
การตีความใหม่ของหนังไทยใครพังใครรุ่งในยุคนี้
การตีความใหม่ของหนังไทยใครพังใครรุ่งในยุคนี้ : สกู๊ปบันเทิง
วงการภาพยนตร์ไทยในเวลานี้กำลังคึกคักกับภาพยนตร์ 2 เรื่อง 2 รส ที่กระแสโปรโมทมาแรงแซงภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เพราะทั้งสองเรื่อง พี่มาก....พระโขนง กับ คู่กรรม เป็นบทประพันธ์อมตะ ที่คนไทยชื่นชอบ อีกทั้งเมื่อหยิบจับขึ้นมาสร้างเมื่อไหร่ มักจะเป็นที่จับตามอง และเป็นที่สนอกสนใจของผู้ชม
ในเวอร์ชั่นปัจจุบันของ "นางนาค" กับ "พี่มาก" ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยค่ายจีทีเอช และใช้ชื่อใหม่ว่า "พี่มาก...พระโขนง" นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ กับ "ใหม่" ดาวิกา โฮร์เน่ พร้อมกับเหล่าเพื่อนสุดฮาอีก 4 "ฟรอยด์" ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ "เผือก" พงศธร จงวิลาส "เชน" วิวัฒน์ คงราศรี และ"บอมบ์" กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข ซึ่งเป็นการตีความใหม่ของผู้กำกับ "โต้ง" บรรจง ปิสัญธนะกูล และเขียนบทใหม่ผ่านการกลั่นกรองของตัวเอง และทีมเขียนบทอีก 2 คน คือ "เต๋อ" ฉันทวิทย์ ธนะเสวี และ "แอ้ม" นนตรา คุ้มวงษ์ ซึ่งใช้เวลาปีครึ่งในการเขียนบท
เวอร์ชั่นนี้ถูกเขียนบทให้มีความตลก สนุกสนาน มีความน่ากลัว มีอารมณ์ซึ้ง เพราะเป็นตำนานรักของพี่มากกับนางนาค แต่สิ่งที่ผู้กำกับนำเสนอจนได้รับความสนใจ จนกวาดรายได้ถล่มทลาย 200 ล้านแล้วนั้น น่าจะเป็นการตีความใหม่ที่แตกต่างจากแนวเรื่องเดิมๆ เอาความทันสมัยเข้ามา จนทำให้ผู้ใหญ่ดูได้ วัยรุ่นดูดี อีกทั้งชื่อ "พี่มาก" ยังถูกปรับเปลี่ยนให้มีความฮาเป็น "พี่มาร์ค" โดยกลบข้อครหาและคำถามที่ว่าทำไมพี่มากเวอร์ชั่นนี้ถึงเป็นลูกครึ่งได้อย่างชาญฉลาด
และยังมีประโยคฮาๆ ที่เข้ายุคเข้าสมัย โดนใจวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุยระหว่างพี่มากกับแม่นาค ที่ใช้แทนกันและกันว่า "เค้า" "ตัวเอง" ซึ่งเป็นความน่ารักกุ๊กกิ๊กของวัยรุ่นในยุคนี้ นอกจากนี้ยังมีการใช้คำฮิตอินเทรนด์มาใส่ในเวอร์ชั่นนี้ อย่างคำว่า "อูมามิ"
แต่สิ่งที่ในหนังยังคงมีอยู่เกือบครบ จนไม่ทำให้พล็อตเรื่องเปลี่ยนไป นั่นก็คือ การลากเสียงยาวๆ ของนางนาค "พี่มากขา...." ฟันดำ รวมไปถึงฉากเก็บมะนาว ฉากห้อยหัว พล็อตลอดหว่างขา (เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นผีหรือเปล่า) เพียงแต่ไม่มี หม้อดินถ่วงน้ำ ให้เห็น
หันมามองบทประพันธ์อมตะอีกหนึ่งเรื่อง ที่เคยถูกสร้างมาครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับ "คู่กรรม" ที่ล่าสุดได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง ภายใต้การสร้างของค่าย เอ็ม 39 (เอ็ม เทอร์ตี้ ไนน์) แถมยังคว้าพระเอกซุปตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ มารับบทเป็น "โกโบริ" ประกบคู่กับนางเอกใสกิ๊ก "ริชชี่" อรเณศ ดิคาบาเลส ในบท "อังศุมาลิน" ผลงานการกำกับของ "เรียว" กิตติกร เลียวศิริกุล ที่เคยการกำกับภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่องทั้ง เราสองสามคน ดรีมทีม เมล์นรก หมวยยกล้อ อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม เดอะเมีย ปาฏิหาริย์โอม+สมหวัง ฯลฯ แต่เมื่อเรียวมากำกับหนังเรื่อง "คู่กรรม" เวอร์ชั่นนี้ เรียกว่าแค่รู้ว่าใครมาเล่นก็ฮือฮาแล้ว ยิ่งเมื่อปล่อยตัวอย่างหนังเรื่องนี้ให้คอหนังได้เห็น หลายคนให้ความสนใจและต่างคาดหวังกับเวอร์ชั่นนี้
เรียวในฐานะผู้กำกับเรื่องนี้ ได้ตีความของ "คู่กรรม" เวอร์ชั่น 2013 ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง อย่างคำพูดที่อังศุมาลินเรียกโกโบริ ได้ใช้คำว่า "นาย" ขณะที่โกโบริเรียกอังศุมาลินว่า "คุณ" ฉีกแนว คู่กรรม ในเวอร์ชั่นที่ผ่านมา อีกทั้งครั้งนี้ไม่มี ยายเมี้ยนช่างเม้าท์ ตาบัวกับตาผลไม่มีบทพูด ส่วนบทของวนัส กลายเป็นหนุ่มเซอร์
สิ่งที่หลายคนคาดหวังในคู่กรรมเวอร์ชั่นนี้ ว่าจะเห็น อังศุมาลิน ตีขิม ก็ไม่มีให้เห็น หรือแม้แต่คุณยายที่พร่ำสอนอังศุมาลิน ก็ไม่มีแม้แต่คำพูดประโยคเดียว อีกทั้งไม่มีทางช้างเผือก แต่สิ่งสำคัญคนที่ติดตามบทประพันธ์นี้มานานอยากเห็นคือ ต้นลำพู หิ่งห้อย ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ ไม่มีให้เห็นเช่นกัน เพราะการตีความใหม่ของเรียวเน้นความรักระหว่างโกโบริ กับ อังศุมาลิน โดยที่อาจจะไม่คำนึงถึงฉากรายล้อมของเรื่องนี้
ดังนั้นเมื่อหนังในแบบฉบับของเรียวได้เข้าฉายสู่สายตาคนดู จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะการแสดงของ "ริชชี่" ในการสวมบท "อังศุมาลิน" แต่การแสดงของเธอ ได้ตีความตามผู้กำกับ อีกทั้งยังเป็นมือใหม่หัดขับ จึงทำให้กระแสของคนดูเริ่มแผ่ว โดยเข้าฉายวันแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ทำรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท ขณะที่เรื่องพี่มากฉายวันแรก กวาดไปถึง 21 ล้านบาท
การตีความใหม่ของภาพยนตร์ เรื่องไหนจะถูกใจคนไทย ต้องไปพิสูจน์ในโรงภาพยนตร์วันนี้ทั่วประเทศ
......................................
(หมายเหตุ การตีความใหม่ของหนังไทยใครพังใครรุ่งในยุคนี้ : สกู๊ปบันเทิง)