Happy Endรักที่ไม่เข้าใครออกใคร | คมชัดลึก

          หนังเกาหลีที่ในช่วงเวลาหนึ่งดีมากนั้น มีการสะท้อนทางสังคมไปด้วยว่า เรื่องชู้รักหรือเซ็กส์นั้น เชื่อมโยงกับอะไรอยู่ เหมือนกามารมณ์ใน la belle noiseuse หรือเซ็กส์ใน The dreamers ล้วนมีนัยแฝงทั้งสิ้น
หลังจากนโยบาย 3 s (sex, scene และ sport) ที่รัฐบาลเกาหลีใต้เอามาใช้ในยุคต้นทศวรรษที่ 90 ด้วยการเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวยุคใหม่สามารถแสดงออกซึ่งความคิดได้อย่างเต็มที่นั้น นั่นเป็นการใช้นโยบายที่อาจจะขัดต่อความคิดของคนสองรุ่น
แต่มันเป็นแนวทางที่ทำให้วัฒนธรรม K-Pop เอาใจ J-Pop ไปได้ในหลายส่วน แต่ดูเหมือนจะมาแรงกว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายอย่าง ที่แน่ๆ ก็คือ ภาพยนตร์ ซึ่งหนังของเกาหลียึดพื้นที่ของวงการหนังในเอเชียได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญเข้ามามีอิทธิพลอารมณ์ความรู้สึกของคนดูยุคใหม่ ถ้าไม่มี s ตัวแรกอันหมายถึง sex บางทีเราอาจจะไม่เห็นว่าหนังเกาหลีก็มีไอเดียที่น่าสนใจสำหรับการหยิบเอาเรื่องเหล่านี้มารับใช้ความคิด ผ่านมุมมองทางสังคมด้วยสายตาที่จริงจัง

          จะเห็นได้ว่าจุดเด่นอย่างหนึ่งของหนังเกาหลียุคใหม่ก็คือ ความหลากหลายทางเนื้อหา (ไม่รูปแบบ) ที่แทบจะครอบคลุมเรื่องราวในหลายๆ ส่วน และสำหรับหนังในกลุ่ม affair เอง พวกเขาก็ไม่ได้นำเสนอแค่มุมมองเดียวอันว่าด้วย สามีไม่ดี ภรรยาเลยคบชู้ หรือภรรยาไม่เก่งเรื่องบนเตียง สามีเลยไปมีสาวอื่น แต่ไปไกลถึงขั้นเอาภาวะทางสังคมซึ่งตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ทางเศรษฐกิจมาเป็นตัวส่งผลต่อพฤติกรรมของตัวละคร และ Happy End ก็เป็นหนังว่าด้วยชู้และการนอกใจสายพันธุ์เกาหลีที่ผมชอบที่สุดมากกว่าทุกเรื่อง (อันไม่เกี่ยวกับฉากรักเร่าร้อนของสาวคนหนึ่งกับชายชู้)
  
          แค่ฉากเปิดเรื่องของหนัง เราก็ได้รับรู้การลักลอบของคนสองคนที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา กล้องจับภาพของ โพรา(จอน โดยวน) ซึ่งนิ้วนางของมือข้างหนึ่งสวมแหวนที่บอกถึงสถานภาพของเธอ แต่ในฉากนั้น เธอมาหาคนรักเก่าที่ห้องในคอนโดของเขา ทันทีที่เข้าไปในห้องของฝ่ายชายได้ เธอกับเขาก็แทบจะระบายความปรารถนาที่อัดอั้นต่อกันมานาน
แต่มันเป็นความปรารถนาที่ผิดทำนองคลองธรรม เนื่องเพราะ มินกิ(เช มินซิก) สามีของ โพรา นั้นเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน สามีของเธอตกงานหลังจากประเทศเจอวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540
  
          ถ้ามองแบบเห็นใจ โพรา เราอาจจะคิดไปเองว่า เธอมีแต่ความเหี่ยวเฉาในชีวิต เพราะหลังจากสามีตกงาน เขาก็ไม่คิดจะสมัครงาน ได้แต่ยอมแพ้จำนนต่อชะตากรรม เหลือเพียงเธอคนเดียวที่ทำงานเลี้ยงลูก

