
ว่าที่พระเอกเต็มตัว'กันต์ กันตถาวร'
ว่าที่พระเอกเต็มตัวคุยสุดขั้วกับ 'กันต์ กันตถาวร' : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง....ดวงใจ สอาดจิตต์ / เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล ภาพ... แมน น้อยพิทักษ์
กลายเป็นอีกหนึ่งหนุ่มหน้าตี๋ กล้ามโต ที่น่าจับตามอง สำหรับ กันต์ กันตถาวร จากพระรองหน้าตี๋อินเตอร์ ในละครย้อนยุครสจัดจ้านเรื่อง "บ่วงบาป" รับบทเป็น "ขุนไว" ประกบนางเอกสาวฝีปากกล้า "พลอย" เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ในบท "รำพึง" และ "ปอ"ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท "ขุนพิทักษ์" กับเรื่องราวความรักร้อยเล่ห์ อันเต็มเปี่ยมไปด้วยตัณหาและไสยเวทย์ดำ วันนี้ "บันเทิง คมชัดลึก" และรายการ "ซุปตาร์ ในดวงใจ" ทางช่อง คมชัดลึก ทีวี ขอคว้าตัวหนุ่มสุดฮอตมาเปลื้องให้หมดเปลือก ถึงชีวิตในวันนี้และวันข้างหน้าบนเส้นทางสายบันเทิงของ "กันต์" ว่าที่พระเอกคนต่อไป!!
ละครรสแซบ "บ่วงบาป"
000พอรู้ว่าต้องมารับบท ขุนไว รู้สึกอย่างไงบ้าง
หนักใจมาก สิ่งที่กังวลคือเรื่องของภาษา เพราะเป็นละครพีเรียด แต่ผมเป็นคนพูดเร็ว ซึ่งคนสมัยก่อนจะไม่พูดเร็ว ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนพูดชัด แต่ด้วยภาษาสมัยก่อนอย่างคำว่า เอ็ง, ข้า, กระผม, ขอรับ ที่เราไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดความกระดากและไม่เคยชิน เหมือนเราต้องแสดงทั้งที่มีความกังวลในเรื่องพวกนี้ไปด้วย สำหรับผมอย่างแรกที่ปรับตัวก่อนคือ กว่าที่ผมจะพูดจนเคยชิน ต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือน
000กระแสตอบรับของละครเป็นอย่างไรบ้าง
บ่วงบาป เรียกได้ว่าเป็นทีมเวิร์กมากที่สุด เท่าที่ผมเคยทำงานมา ไม่ว่าจะเป็น กล้อง ไฟ เสื้อผ้า หรือแม้แต่นักแสดงทุกคนเป็นมืออาชีพทั้งหมด ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ถ่ายทำเป็นเวลา 8-9 เดือน ซึ่งถือว่านานมาก สำหรับละคร 1 เรื่อง แต่ตัวละครหลักของละครเรื่องนี้จะมีอยู่ 4 ตัว ขุนพิทักษ์ (ปอ) ขุนไว รำพึง (พลอย) และชุ่ม ("หยาด" หยาดทิพย์ ราชปาล) ต่างคนต่างสะท้อนแง่มุมของมนุษย์จริงๆ ขุนพิทักษ์เปรียบเสมือนคนเลว ที่เกิดในตระกูลดี ขุนไว คือคนดี แต่ไม่ได้เกิดในตระกูลที่ดีสักเท่าไหร่ รำพึง เป็นคนทะเยอทะยาน ส่วนชุ่มคือคนดีแต่เกิดเป็นทาส ทั้ง 4 คน คือความแตกต่างทางสังคมที่มาเจอกัน และมีพัฒนาการของตัวละครแตกต่างกันออกไป กระแสตอบรับของละครผมถือว่าดีเลย
000ถูกต่อว่าเยอะเหมือนกันว่า ทำไม ขุนไว ถึงโง่ขนาดนี้
