'Jack The Giant Slayer'เมื่ออำนาจสยบทุกสิ่ง | คมชัดลึก

          จากนิทานสำหรับเด็ก “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” สู่ตำนานแห่งภาพยนตร์ Jack The Giant Slayer จากผู้กำกับภาพยนตร์ไบรอัน ซิงเกอร์ ที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักเขาคนนี้ดีจาก X-Men ภาคแรก และ ภาคสอง รวมถึง Superman Returns ไบรอันได้ดัดแปลงและการตีความ Jack and the Beanstalk ใหม่ จนผมไม่แน่ใจว่า นับจากวันนี้เวลาที่จะต้องเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกหลานนั้น ผมจะหยิบนิทานเรื่องเดิมของแจ็คผู้ฆ่ายักษ์หรือตำนานเรื่องใหม่จาก Jack The Giant Slayer มาเล่ากันดี  
               
          ภาพยนตร์Jack The Giant Slayer เล่าเรื่องผ่านตำนานของกษัตริย์อีริคผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างมงกุฎด้วยหัวใจของเหล่ายักษ์ และส่งยักษ์ทั้งหมดขึ้นบนฟ้าได้สำเร็จจนกลายเป็นตำนานที่เล่าขานสืบมาจนถึงแจ็ค (นิโคลัส ฮอลท์)  เด็กหนุ่มชาวนาใจซื่อที่แสดงความกล้าหาญเข้าช่วยเหลือเจ้าหญิงแสนสวยอิสซาเบลล่า (เอเลียนอร์ ทอมลินสัน) จนต้องชะตากัน แจ็คบังเอิญนั้นได้รับถั่วจากพระเป็นของแลกเปลี่ยนกับม้าตัวโปรด และด้วยความบังเอิญอีกเช่นกันที่ทำให้ถั่วที่เกิดจากมนต์ดำได้งอกออกมาเติบโตสูงเสียดฟ้าส่งองค์หญิงขึ้นไปถึงเมืองยักษ์ เป็นเหตุให้แอลมอนท์ (ยวน แม็กเครเกอร์) องค์รักษ์ของอาณาจักร, ลอร์ดร็อตเดอริค (สแตนลี่ ทุชซี่) และทหารหาญจำนวนหนึ่งอาสาปีนขึ้นต้นถั่วยักษ์เพื่อนำเจ้าหญิงกลับมา แต่เมื่อเขาขึ้นไปสุดทางกลับพบว่าข้างบนมีอาณาจักรของยักษ์ตั้งอยู่ การเผชิญหน้ากับเหล่ายักษ์ทั้งหลายนั้นยากที่จะคาดเดาการรอดชีวิตออกมาได้ แต่ในที่สุดแจ็คและเจ้าหญิงก็หนีลงมาได้ แต่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าเหล่ายักษ์ได้ลงไต่ต้นถั่วลงมาเพื่อยึดเมือง แต่ในที่สุดจากการร่วมมือของทุกคนทำให้สามารถปกป้องเมืองเอาไว้ได้
               
          ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกการมองอำนาจในลักษณะเป็นสิ่งของ หากผู้หนึ่งผู้ใดสามารถถือครองไว้ก็เป็นสมบัติของผู้นั้น ดังในฉากที่ลอร์ดร็อตเดอริคได้สวมมงกุฎแห่งตำนานจนทำให้เหล่ายักษ์ยอมศิโรราบหมอบกราบยกให้ร็อตเดอริคเป็นผู้นำ และเมื่อร็อตเดอริคเสียชีวิตลงจากการต่อสู้ เจ้ายักษ์สองหัวได้สวมมงกุฎแทนที่นิ้วเป็นสัญลักษณ์การเปลี่ยนผู้นำทำให้เหล่ายักษ์ยอมรับ และต่อมาอำนาจของมงกุฎก็ได้ช่วยชาวเมืองไว้ได้ เมื่อแจ็คได้สังหารยักษ์สองหัวแล้วสวมมงกุฎไว้บนหัวของตนเอง ทำให้เหล่ายักษ์ยอมรับอำนาจของแจ็คและกลับเมืองไป จึงย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ถือหรือสวมใส่มงกุฎไว้จะทำให้คนนั้นมีอำนาจ อำนาจในเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนสิ่งของที่สามารถยึดถือเอาไว้ได้  ซึ่งแตกต่างกับอำนาจในแบบของหลังนวสมัย (postmodern)ของฟูโกต์ที่มองอำนาจว่า อำนาจไม่มีตัวตน แต่เคลื่อนไหวไปตามเงื่อนไข
      
          ข้อคิดที่ดีที่ผมได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ต้นถั่วยักษ์นี้เมื่อมองให้ดีจะพบว่า หากเราเห็นทางขึ้นก็ต้องย่อมเห็นทางลง หนทางอาจจะนำพาเราไปสู่สวรรค์ แต่มุมกลับกันนั้นหนทางก็อาจนำพาเราต่ำไปสู่นรกได้ด้วยทางเดียวกัน เช่นเดียวกับอำนาจ เพราะไม่ว่าคนหรือยักษ์ก็อยากมีอำนาจด้วยกันทั้งนั้น อำนาจนั้นหอมหวนชวนหลงใหล มันจะสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน อยู่ที่ว่าเราทุกคนใช้มันเป็นหรือไม่ และใช้มันอย่างไร??
.......................................
(หมายเหตุ 'Jack The Giant Slayer'เมื่ออำนาจสยบทุกสิ่ง : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... อางอาจ สิงห์ลำพอง )