
มองเพลงไทย 20 ปีที่เลยผ่าน
มองเพลงไทย 20 ปีที่เลยผ่าน : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ
หิน เหล็ก ไฟ-หิน เหล็ก ไฟ 2536
แกร่งดั่ง หินผา แข็งดั่งเหล็กกล้า เร้าร้อน ดั่งเปลวไฟ
เริ่มออกอาละวาดตั้งแต่ต้นปี วงดนตรีและอัลบั้ม หินเหล็กไฟ นำทีมโดย นักร้องนำ คนแต่งเนื้อร้อง ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (โป่ง), เบส โดย ณรงค์ ศิริสารสุนทร (รงค์) อดีตสมาชิกวง ดิ โอฬาร โปรเจค ที่เคยฝากฝีมือไว้กับเพลงร็อกไทยที่ใช้ภาษาสวยงาม พัฒนามาเป็นอัลบั้มเพลงร็อก ที่ใส่เนื้อร้องภาษไทยที่เต็มไปด้วย สระ วรรณยุกต์ ให้ลงตัวกับโน้ตดนตรีสากลได้อย่างแนบแนียนและสวยงาม มารวมกับสมาชิกอีกสามคน สร้างปรากฏการณ์ โดยกลุ่มร็อก เสื้อผ้าหนังชุดดำกับผมยาวเอาไว้สะบัดบนเวที ยอดขายเทป หินเหล็กไฟ เกินล้านตลับ โดยเป็นวงร็อกวงแรกของไทยที่ทำยอดขายได้ถึง ขนาดนี้ ถือว่าพิชิตยอดเขาความสำเร็จในระดับสูงในวงการเพลงยุคนั้น ยอดชายซีดีไม่ต้องนับ เพราะยังไม่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แค่ราคาปกก็เกือบ ห้าร้อยบาท จึงถือเป็นน้ำจิ้มทางรายได้ ในขณะที่ เทปคาสเซ็ท ตลับละไม่เกิน หนึ่งร้อยบาท อัดแน่นไปด้วยเพลงไทยกระชากวิญญาณร็อกเกอร์ไทยอย่าง ยอม, เพื่อเธอ, นางแมว, พลังรัก, สองคน ฯลฯ เรียกว่าฟังได้ทั้งอัลบั้ม ไม่นับคำชื่นชมจากนักฟังและ นักวิจารณ์ หินเหล็กไฟ ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ กันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว นี่แหละ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ ในวงการเพลงไทยเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว (พ.ศ. 2536) ที่ได้ผ่านมา อย่างชัดเจน ทุกเพลง งานชุดนี้ทำให้ RS ได้โบนัสก้อนโต รับทรัพย์ไปเต็มๆ
CD เพลงไทยยุคนั้น ถือเป็นยุคแรกๆ ของการปั้มแผ่น CD ออกวางจำหน่าย บรรยากาศ คงเหมือนยอดขายแผ่น Blue ray ในปัจจุบัน ตอนนั้นราคา CD แผ่นละเกือบ ห้าร้อยบาท ผ่านมา 20 ปี ณ เวลานี้ สามแผ่นร้อย ยังขายไม่ค่อยจะได้ เหลืออีกหลายโกดัง จนไม่มีที่จะเก็บ เหมือน CD ที่บ้านผม (ฮา)
10 ปี แกรมมี่ อัลบั้ม ซน
