
ชำแหละ'คุณชายพุฒิภัทร'จัดหนักจน'ฟีเวอร์'
ชำแหละ'คุณชายพุฒิภัทร'จัดหนักจน'ฟีเวอร์' : ทีมข่าวบันเทิงรายงาน
“กรี๊ด...อยากซุกอกคุณชายหมอ” “โอ๊ย...อยากป่วยจะได้มีคุณชายหมอมาดูแล” หลากหลายอารมณ์ระเบิดทรวง จากความอัดอั้นตันใจ เมื่อได้ดูละครเรื่องซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ตอน “คุณชายพุฒิภัทร” ทางช่อง 3 ทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายของสาวแท้ สาวเทียม ที่กำลังนั่งเกาะติดขอบจอโทรทัศน์พลุ่งพล่าน เอามือจิกหมอน จนทนไม่ไหว ต้องการหาที่ระบายอย่างเร่งด่วน
เมื่ออดรนทนไม่ไหว ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมทุกคืนวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สื่อโซเชียลมีเดียทุกแขนง ทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือตามเว็บบอร์ดชื่อดังต่างๆ หมายรวมไปถึงผู้คนในสังคม ในออฟฟิศ สถานที่ราชการ ตลาดร้านค้า บนรถไฟฟ้า ฯลฯ จะเต็มไปด้วยการพูดถึงนักแสดงหน้าใหม่ใสกิ๊กอย่าง “เจมส์”จิรายุ ตั้งศรีสุข ผู้รับบท “คุณชายหมอ” หรือ “คุณชายพุฒิภัทร” หนุ่มสุขุมเรียบร้อย สวมเสื้อกาวน์ของแพทย์ ใส่แว่นกลมๆ ดูเผินๆ ถ้ามีไม้กายสิทธิ์ถือไว้ในมือ คงเหมือนแฮรี่ พอตเตอร์ เวอร์ชั่นไทย!! แต่...หลายคนเทใจรัก เพราะความ "หล่อ" ล้วนๆ
สิ่งที่น่าแปลกใจมากไปกว่านั้นคือ ความตื่นตัวที่มีต่อนักแสดงดาวรุ่งคนนี้ เป็นไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง คล้ายพายุโหมกระหน่ำในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ยิ่งเจมส์ถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดียมากเท่าไหร่ ยิ่งเปรียบเสมือนการวัดกระแสความนิยมย่อมๆ โดยไม่ต้องเสียสตางค์ทำรีเสิร์ชให้วุ่นวาย แต่ได้ผลค่อนข้างแม่นยำ และวัดผลได้ง่ายมากว่า เด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม สไตล์ไทยผสมเกาหลี แถมควบตำแหน่งว่าที่ “พระเอก” ในอนาคตคนนี้ “ตรงใจ” ผู้ชมหรือไม่
ทั้งที่ตามความเป็นจริง กระแสในโลกไซเบอร์ อาจไม่ใช่ตัววัดความนิยมทั้งหมดจากคนทั่วประเทศ แต่อย่างน้อยที่สุด ปฏิกิริยาตอบรับเช่นนี้ กลับกลายเป็นตัวเร่งเร้า ผลักดัน ให้คนที่ไม่เคยรู้จักและไม่ได้ชื่นชอบ หันมาสนใจได้ว่า ใครคือคุณชายหมอ ใครคือ “เจมส์” และเขามีดีอะไร ทำไมถึงสร้างปรากฏการณ์ "ฟีเวอร์" ได้มากขนาดนี้!?
มากถึงขนาดที่ว่า เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2556 เวลาดีสองทุ่มเศษๆ ขณะที่คุณชายอีกนายหนึ่ง ที่พำนักอยู่ไกลโพ้น และเป็นเจ้าของเรตติ้ง 16 ล้านเสียง กำลังสไกปป์ออกจอขนาดยักษ์ 200 นิ้ว มายังผู้ชมนับหมื่นคนที่ย่านราชประสงค์ ขณะที่คุณชายอีกนายหนึ่งกำลังขึ้นเวทีการแสดง รับบทพญามังราย ที่เชียงใหม่ แต่ว่ากันว่า สายตาหลายล้านคู่กลับถูกคุณชายพุฒิภัทรดูดดึงไปตรึงเอาไว้ที่หน้าจอวิกพระราม 4 เรียบวุธ!
