
เสี้ยวหนึ่งชีวิตและเพลงดัง'ครูกานท์'
เสี้ยวหนึ่งชีวิตและเพลงดัง'ครูกานท์ การุณวงศ์'
วงการเพลงลูกทุ่งสูญเสียครูผู้มีศิลปะการแต่งเพลง จนเป็นที่ยอมรับและโด่งดังไปทั่วอย่างยาวนาน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากล้มป่วยด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือดและพักรักษาตัวที่บ้านนครนายก สลับกับโรงพยาบาล ศพครูกานท์ ตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่วัดผาสุก มณีจักร ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทองธานี จ.นนทบุรี จะสวดไปจนถึงวันที่ 26 นี้และญาติจะเก็บศพไว้รอการฌาปนกิจต่อไป
ทีมข่าวบันเทิง”คมชัดลึก” ขอนำคำสัมภาษณ์เสี้ยวหนึ่งของชีวิตและงานครูกานท์ การุณวงศ์ ที่ปกติแล้ว ไม่ค่อยได้ปรากฏตัวตามสื่อมากนัก รวมทั้งที่มาอย่างละเอียดของเพลงดัง “รู้ว่าเขาหลอก”
“ผมแต่งเพลงมาตั้งแต่เรียนหนังสือแล้ว ถ้านับเป็นเวลาก็หลายสิบปีทีเดียว ผมแต่งแล้วแต่งอีกคิดอยู่เสมอว่า เพลงของเราใช้ได้แล้วหรือยัง จากนั้นผมก็เข้ามากรุงเทพฯ มาสมัครร้องเพลง ผมประกวดร้องเพลงชนะ ครูเบญจมินทร์ (ตุ้มทอง โชคชนะ) ก็พาไปอัดเสียง ครูก็ดูสมุดแต่งเพลงที่ผมติดตัวมา ครูบอกว่าร้องให้ฟังหน่อยซิ ผมก็ร้องครูก็บอกว่าใช้ได้เอาไปเก็บไว้ทำไม ตัวผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเพลงที่แต่งใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ครูก็ช่วยแก้ไข้ให้ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย เพื่อให้ชาวบ้านเขารู้เรื่อง คำพูดบางคำมันสุภาพเกินไป เอาภาษาพูดมาใช้ อย่าเอาภาษาเขียนมาใช้ ผมก็ได้ความรู้มาจากครูนี่แหละครับ”
แม้ว่าจุดเริ่มต้นของครูกานท์จะมาจากนักร้อง แต่ครูกานท์ก็ยังลุ่มหลงอยู่กับการแต่งเพลง ร้องไปด้วยแต่งเพลงไปด้วย ครูเล่าถึงการเขียนเพลงแบบเป็นเรื่องเป็นราวว่า
“ผมเริ่มแต่งเพลงอย่างจริงจังเมื่อปี 2504 ตอนนั้นแต่งให้กุศล กมลสิงห์ ร้อง เพลง ”ไข้ใจ“ ที่ตอนนี้รังษี เสรีชัย เอามาร้อง ผมแต่งตอนนั้นก็ปีที่รังษีเกิดนั่นแหละ นานอยู่นะ จากนั้นผมก็พักมาหลายปี เพราะอุปสรรคมันเยอะ อีกอย่างตอนนั้นผมมีงานประจำทำด้วย เป็นข้าราชการครับ ก็อยู่มาพอรอดตัวไป ผมน่ะเป็นคนทำอะไรช้า ชอบประดิดประดอย ไม่ทันใจเขาบางทีจะอัดอยู่วันสองวันแล้วก็ยังทำไม่เสร็จ มันหลายเรื่องครับ“
ครูกานท์พักงานด้านเพลงนานพอสมควรจากสาเหตุหลายอย่างก่อนจะกลับมาอีกครั้งเพื่อทำเพลงให้กับ สมัย อ่อนวงศ์ พรชัย สร้อยเพชร และ ดำ แดนสุพรรณ
“อย่าพูดว่าแต่งเพลงอย่างเดียวเลยนะเอาเป็นว่าร่วมงานกัน ร้องเพลงบ้าง แต่งเพลงบ้างเพราะตอนนั้นวงไม่ค่อยมีผลงานเพลงก็เลยทำเพลงป้อนให้กับวง อย่างตัวคุณสมัยนี่ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยนะ รู้จักกันโดยบังเอิญขณะที่ผมไปหาอารมณ์มาเขียนเพลง ตอนนั้นไปต่างจังหวัดบ่อยก็เลยเจอกัน แล้วก็ชักชวนกันทำเพลง ผมทำเพลงช่วงนั้นก็มี “แสบหัวใจ” เพลง “ถึงพี่จะดำ” จำไม่ค่อยได้ มันนานก็ทำให้ทั้ง 3 คนเลย”
หลังจากนั้นหลายปี สมัย อ่อนวงศ์ก็ยุบวงดนตรีประกอบกับ ครูกานท์ก็ล้มป่วย ไซนัสอักเสบ ทำให้ใช้เสียงไม่ค่อยได้ การป่วยครั้งนั้นทำให้มาครูได้มาแต่งเพลงให้รังษี เสรีชัย