ครบรอบ 10 ปีของการก่อตั้ง ทั้งที ก็ต้องมี อะไร พิเศษ ๆ โดยการนำนักร้องระดับ ซุเปอร์สตาร์มาทำอัลบั้มโดยเลือกเพลงดังในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามาแลกกันร้อง พี่เบิร์ด ร้องเพลง สรุปว่าบ้า ของกัมปะนี ทำเป็น Beat Box (ใช้เสียงคนแทนเสียงดนตรี) สุรสีห์ อิทธิกุล นำเพลง แผลในใจมาร้องแบบสุขุม ไม่ฟูมฟาย นูโว อะแคปเปลล่า7 เพลงยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บของอินคา ส่วนอินคา ร้องเพลง เอาไปเลย ที่ทำดนตรีร็อกหนักแน่น ส่วนคริสติน่า อากิล่าร์ ร้องเพลง เอาอะไรมาแล้วก็ไม่ยอม กับดนตรี กระตุกๆ ฟังพอสนุก ส่วนก๊อต ก็มาปิดท้ายอัลบั้มด้วยการร้องเพลง ลืมไปไม่รักกัน ของนูโว แทนที่เสียงกีตาร์ท่อน intro ด้วย แซกโซโฟน เป็นอัลบั้มที่ซนตามแผนที่วางไว้
แอม เสาวลักษณ์-บันทึกของดอกไม้เหล็ก ปี 2536
หลังจากอิ่มตัวกับ สาว สาว สาว ประมาณปี 2532 จากนั้นก้ข้าวเข้าสู่นักแต่งเพลง และนำพามาสู่เบื้องหน้าอีกครั้ง ด้วยการทำงานกับ ชุมพล สุปัญโญ (โปรดิวเซอร์) แม้ภาคดนตรีจะเป็นป๊อปร็อกปลายยุค 80 ทั่วๆ ไป แต่เนื้อร้อง ที่สื่อถึงชีวิต และตัวตนของเธอเอง เสียงร้อง และการเรียบเรียงดนตรีก็ทำให้อัลบั้มชุดนี้น่าสนใจและได้รับความสำเร็จอย่างมากมาย เพลง กดดัน, แค่เสียใจไม่พอ, คำถามเดิม, เพราะไม่เข้าใจ (เพลงที่กล้าที่จะพูดและชัดเจนในความรู้สึก) ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมทั้งสิ้น ถือเป็นเพชรเม็ดงามของวงการในขณะนั้น
ช่วงเวลานั้น ยังไม่มีการตัดเพลงเป็น Single ซิงเกิ้ล หรือการ โปรโมทเป็นเพลงๆ ไป ยุคนั้นส่งแผ่นเสียงที่ตัดมา 4-6 เพลง เพื่อให้นักจัดรายการวิทยุในสมัยนั้นเลือกเล่นตามความเหมาะสม เพลงใหนมา ก็นำเพลงนั้นไปทำ มิวสิก วิดีโอ เพื่อโปรโมทตอกย้ำความสำเร็จต่อไป
เฉลียง-เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว ปี 2536
เฉลียงยุคใหม่ทออกหน้าแค่สองคน คือ เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ และ ฉัตรชัย ดุริยประณีต กับอัลบั้ม เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว อาจไม่ใช่อัลบั้มที่ได้รับความนิยมกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ผู้ประพันธ์ ได้นำเสนอแนวคิดที่ยืนยัน หนักแน่นถึงความเอาใจใส่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาจดูเป็นสาระที่มีน้ำหนักมากกว่าเพลงทั่วไปเพราะเลือกที่จะพูดให้ผู้ฟังคิดตามและตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงโดยน้ำมือมนุษย์เชื่อมโยงให้เห็นภาพจากทฤษฎีความอลวน และทฤษฎี โดมิโน หรือใครจะบอกว่าเป็น Butterfly Effect ก็ตาม เพราะเหตุการณ์ร้ายๆ จากธรรมชาติ มนุษย์ก็ไม่เคยคาดการณ์หรือทำนายได้ ซึ่งต่อให้ทำนายได้ ก็ใช่ว่าจะรับมือกับมันได้ทุกครั้งไป เพียงเพราะมนุษย์เป็นแค่เศษเล็ก ๆ บนโลกนี้เท่านั้น หากมนุษย์ยังทำลายธรรมชาติอยู่ วงโคจรแบบนี้จะวนมาหาเราเองในวันหนึ่งอัลบั้มชุดนี้จึงเต็มไปด้วย สาระและความรู้สึก
