู้ด้วย ‘ไอคิโด้’ (Aikido) ศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่นที่ซีกัลฝึกฝนมานานแรมปีจนเชี่ยวชาญถึงขั้นเป็นครูสอน และนำมาประยุกต์ใช้ในหนังแอ็กชั่น
 
          ลวดลายการต่อสู้ด้วย ‘ไอคิโด้’ ของซีกัลในยุคนั้น ถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่น่าสนใจสำหรับคอหนังบู๊ไม่น้อย จากที่เคยเห็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าหลากหลายรูปแบบของดารานักบู๊คนอื่นๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความดุดัน ซัดกันลุ่นๆ ด้วยหมัดเท้าเข่าศอก ทุ่มพละกำลังเพื่อล้มคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น ฌอง คลอด แวนแดม, ดอล์ฟ ลุนด์เกรน กระทั่งเฉินหลงและหลี่เหลียนเจี๋ย หรือเจท ลี เองก็ตาม ซึ่งสองคนหลังนี้ ยังเน้นความแคล่วคล่องว่องไว เคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวร่วมด้วย แต่สำหรับศิลปะการต่อสู้แบบไอคิโด้ของซีกัลนั้น เขากลับค่อยๆ เคลื่อนตัวประชิดคู่ต่อสู้อย่างเชื่องช้า ไม่ได้ทุ่มเทซัดกำปั้นอย่างหนักหน่วงเพื่อล้มคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่า (ก็แหงล่ะ เพราะหนังเกือบทุกเรื่องของเขา ซีกัลรูปร่างใหญ่โตกว่าคู่ต่อสู้เสมอ) เพราะฉะนั้นรูปร่างที่ได้เปรียบ สายตาอำมหิตที่จ้องมองคู่ต่อสู้อย่างสุขุมก่อนเข้าปะทะในชั่วเวลาพริบตา และสุดท้ายลีลาหักกระดูกด้วยการบิดข้อมือ เหวี่ยงแขนตวัดคู่ต่อสู้จนล้มคว่ำคะมำหงาย ทุ่มทับจับหักขาบิดไหล่ ไล่ไปจนถึงหักคอ ทั้งหมดใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้แล้ว ลวดลายการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของสตีเว่น ซีกัล จึงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนหนังในยุคนั้นเป็นอย่างมาก รูปแบบการต่อสู้ที่ผสมผสานศิลปะการต่อสู้ไอคิโด้จึงกลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่สำคัญในหนังของซีกัลเสมอมา
 
          จุดอ่อนของดารานักบู๊เกือบทุกคนอยู่ที่การแสดงภาวะทางอารมณ์ ทั้งนี้พวกเขาอาจจะไม่ได้ฝึกฝนศิลปะการแสดงมากไปกว่าศิลปะการต่อสู้ที่ตัวเองถนัด จึงไม่แปลกที่ดาราเหล่านี้จะเล่นแข็งเป็นสากกะเบือในซีนดราม่า แต่เมื่อถึงฉากที่ต้องออกลีลาการต่อสู้ พวกเขาก็ฉกฉวยเวลาแห่งการฉายแสงอันโดดเด่นของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าอายุของชื่อเสียงความโด่งดังสำหรับดาราเหล่านี้จึงค่อนข้างสั้น สตีเว่น ซีกัล ก็เช่นกัน หลังความสำเร็จถล่มทลายของ Under Siege ซีกัลก็ลองหันมาจับงานกำกับ และรับบทนำเองในหนังเรื่อง On Deadly Ground ซึ่งมีท่าทีซีเรียสจริงจังมากขึ้น แม้จะเป็นหนังแอ็กชั่นก็ตาม ประเด็นของหนังข้ามไปแตะเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผลที่ได้รับกลับมาคือ หนังคว่ำไม่เป็นท่า ใช้ทุนสร้างไปกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ทำรายได้แค่ 38 ล้านเหรียญ หนำซ้ำยังโดนนักวิจารณ์ก่นด่ายับไม่มีชิ้นดี บางคนบอกว่าเป็นหนังที่ติดอยู่ในรายชื่อหนังสุดห่วยประจำปี 2537 ก่อนจะสมหวังเมื่อได้รับรางวัลราซซี่อวอร์ด (ราซซี่เน่า) ในสาขาผู้กำกับยอดแย่หลังจากมีชื่อเข้าชิงถึง 6 รางวัล ทั้งหนังยอดแย่ นักแสดงนำชาย-หญิงยอดแย่ (สตีเว่น ซีกัล-โจอัน เชง) บทยอดแย่ และเพลงประกอบยอดแย่ แม้หนังจะได้ดาราคุณภาพมาร่วมงานอย่างไมเคิล เคน, บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน แล้วก็ตาม แต่ไม่ว่าจะถูกประณามอย่างไรฉากแอ็กชั่นหลายๆ ฉากในหนังเรื่องนี้ก็ยังสนุก ซีกัลยังโชว์ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแบบไอคิโด้ของเขาอย่างเร้าใจ
 
          ซีกัลกอบกู้ชื่อเสียงของเขากลับคืนมาได้อีกครั้งในหนังภาคต่อ Under Siege 2: Dark Territory ตามด้วย Executive Decision (ซึ่งเป็นบทสมทบเล็กๆออกมาไม่กี่นาทีก็ถูกฆ่าตาย) แต่หลังจากนั้นสถานภาพดารานักบู๊ของซีกัลก็ฟุบตกลงมาอีกเพราะหนังสองเรื่องหลังคือ The Glimmer Man หนังคู่หูตำรวจและ Fire Down Below หนังแอ็กชั่นที่แตะประเด็นสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง ทั้งสองเรื่องล้มเหลวขนาดที่ทำรายได้ไม่ถึงครึ่งของทุนสร้างเลยด้วยซ้ำ และจากนั้นมาหนังของสตีเว่น ซีกัล ถูกส่งตรงลงดีวีดีทันทีที่สร้างเสร็จ นับจากเรื่อง The Patriot เป็นต้นมา (โดยเฉพาะเรื่องนี้ เข้าขั้นแย่ ถึงแย่มาก เพราะนอกจากฉากแอ็คชั่นจะน้อย นักแสดงแต่ละคนยังเล่นกันได้ห่วยสุดๆ) มีหนังของซีกัลอีกสองเรื่องที่มีโอกาสฉายโรงบ้านเราคือ Exit Woundsและ Half Past Dead ที่รายได้ไม่เลวร้ายนักแต่ก็ยังถูกนักวิจารณ์สาปส่งอยู่เหมือนเดิม และนับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา เราก็ไม่เคยเห็นลีลาการต่อสู้ของซีกัลปรากฏให้เห็นบนจอหนังอีกเลย นอกจากในทีวี

.......................................
(หมายเหตุ 'Steven Seagal (2)' : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)