
เอกเขนกดูหนัง:'Love Now (Changing Partners)'
Love Now (Changing Partners) : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
ในบรรดาชาติเอเชียตะวันออก ประเทศที่ถือว่ามีอุตสาหกรรมหนังแข็งแรงและเต็มไปด้วยความหลากหลายก็คือญี่ปุ่นและเกาหลี ความแข็งแรงของหนังทั้งสองชาตินี้ รวมความตั้งแต่การประสบความสำเร็จได้รับความนิยมจากผู้ชมในบ้านตัวเอง การได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ การขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศ และคนทำหนังได้การยอมรับจากนานาชาติจนมีโอกาสข้ามไปทำหนังนอกประเทศรวมถึงตลาดหนังใหญ่ที่สุดอย่างฮอลลีวู้ด
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ช่วงที่เกาหลีใต้เริ่มออกคลำทางนโยบายเชิงรุกในการส่งออกวัฒนธรรม สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านหนัง เพลง ซีรีส์การท่องเที่ยว ฯลฯ ดูเหมือนว่าการลองผิด ลองถูก กลับได้ช่วยเปิดทางความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มีผลงานที่น่าสนใจปรากฏขึ้น รวมทั้งผลักดันคนทำงานหน้าใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา
วงการหนังเกาหลีเองมีการเปลี่ยนผ่าน มีการสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เกิดความหลากหลาย และเป็นที่สนใจไม่เพียงแค่ในบ้านเกิด หนังรักโรแมนติก หนังผี ถูกฮอลลีวู้ดซื้อไปรีเมก หนังแอ็กชั่น หนังตลก ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย แม้แต่หนังไซไฟ ขายวิชวลเอฟเฟกท์ ก็ยังเป็นที่ยอมรับและคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าฮอลลีวู้ด
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา วงการหนังเกาหลีใต้เริ่มขยับไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ ของแนวทางการสร้างงาน เมื่อปรากฏว่าหนังแนวอีโรติกถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายๆ เรื่องได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง และอีกหลายเรื่องเช่นกันที่ได้เสียงตอบรับชื่นชมในทางที่ดี มากกว่าแค่เป็นหนังขายเซ็กส์ เน้นเรือนร่างเย้ายวนของนักแสดง และแน่นอนว่าท่ามกลางความหลากหลายย่อมมีทั้งงานที่ดีและงานที่ผิดหวังปะปนกันอย่างแยกไม่ออก
“Love Now (Changing Partners)” ออกฉายเมื่อ 7 ปีก่อน เป็นหนังที่พยายามเล่นกับสองแนวทางอย่างคู่ขนานกันไป ระหว่างรักโรแมนติกและอีโรติก ตัวพล็อตนั้น ดูจะเอื้อให้เล่นกับความอีโรติกได้ด้วยการสร้างเรื่องให้เกิดกับคู่สามีภรรยาสองคู่ ที่บังเอิญมาเจอกันในงานปาร์ตี้เล็กๆ ของเพื่อนในผับแห่งหนึ่ง ก่อนจะเปิดต้องตาต้องใจในคู่ของอีกฝ่าย และสานความสัมพันธ์กันต่อมาในลักษณะของการลอบคบหาเป็นชู้รักของกันและกัน
วิธีการนำเสนอ โดยเฉพาะงานด้านภาพและกำกับศิลป์นั้น “Love Now” เอนเอียงมาในสไตล์หนังรักโรแมนติกอย่างสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสงเงาในโทนสว่างไสว หรือสีสันเมลืองมลังสดใส ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นอิ่มเอิบในรักมากกว่า สีโทนอับทึบหรือการกำกับภาพให้แสงเงาตัดกันอย่างรุนแรงเพื่อเน้นความภาวะสับสนหรือการอยู่ในด้านมืดของอารมณ์และพฤติกรรมที่ก้าวล่วงสู่การกระทำผิดศีลธรรมของตัวละคร หนังทำเหมือนกับว่ากำลังพาเราไปดูความรักหวานชื่นของคู่สามีภรรยาที่ต่างแอบนอกใจคบชู้สู่ชายโดยไม่รู้สึกผิดหรือหวาดระแวงใดใด
“Love Now” ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “สลับรักสลับร้อน” ที่ดูจะโดดเด่นของการให้ภาพหนังรักโรแมนติก ที่ไม่เพียงงานด้านภาพดูจะจงใจถ่ายให้สวยอย่างประณีตบรรจงแล้ว ดนตรีประกอบยังหวานหูเหมือนดูหนังรักหนุ่มสาวแรกรุ่น หาใช่ความรักต้องห้ามของชายชู้หนุ่มสาววัยทำงานเหมือนที่ปรากฏในเรื่องราวแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเมื่อถึงฉากตัวละครแอบมาร่วมรัก งานกำกับกลับประดักประเดิด การแสดงความเร่าร้อนในกามตัณหาของตัวละครหาได้เย้ายวนชวนใจเร่งเร้านำไปสู่การเสพสังวาส หากแต่รู้สึกได้แค่พวกเขาสัมผัสแตะต้อง กอดจูบกันด้วยความเขินอาย ทั้งๆ ที่หนังตั้งใจขายรูปร่างของนักแสดงหญิงด้วยการเลือกนางเอกสาวทรงโต อย่างฮันแซยอง มารับบทนำ มีฉากวาบหวิวที่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวหลายฉาก แต่ดูเหมือนว่าการเล่นเป็นภรรยาสาวผู้เก็บกดของนักบริหารหนุ่ม จะทำได้ดีกว่าการเล่นฉากเลิฟซีนที่ (พยายามจะทำให้) เร่าร้อนมากกว่าหลายเท่า
ความพยายามเล่นกับอารมณ์โรแมนติกบนเส้นเรื่องหนังอีโรติกของ “Love Now” ดูจะสูญเปล่าและไร้ประโยชน์ เมื่อหนังเล่นกับสไตล์มากจนละเลยการให้รายละเอียดของเรื่องราวและปมของตัวละครอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังมีแก๊กแบบพ่อแง่แม่งอน ทั้งๆ ที่คนทั้งสองคู่ต่างกระทำผิดศีลธรรม หวงในสิ่งที่ตนมีและใคร่อยากได้ในสิ่งที่ปรารถนา (แม้ไม่ใช่ของตน) ที่สำคัญพวกเขาและเธอ ไม่ได้รับบทเรียนใดใด ทั้งๆ ที่ทั้งสี่คนเผยความรู้สึกในใจให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในฉากสุดท้ายหนังได้พยายามอะไรบางอย่างเป็นนัยให้รู้ว่า พวกเขาอาจจะแค่เล่นวิ่งไล่จับ ที่ไม่มีใครจับได้หรือถูกจับคาหนังคาเขา แค่วิ่งไล่กันเรื่อยๆ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็คงเลิกรากันไปเท่านั้นเอง
.......................................
(หมายเหตุ Love Now (Changing Partners) : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)