มาโนช พุฒตาล-ไตรภาค 2536
นอกจากนั้นยังมีอัลบั้มที่น่าพูดถึงจำนวนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่ อัลบั้มไตรภาค ที่เป็นเหมือน Compilation การรวมเพลงของค่าย ไมล์สโตน ที่มีทั้ง ดิ โอฬารโปรเจค ที่หายไป 4-5 ปี กับ 3 เพลงใหม่ แต่ครั้งนี้เสียงร้องไม่ใช่ ปฐมพงษ์ สมบัติพิบูลย์ และวงร็อกรุ่นใหม่ ชื่อ เดอะ เรน ที่น่าพูดถึงที่สุดในอัลบั้มชุดนี้คือเพลงขนาดยาวของ มาโนช พุฒตาลที่ชื่อ ไกล ที่มี 7 องค์ ( วันสุดท้าย / โหมโรง / สายน้ำและความหมาย / การเดินทาง / หมอผีครองเมือง / แค้น / ไกล ) ความยาวของเพลงนี้ 23.53 นาที เหมือนเรื่องสั้นที่เปลี่ยนอารมณ์ของดนตรีตามเรื่องราวที่นำเสนอ ของตัวเพลงทำให้ ฟังเพลินแม้จะมีความยาวมากมายขนาดนี้ และนี่เนื้อเพลงบางส่วนของเพลงนี้
นี่คือวันสุดท้าย ของสายน้ำหยดสุดท้าย เป็นวันสุดท้ายของหยาดเหงื่อและน้ำตานี่คือวันสุดท้ายที่สายโลหิตหลั่งไหล เป็นวันสุดท้าย ที่น่าเวทนาอำนาจวาสนา พาพลาดพลั้ง รากเก่ายัง ฝังอยู่ลึก กูจะมา กูจะมา
...............................
เฝ้าคอยพบวันใหม่ เนิ่นนานแสนไกล เฝ้าคอยพบคนใหม่ อยู่ไกลแสนไกลเฝ้าคอยพบทางใหม่ ยังอีกไกลแสนไกล ยังอีกแสนไกลแสนไกลห่างต่างคนต่าง คงจะต้อง เดินทางกันต่อไป
ทุกวันนี้หลายคนยังคงฟังเพลง และเฝ้าติดตามความเป็นไป มากบ้างน้อยบ้าง ตามบริบทของตัวเอง การเปลี่ยนผ่านในรอบ 20 ปี ของวงการเพลง ทำให้เห็นสัจธรรมของชีวิต เราได้อย่างชัดเจน หากจะบอกให้ชัดเจนว่าาเพลงยุคไหนดีกว่ายุคไหน ทำได้ยาก เพราะในนความดี มีความไม่ดีซุกซ่อนอยู่เสมอ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน อยู่ที่เลือกรับ เลือกคิด และเลือกกระทำ ในศักราชใหม่นี้ ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขจากการฟังเพลง ให้ได้คิดตาม คิดต่อ วิเคราะห์ เพราะนอกจากประโยชน์จากอรรถรสของดนตรีและเนื้อเพลงแล้ว ยังได้สุนทรีย์ของชีวิตไปพร้อมๆ กันด้วยครับ
ชาตินี้ ยังไงก็ฟังเพลงทั่วไป ได้ไม่หมด
ขอเลือกเพลงโปรด ฟังก่อนตาย ดีกว่า
.......................................
(หมายเหตุ มองเพลงไทย 20 ปีที่เลยผ่าน : คอลัมน์ เพลงไทยที่ต้องฟังก่อนตาย โดย... โชคชัย เจี่ยเจริญ [email protected] <mailto:[email protected]>
www.facebook.com/chokchaijeijaoren <http://www.facebook.com/chokchaijeijaoren>)