ชื่อของ “เจมส์” จิรายุ โด่งดังแบบ “สายฟ้าแลบ” จากละครโทรทัศน์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาและพล็อตเรื่องผิดแผกแตกต่างจากนวนิยายแนวน้ำเน่าคลาสสิก ฉบับไทยแท้เลยแม้แต่น้อย มองภาพรวมของฉาก และเสื้อผ้า หน้า ผม ทำได้ดีไม่แพ้ 2 เรื่องที่ผ่านมาอย่างตอน “คุณชายธราธร” และ “คุณชายปวรรุจ” จนอาจกล่าวได้ว่า ระดับความนิยมของซีรีส์ชุดนี้ ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาตามลำดับ เหมือนเป็นแรงส่งที่ต้องผสมผสาน และช่วยกันผลักดันให้กลมกลืนไปทุกตอน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การรับช่วงต่อที่ดีจากตอน “คุณชายปวรรุจ” มีส่วนส่งผลให้ความรักต่างชนชั้นของคุณชายพุฒิภัทรที่มีต่อ “กรองแก้ว” หรือ “นางสาวศรีสยาม” ในสมัย พ.ศ.2504 นำแสดงโดย “เบลล่า” ราณี แคมเปน พุ่งกระฉูดได้อย่างรวดเร็ว เพราะคนดูพอจะรู้จักและคุ้นเคยกับตัวละครมาบ้าง นอกเหนือจากนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “เสน่ห์” เฉพาะตัวของนักแสดงหน้าใหม่ ที่ฝีมือยังพัฒนาไปได้อีกไกล
รวมถึงอีกบทบาทที่ได้รับการพูดถึงมากในโซเชียลมีเดีย คงต้องยกให้บท "ท่านพินิจ" รับบทโดย "ปุ๊" มนตรี เจนอักษร โดยมีการวิเคราะห์กันว่า คล้ายคลึงกับสถานการณ์จริงในอดีตในยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับสมญานาม "จอมพลผ้าขาวม้าแดง" กับอดีตรองนางสาวไทย ปี 2496 อย่าง อมรา อัศวนนท์ ที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็น "กรองแก้ว" ในชีวิตจริง
โดยอดีตรองนางสาวไทยเคยให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งต่อ นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 11 กันยายน 2554 เอาไว้ว่า หลวงประเจิด อักษรลักษณ์ พ่อของเธอ ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ที่ชื่อว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ว่าชอบเธอมาก ถึงขนาดเชิญคุณพ่อไปพบเพื่อจะขอแต่งงานกับเธอ
"โดยจะให้ที่ดินแถวสุขุมวิท และเงินอีกจำนวนนับสิบล้าน ตอนนั้น จอมพลสฤษดิ์ ซึ่งเราก็รู้ว่าท่านมีภรรยาอยู่แล้วหลายคน ด้วยความที่เรายังเป็นสาวก็นึกอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร คุณพ่อก็เรียกเราไปถามว่า อยากจะกินเกลือกับคุณอังกูร หรืออยากจะมีทุกสิ่งทุกอย่าง" อมรากล่าว ทั้งนี้ อังกูร บุรานันท์ คือคนรักของเธอ สุดท้ายเมื่อบั้นปลายชีวิตของจอมพลผ้าขาวม้าแดงเกิดป่วย เธอจึงใช้โอกาสนั้นไปจดทะเบียนสมรสกับ อังกูร และแต่งงานกันหลังจอมพลเสียชีวิต
อีกประการหนึ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ คือความละเมียดละไมของ “บทละคร” โดย “ปราณประมูล” ที่เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดในอดีตในยุคสมัยนั้นได้ค่อนข้างครบ ซีนอารมณ์ มีบทพูดคมคาย และดูไม่ยัดเยียดจนเกินไป รวมถึงแฝงแง่คิดเอาไว้ เช่น "การทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีต่อต้านคนชั่ว มันเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่เหรอครับ คุณย่าไม่ภูมิใจเหรอครับ ที่หลานๆ ไม่นิ่งดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคม หรือคุณย่าอยากให้หลานๆ เป็นคนดีที่อยู่เฉยๆ ไม่สนใจอะไรเลย"
ต้องขอเรียกซีนนี้ว่า เป็นฉาก “ปล่อยของ” ที่ เจมส์ ส่งอินเนอร์แรงกระทบใจคนดู รวมถึงได้นักแสดงอย่าง ดวงตา ตุงคมะณี และ จารุวรรณ ปัญโญภาส ช่วยรับส่งอารมณ์ ฉายแววให้เห็นว่า หนุ่มคนนี้ มีอะไรบางอย่าง “ไม่ธรรมดา”