          มินกิ แสดงความจำนนต่อชะตากรรมตัวเองอย่างหนึ่งด้วยการเอาแต่เข้าไปในร้านหนังสือและนั่งจมอยู่กับเรื่องราวต่างๆ แม้แต่เจ้าของร้านยังมองเขาเสมอด้วยความรู้สึกเดียวกันกับ โพรา
 
          แง่มุมที่น่าสนใจที่ทำให้การมีชู้และนอกใจของ โพร่า กับชู้รักที่ชื่อ อิลโบม(จู จินโม) ดูมีความน่าสนใจเข้าไปอีกก็คือ ฝ่ายหญิงนั้นเลือกแต่งงานกับสามีคนปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ยังรักเขาอยู่ ซึ่งรายละเอียดอย่างหนึ่งที่นำมาทำให้คนดูรู้สึกก็คือ การไม่ชัดเจนต่ออนาคตของ อิลโบม ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ดูเล็กสำหรับผู้ชาย ในการรักษาเวลา แต่มันเป็นเรื่องสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจอะไรกับหัวใจตัวเอง
 
          คงเหมือนแฟนสาวที่ชื่อ เมมิ ในหนัง Calmi Cuori Appassionti ที่ตอน จุนเซย์ ไม่ชัดเจนกับเธอและหันเหตัวเองกลับไปหาคนเก่า เขาตอบอะไรไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไรกับความสัมพันธ์ของเธอ และเมื่อบ่ายเบี่ยง แฟนสาวก็เริ่มช้ำใจ แถมยังตกอยู่สภาพสิ้นหวังที่จะทำอะไรต่อ แต่เมื่อ จุนเซย์ ได้บอกกับเธอว่า เขาจะกลับไปหา อาโออิ แน่นอนแล้ว แฟนสาวที่ถูกทอดทิ้ง ก็ทำใจได้และรู้สึกดีขึ้นกับชีวิต เพราะเธอต้องการความชัดเจน ไม่ใช่คลุมเครือ เคลือบแคลง แต่ผู้ชายหลายคนไม่ได้เป็นอย่างนั้น บางทีที่ไม่บอกก็มีเหตุผลที่ฟังขึ้นว่า กลัวผู้หญิงเจ็บปวด (ทั้งที่เธอก็ต้องเจ็บอยู่แล้วนั่นเอง)
  
          สำหรับ Happy End ก็ตกอยู่ในวังวนของการจบสิ้นแบบที่หนัง affair ทั้งหลายต้องเจอ นั่นก็คือ ตัวละครต้องถูกจับได้จากสามีหรือภรรยาว่า มีชู้

          จริงๆ สามีของเธออย่าง มินกิ นั้น รู้แล้วว่าภรรยาของเขาไม่ซื่อและนอกใจกับหนุ่มรุ่นน้อง แต่ความที่รักครอบครัวและเป็นผู้ใหญ่พอ มินกิ เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ แถมทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นเลี้ยงลูกสาว แสร้งเป็นหุงหาอาหาร แต่ โพรา ก็เหมือน คอนนี ใน Unfaithful

          เมื่อเดินทางลึกไปกับเขาวงกตของราคะตัณหาและแรงปรารถนาระยะหนึ่ง ก็เกิดความรู้สึกคิดได้ เพราะเธอรับรู้ว่า ระหว่างที่เธอหลับนอนกับชายชู้ สามีของเธอต้องเลี้ยงลูกและเฝ้าบ้าน คนที่คิดแบบนี้ได้ ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายทุกอย่าง แต่ระหว่างที่กำลังจะสำนึกผิดและกลับตัว ถอนตัวออกจากวงจรนี้ อิลโบม ก็มาหาเธอพร้อมกับขอให้เธอไปพบในเวลากะทันหัน
  
          โพรา กำลังวุ่นวายกับการดูลูก เลยผิดพลาดที่ตัดสินใจเอายานอนหลับใส่ไว้ในนมให้ลูกกิน การกระทำแบบนี้เหมือนเป็นจุดจบสิ้นและหมดความอดทนของ มินกิ ทำนองว่า ทรยศเขาก็ทนได้ แต่ถึงขนาดจะฆาตกรรมลูกด้วยนั้น พ่ออย่าง มินกิ รับไม่ได้
          เขาเลือกที่จะจบเรื่องทั้งหมดที่ภรรยาของเขา
          และสิ้นสุดการทนทุกข์ในความรักที่สูญหาย.
.......................................
(หมายเหตุ Happy Endรักที่ไม่เข้าใครออกใคร : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)