ด้วยการเป็นนักแสดง ถ้าผมทำให้คนดูเชื่อได้ ผมถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับรำพึง ที่พลอยเล่น เขาทำให้คนดูเชื่อได้ว่าทำไมถึงน่ารังเกียจจัง ทำไมร้ายขนาดนั้น คนดูมีการเอาบทท่องคาถา "ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู" ไปพูดเล่นกันเอง ผมถือว่าคนทำงานอย่างเราประสบความสำเร็จทางใจแล้วอย่างหนึ่ง และผมเป็นคนที่จะไม่มานั่งเสียใจเลยว่า ทำไมเราไม่แสดงอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะผมถือว่าเราใส่กันทุกเม็ดแล้วจริงๆ
000บรรยากาศในกองถ่ายเป็นอย่างไร
เหมือนผีบ้า (หัวเราะ) เพราะว่าละครเครียดมาก พอนับ 5 4 3 2 เหมือนทุกคนจะไมเกรนขึ้นหัว ฉะนั้นเวลาที่เราไม่ได้แสดง เราจะเหมือนปล่อยผีออกมาจากตัวเองเลย เดี๋ยวกิน เดี๋ยวถ่ายรูป เล่นมุก แกล้งคนโน้น แกล้งคนนี้ เพื่อให้บรรยากาศในการทำงานไม่เครียดจนเกินไป
000ใครชอบอำมากที่สุดในกอง
พี่ปอจะชอบอำเยอะที่สุด และคนที่โดนแกล้งมากสุดคือหยอด (ยิ้ม) เพราะหยาดเป็นคนน่าแกล้ง เพราะเขาดูสู้คนไม่ค่อยได้ ทั้งในละครและชีวิตจริง ส่วนพี่ปอเขาเป็นคนน่ารัก สนิทกับทีมงานและนักแสดงทุกคน แต่เขาจะไม่ค่อยกล้าแกล้งผมกับพี่พลอยเท่าไหร่ เพราะรู้ว่า 2 คนนี้ แกล้งแล้วเอาคืนแน่ (หัวเราะ) ผมเลยไม่ค่อยโดนแกล้ง แต่จะไปแกล้งคนอื่นซะมากกว่า สมรู้ร่วมคิดกับพี่ปอไป
เตรียมขึ้นแท่นพระเอก
000แว่วว่าเร็วๆ นี้ กันต์ กำลังจะได้เป็นพระเอกเต็มตัว ตื่นเต้นไหม
ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่นะ แต่รู้สึกดีมากกว่าที่ผู้ใหญ่เห็นว่า กันต์คงทำได้ เขาเลยหยิบยื่นโอกาสให้เรา จากสิ่งที่เขาคิดว่าเราทำได้จริงๆ เพราะผมเคยเล่นเป็นทั้งคนดี ตัวร้าย หรือเป็นพระเอก แต่จะมีเป็น 2 คู่ ก็เคยเล่น เหลือแค่พระเอกที่เล่นนำเดี่ยวๆ คนเดียวยังไม่เคยเล่น แต่เอาจริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยยึดติดกับบทพระเอก หรือตัวร้ายเท่าไหร่ ผมถือว่าตัวเองต้องเป็นนักแสดงที่ดี และเล่นได้ทุกบทบาท เพราะถ้าเราเล่นได้ทุกบทบาท บทดีๆ จะเดินเข้ามาหาเราเอง ซึ่งละครเรื่องใหม่จะเป็นอีกเรื่องที่พลิกบทบาทไปเลย เพราะเป็นละครน่ารักๆ ที่ผู้ใหญ่มองว่า ถ้าผมทำให้คนดูเชื่อได้ว่า ผมไม่ร้ายเหมือนเองที่แล้ว แสดงว่าผมแน่พอ
000เข้าวงการมานาน แต่เพิ่งได้เป็นพระเอก คิดว่านานไปไหม
ผมไม่ได้มาจากสายงานนักแสดงตั้งแต่แรก เพราะผมเคยเป็นดีเจที่ 94 อีเอฟเอ็ม แต่ตอนนี้ไมได้เป็นแล้ว เพราะคิวไม่ลงตัว เกรงใจผู้ใหญ่ด้วย ผมเลยลาออกมา 2 ปี กว่าแล้ว ฉะนั้นสำหรับการเพิ่งมาเป็นพระเอก ผมไม่รู้สึกว่านานเกินไป ผมคิดว่าถ้าเราทำงานแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่ามาทำงาน นั่นแสดงว่าเรารักในงานที่เราทำแล้ว
000ละครเรื่องนี้ต้องเล่นกับ "ใหม่" ดาวิกา โฮร์เน่
ใช่ น่าจะเปิดกล้องและฟิตติ้งเร็วๆ นี้
สร้างชื่อ "กันต์" ในวงการบันเทิง
000ย้อนกลับไป กันต์เข้าวงการมาได้อย่างไร