“ตอนนั้นผมเริ่มเป็นโฆษกแล้ว แต่บังเอิญมาเป็นไซนัสซะ การพูด การร้องมันไม่ค่อยสะดวก ผมเป็นอยู่นาน มีอะไรที่สะสมอยู่ก็เอาออกมาขายเอาออกมาจำนำหมด พ่อแม่ก็มาป่วยพร้อมกัน คิดว่าจะไม่ไหวแล้ว คุณประจวบ (จำปาทอง) ก็มาพบเข้า เลยพามารักษาจนรอดชีวิตมาถึงตอนนี้ ทีแรกผมก็คิดว่าจะทำงานชดใช้ให้ เพราะตอนนั้นคุณประจวบกำลังทำเพลงอยู่ คุณประจวบบอกว่าสุขภาพยังไม่ดีก็ยังไม่ต้อง ผมก็พักมาเรื่อย จนมาพบคุณสรรเสริญ (รุ่ง เสรีชัย อดีตผู้บริหารค่ายบ๊อกซิ่งซาวด์) แกก็บอกว่าจะทำยังไงให้รังษี ดังได้“
นี่คือจุดเริ่มต้น ที่ครูกานท์หวนคืนสู่วงการเพลงอย่างแท้จริงหลังพักรักษาตัวมานานนับ 10 ปี ครูเริ่มแต่งเพลงให้รังษี เสรีชัย เป็นประเดิม ก่อนจะได้พบกับศิษย์เอก ศิรนทรา นิยากร
“ตอนที่ผมจะเริ่มทำเพลงให้รังษีผมก็บอกว่าคงต้องใช้เวลาหน่อยทิ้งมานานมันกระจุยกระจายไปหมดแล้ว ต้องนั่งรวบรวมระยะหนึ่ง มีค่ายอโซน่าหนุนอีกแรงผมเลยทำอะไรได้เต็มที่ เพลงชุดที่ผมทำให้คือเพลง “รอวันเธอว่าง ““ตอไม้ที่ตายแล้ว“ พอผมไปอโซน่าบ่อยๆ ก็เลยทำให้ผมรู้จักกับศิรินทราตอนนั้นเขาร้องเพลงลูกกรุง ผมรู้สึกชอบตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนี้นิสัยดี ต่อไปคงจะดังแน่”
ทั้งคู่กานท์ การุณวงศ์ และ ศิรินทรา นิยากร ไม่น่าจะได้มาเป็นศิษย์อาจารย์กันได้ เพราะแนวเพลงทั้งคู่สวนทางกันอย่างมาก ศิรินทราร้องเพลงลูกกรุง ครูกานท์แต่งเพลงลูกทุ่งแต่พรหมลิขิตก็หักเหให้ทั้งสองโคจรมาร่วมงานกันและทำให้ฝ่ายหญิงดังเป็นพลุแตก
“เรื่องของเรื่องที่ทำให้ผมกับศิรินทราได้มาร่วมงานกันก็เพราะอโซน่าเขาอยากให้ศิรินทราร้องเพลงลูกทุ่ง ก็บอกให้ผมแต่งเพลง ผมก็บอกว่าผมจะพยายามดู คุณปิติเจ้าของบริษัทฯ ก็บอกว่าต้องบังคับผมทำศิรินทรา กับรังษีให้ดังให้ได้ไม่งั้นจะตีก้น ชุดแรกที่ผมทำให้ศิรินทราคือชุด “คิดฮอดอีสาน “และชุดหลังคือ “ รู้ว่าเขาหลอก “ที่ส่งผลให้ศิรินทราดังจนบอกไม่ถูกถึงตอนนี้”
ส่วนเพลง ”รู้ว่าเขาหลอก” นั้นครูกานท์เล่าที่มาของเพลงให้ฟังว่า
“ที่มาของเพลงนี้มันมาจากหลายสิ่ง หลายอย่างที่ยังฝังอยู่ลึกๆ อาจเป็นเพราะโดนหลอกมามาก แต่เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบแสดงออกว่าโกรธหรือเสียใจ มันก็คงเหมือนในเพลงที่ว่า “ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ยิ้มข้างนอกช้ำใน” ซึ่งไม่เกี่ยวกับความรักเลยผมอาจจะไม่มีทางออกทางอื่น ผมก็เลยเขียนออกมาเป็นเพลง ซึ่งหลายๆ คนชอบ ที่อาจจะเป็นเพราะเขาก็เคยโดนหลอกมาเหมือนผมมั้ง จริงๆ เพลงนี้ผมจะเอาไว้ร้องเองในชุด “ห่วงหำน้อย“ เพลงนี้ผมร้องแล้วทำดนตรีแล้วนะ แต่เห็นว่าเพลงก็เหมาะกับศิรินทราเหมือนกัน ก็เลยดึงออกมาให้เขาร้อง ซึ่งศิรินทราก็ไม่ทำความผิดหวังให้ผมเลยสักนิดเพลงนี้ ผมแต่งตอนนั่งรถออกมาจากอโซน่ามาบ้าน ผมเองก็ชอบเพลงนี้มากนะ”
ครูกานท์ การุณวงศ์เคยให้สัมภาษณ์ถึงศิรินทรา นิยากร ในนิตยสารหลายฉบับในสมัยนั้นว่า
“ศิรินทรา เป็นเด็กที่ผมคิดว่าอนาคตไปได้ไกล เพราะเป็นคนที่ว่าง่ายเชื่อฟังครู คอยถามอยู่เรื่อย เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมพอใจตัวเองง่ายๆ ไม่คิดว่าตัวเองเก่ง เขาจะต้องถามอยู่เรื่อยว่าแค่นี้พอยังค่ะครู ใช้ได้หรือยังค่ะ ตรงนี้ขอแก้หน่อยนะคะ ผมสบายใจเวลาต่อเพลง เขาต่อเพลงง่าย บอกนิดเดียวเขาก็เอาไปร้องด้วยลีลาของเขาเอง พื้นฐานของการขับร้องดีจะศึกษาอยู่ตลอดเวลา มีพรสวรรค์มาก”