ในส่วนขององค์ประกอบอื่นๆ ของละคร แม้จะมีบางฉากหลุดไปบ้าง ในเรื่องของความต่อเนื่องและความสมจริง ทั้งฉากเดินตลาดที่มีกระเป๋า “โดโมะ” สมัยใหม่ หลุดออกมาเป็นแบล็กกราวนด์ หรือเรื่องเทคนิคทางการแพทย์ ที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตอย่างในแฟนเพจเฟซบุ๊ก Spartan Doctor ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงข้อเท็จจริงที่ควรจะเป็นในการผ่าตัด รวมถึงการใช้อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่อาจจะผิดในบางส่วน ซึ่ง "ป้าแจ๋ว" ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับซีรีส์เรื่องนี้ ได้ออกมาขอโทษ และน้อมรับความผิดในส่วนนี้
“เรื่องกระเป๋าที่เห็นในฉากเดินตลาด ยอมรับว่าเป็นส่วนที่ควบคุมค่อนข้างยาก รวมถึงฉากด้านการเทคนิคแพทย์ ที่ก่อนถ่ายทำเรามีการหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญมามาก แต่สุดท้ายยังมีสิ่งที่หลุดไปในด้านอุปกรณ์การแพทย์ และรายละเอียดทางวิชาชีพโดยเฉพาะ ซึ่งแพทย์จริงๆ เขาเข้าใจว่า เราตั้งใจทำ และเท่าที่เราทำได้ก็ดีมากแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เราต้องขอโทษและน้อมรับทุกคำติชม” ป้าแจ๋วกล่าว
พร้อมทั้งกล่าวในฐานะของคนทำงานเบื้องหลังว่า รู้สึกดีใจที่กระแสตอบรับของละครออกมาดี ส่วนการที่มีคนยกให้เป็นละครที่สร้างปรากฏการณ์ “ฟีเวอร์” นั้น ผู้กำกับชื่อดังกล่าวว่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
ความสำเร็จดังกล่าวสามารถพิสูจน์แล้วว่า การตัดสินใจเดินกลยุทธ์ “ละครซีรีส์” ของช่อง 3 ยังไปได้สวย เนื่องจากผลต่อเนื่องของโปรเจกท์ซีรีส์ชุดแรกอย่าง สี่หัวใจแห่งขุนเขา เดอะซิกเซ้นส์ สื่อรักสัมผัสหัวใจ และ สามทหารเสือสาว เหมือนที่ ประวิทย์ มาลีนนท์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้พูดถึงมุมมองต่อการทำละครชุดซีรีส์ไว้ว่า การทำซีรีส์อาจจะเป็นเรื่องง่ายต่อผู้ผลิตละคร เพราะไม่ต้องมาคิดว่าจะต้องหาเรื่องใหม่ในการทำงานละครมากนัก
“เมื่อจับซีรีส์ขึ้นมาทำแล้วก็ต้องทำต่อเนื่องไป ส่วนกระแสตอบรับเรามองว่าแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล เพราะการทำละครแนวนี้ เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มนักแสดงใหม่ให้แก่ทางสถานีได้ด้วย ตอนนี้ได้มี "เจมส์" จิรายุ ตั้งศรีสุข ในตอนคุณชายพุฒิภัทร ที่กำลังได้รับความสนใจ แต่เราต้องรอดู "บอม" ธนิน มนูญศิลป์ ในตอนคุณชายรัชชานนท์ และเจมส์ มาร์ ในตอน คุณชายรณพีร์อีกว่าจะเป็นอย่างไร" ประวิทย์กล่าว
กลวิธีโปรโมท สร้างภาพลักษณ์ และตั้งใจดันดาราเป็นแพ็กของช่อง 3 ยังทรงประสิทธิภาพ จนเตรียมโปรเจกท์ซีรีส์ผลิตต่อมาคือ ซีรีส์ชุด The Rising Sun มี 3 เรื่อง ได้แก่ รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน รอยฝันตะวันเดือด สายเลือดแดนตะวัน ได้ "จ๋า" ยศสินี ณ นคร เป็นผู้จัด และซีรีส์ชุด มาเฟียเลือดมังกร มี 5 เรื่อง คือ เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์ รวมถึงยังมีการซื้อลิขสิทธิ์ไว้อีกหลายชุดอย่าง "ดวงดอกไม้" ได้แก่ ธาดากุสุมา ปทมาศวรรย์ และ สร้อยสะบันงา
มาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่า การทำงาน "ธุรกิจละคร" สมัยนี้ ต้องอาศัยกลยุทธ์มากมายประกอบเป็นขบวนและเดินไปพร้อมกัน ตั้งแต่การสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย สื่อโทรทัศน์ รายการเล่าข่าว รายการโชว์ต่างๆ ที่อยู่ในกำมือ ไปจนถึงหนังสือซีรีส์ เพื่อเรียกเรตติ้งให้กระฉูด ไม่เฉพาะแต่เพียงตอบโจทย์ "จริตคนไทย" เท่านั้น หากแต่ยังกระตุ้นให้ธุรกิจที่ว่านี้ต่อสู้กันดุเดือดเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับด้วย จับตาดูกันต่อไปว่า วิกหมอชิต คู่ปรับตลอดกาลจะเอาคืนด้วยไม้เด็ดอันใด
..................................
(หมายเหตุ : ชำแหละ'คุณชายพุฒิภัทร'จัดหนักจน'ฟีเวอร์' : ทีมข่าวบันเทิงรายงาน)