ผมเริ่มเข้ามาจากสายแฟชั่น ตั้งแต่ ม.6 เพราะผมตัวสูง เป็นนักบาสเกตบอลของโรงเรียน เลยโดนชักชวนให้มาถ่ายแบบสัก 1-2 ปี ซึ่งช่วงนั้นนายแบบในเมืองไทยมีไม่กี่คน มีแค่ผม ณัฏฐ์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) อ้วน (รังสิต ศิรนานนท์) สมมุติมีงานเดินแบบ 10 งาน จะเจอกัน 8-9 งาน วันหนึ่งพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) เจอผมมาเดินแบบ แล้วชวนผมไปเล่นละคร แต่ผมปฏิเสธบอกว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเสียการเรียน และผมไม่ถนัดการแสดงด้วย เพราะผมเพิ่งเอนทรานซ์ติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ พอเวลาผ่านไปตอนผมอยู่ปี 3 พีไก่มาชวนผมอีกรอบ ผมเลยรู้สึกว่า พี่เขามาชวนเรา 2 รอบแล้ว ซึ่งเราเป็นใครก็ไม่รู้ เราเกรงใจเลยรับเล่นละครเรื่องแรกคือ "ดาวจรัสฟ้า" ซึ่งไม่ได้เล่นเป็นบทเด่นอะไรมาก ถือว่าเป็นโรงเรียนสอนการแสดงของเราที่แรก
000คิดไหมว่าอะไรที่ทำให้เรามาถึงวันนี้
ผมยังไม่รู้เหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่า จากการที่เราทำงานมา ทำให้ผมรู้ว่า ละครคือพาณิชย์ศิลป์ มันไม่ใช่ศิลปะร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างถ้าให้ผมแยกประเภทงานในวงการ ดีเจหรือพิธีกร คือการขายความสามารถจากตัวตนของเรา โดยดูจากบุคคลิกลักษณะเป็นจุดขาย แต่ละครคือการขายความสามารถในการที่เราต้องไปเล่นเป็นคนอื่น ทำให้ผมรู้สึกว่า เราเริ่มมีความรักกับมัน ค่อยๆ ซึมซับเข้ามาในชีวิตทีละน้อย เลยรู้สึกว่าถ้ารักมันแล้ว ก็ควรซื่อสัตย์และทำมันให้ดีที่สุด
000การเป็นนักแสดงให้อะไรกับกันต์บ้าง
ให้ชีวิตที่ดี ผมเป็นคนมีอีโก้สูง ผมไม่ต้องการให้คนมาบอกว่า ไอ้กันต์บ้านมันรวยอยู่แล้ว เพราะบ้านผมทำธุรกิจ ผมรู้สึกว่า ถ้าทุกอย่างจะเกิดขึ้นมาได้ ต้องมาจากตัวผมเอง ผมไม่ได้ใช้เงินของคุณพ่อคุณแม่ บ้านที่ผมอยู่ รถที่ใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งผมมีในวันนี้ มาจากการทำงานของผมเอง ทำให้ผมภูมิใจเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของผมภูมิใจในตัวผมเหมือนกัน
ชีวิตของ ด.ช. กันต์
000ตอนเด็กๆ กันต์นิสัยเป็นอย่างไร
ผมเป็นเด็กเกเร แต่คุณพ่อดุ คุณแม่จะไม่ดุ คุณพ่อไม่ได้ดุแบบเอาไม้ฟาด แล้วกระโดดเตะอะไรแบบนั้น แต่จะแมนๆ เลย คุณพ่อจะมีวิธีเลี้ยงว่า ถ้าคุณอยากทำอะไรอย่างหนึ่ง คุณต้องมีอะไรมาแลกอย่างหนึ่ง เช่น ผมอยากเป็นนักบาส แต่ต้องซ้อมและกลับบ้านดึก คุณพ่อก็เป็นห่วง เลยขอแลกว่า ถ้าอยากเป็นนักบาสต่อต้องเรียนให้ได้เกรด 3.2 ผมก็ต้องเรียนให้ได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร คุณพ่อคุณแม่จะไม่ว่าเลย
000ความจริงกันต์เป็นคนอย่างไร
ถ้ากับคนรู้จัก ผมจะเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แต่ถ้าไม่รู้จักกัน ผมจะมีกำแพงบางๆ อยู่อันหนึ่ง ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า มันทำให้เราแตกและห่างจากคนอื่นๆ เพราะจริงๆ แล้วผมเป็นคนขี้เขิน บางทีคนมองว่าผมหยิ่ง ทำไมไม่ยิ้มเลย แต่บางครั้งผมรู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องยิ้มให้กับใคร เพราะผมเขินที่จะยิ้มให้คนไม่รู้จัก แต่ผมไม่ติสนะ แค่มีโลกส่วนตัวในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง
หัวใจหนุ่มฮอต
000หัวใจของกันต์ ตอนนี้เป็นอย่างไร
การมีแฟนเป็นเรื่องปกติ ในวัยผมการเดินจูงมือ เดินกอดคอกันเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นผมทำ จะกลายเป็นเรื่องไม่ปกติขึ้นมาทันที แต่ผมเข้าใจเพราะเราทำงานตรงนี้ การเป็นตัวอย่างให้กับเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญ ถามว่าผมมีคนคบอยู่มั้ย ผมมี แต่ถามว่าผมจะเปิดมั้ย ผมไม่เปิดแล้วก็ไม่ปิด ซึ่งผมไม่ได้คบแบบหลบๆ ซ่อนๆ ผมไปทุกที่ตามปกติ ดูหนังกินข้าวกันตามสถานที่ที่คนอื่นเขาทำกัน เพียงแต่ผมอาจจะเลือกช่วงเวลาไป และไม่ได้เดือดร้อนอะไร
000มีวางแผนอนาคตร่วมกันไหม
ยังไม่ได้วางแผนอนาคตอะไร เพราะผมคิดว่า เราควรจะวางแผนชีวิตของตัวเองให้ดีก่อน จัดการชีวิตของเราให้เรียบร้อย และอิ่มกับทุกๆ อย่างก่อน ตอนนี้ผมมีเวลาให้เขาน้อยมาก แต่คนนี้เป็นคนที่มีความเข้าใจผมสูง ไม่อยางนั้นคงอยู่กับผมไม่ได้จนถึงตอนนี้
000มุมมองความรักอย่างไร
ผมมองความรักเปลี่ยนไปตามวัย ความรักสำหรับผม คือสิ่งที่เติมเต็ม ไม่เกินไม่ขาด และความเข้าใจสำคัญที่สุด เวลาที่ผมรักใคร ผมรักจริง ไม่ได้เป็นคนลองคบเล่นๆ แล้วเลิก ผมเชื่อตัวเองในระดับหนึ่งว่าคนที่เรารักต้องเข้ากับเราได้ ถามว่าตอนนี้ใช่ที่สุดหรือเปล่า คือถ้าในอนาคต คนนี้จะใช่หรือไม่ใช่ ก็ถือว่าผมทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว
ฉะฉาน ฉลาด และเนี้ยบกับชีวิตสุดๆ สำหรับผู้ชายชื่อ "กันต์"
.......................................
ชื่อ : กันต์ กันตถาวร
เกิด : 6 ธันวาคม พ.ศ. 2528
การศึกษา : จบการศึกษาระดับมัธยมปลายแผนกการเรียนศิลป์ - คำนวณจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 ปริญญาตรีจาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงานที่ผ่านมา : ดาวจรัสฟ้า ระบำดวงดาว รักไม่มีวันตาย ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน : บ่วงบาป และซีรีย์ศีล 5
.......................................
(หมายเหตุ ว่าที่พระเอกเต็มตัวคุยสุดขั้วกับ 'กันต์ กันตถาวร' : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง....ดวงใจ สอาดจิตต์ / เบญจภรณ์ อำไพรัตนพล ภาพ... แมน น้อยพิทักษ์)