
โลกเปลี่ยนไปดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง19
โลกเปลี่ยนไปดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง 19 : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน
พม่ารำขวานพวกชาวบ้านตีกลอง ฟังๆ เสียงมันดังเท่งบอง (ซ้ำ) นี่คือเนื้อร้องเพลงพม่ารำขวาน ซึ่งเป็นเพลงที่ชาวไทยเรารุ่นเก่าก่อนจะคุ้นเคยกันดี แต่ผมไม่แน่ใจว่าเด็กๆ สมัยนี้จะรู้จักเพลงนี้กันมากน้อยขนาดไหน แต่สำหรับตัวผมนั้นจะชอบทำนองเพลงนี้มากเป็นพิเศษ และจะคิดถึงเพลงนี้มากที่สุดยามเมื่อจอดรถเติมน้ำมันตามปั๊ม ก็คือมักจะได้เจอชาวพม่าที่มาเป็นเด็กปั๊มคอยบริการเติมน้ำมันอยู่บ่อยๆ แล้วก็เลยพาให้คิดเยอะเข้าไปอีกว่า สมัยก่อนนั้นเด็กปั๊มบ้านเราจะเป็นชาวอีสานเสียส่วนใหญ่ ซึ่งสมัยเมื่อ 30 ปีที่แล้วมาก็เคยมีเพลงฮิตที่ชื่อว่า เด็กปั๊ม ของวง "คนด่านเกวียน" ซึ่งใครเคยฟังเพลงนี้แล้วก็จะรู้ทันทีเลยว่าเนื้อร้องของเพลงนี้นั้นมีความหมายถึงคนอีสานที่ต้องจากบ้านเรือนเข้ามาเป็นเด็กปั๊มน้ำมันในเมืองกรุงศรีวิไลเลิศฟ้าทำงานแลกกับเงินเลี้ยงชีวา อะไรประมาณนั้น ส่วนทำนองก็คือทำนองเพลงไทยเดิมที่ฟังแล้วไพเราะและที่สำคัญคือฟังง่ายจึงทำให้เพลงนี้โด่งดังเป็นพลุแตกและแน่นอนที่สุดเพลงนี้ก็ส่งให้ "วงคนด่านเกวียน" กลายเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองไทยในยุคเมื่อ 30 ปีที่แล้วมา แต่ก็คงไม่มีใครในยุคนั้นคิดว่า 30 ปีต่อมาเด็กปั๊มน้ำมันลูกอีสานของเราจะโดนชาวพม่าหรือในปัจจุบันที่เปลี่ยนประเทศเป็นเมียนมาร์มาแย่งงานซะเกือบจะสิ้นปั๊มประดาตัว
คนด่านเกวียน นับว่าเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตที่เขียนเนื้อร้องเพลงจากเหตุการณ์ที่เป็นความจริงตามยุคสมัย ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือสไตล์เพลงของวงดนตรีเพื่อชีวิต และยังมีอีกเพลงก็คือ เพลงซี่โครงบุญมา ซึ่งความหมายของเพลงนี้ พอผ่านมา 30 ปีเหมือนกัน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้พอได้ฟังหรือได้เห็นเนื้อร้องเพลงนี้แล้วหลายคนบอกไม่เข้าใจหรือ "งง" กับเนื้อร้องเพลงนี้ที่ว่า "ซี่โครง ซี่โครง จมูกโด่งๆ ซี่โครงผู้ใด" คือคนรุ่นใหม่ในยุคนี้เขาไม่รู้ว่าสมัยก่อนการเสริมจมูกเขาจะใช้ซี่โครงมนุษย์หรือกระดูกปลาวาฬส่วนไหนผมก็ไม่แน่ใจ ซึ่งอย่างหลังนั้นหายากกว่า ดังนั้นจึงมีมนุษย์เรานี่แหละเอาซี่โครงตัวเองไปขายโดยให้หมอผ่าตัดไปชิ้นสองชิ้นเพื่อเก็บเอาไว้ไปทำศัลยกรรมจมูกให้ผู้หญิงยุคก่อน จึงทำให้การเสริมจมูกในสมัยก่อนนั้นมีราคาแพงในระดับหลักแสน จึงเท่ากับคนด่านเกวียนนั้นถูกโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำลายเนื้อร้องที่เป็นความจริงไปหมดสิ้น ทั้งเด็กปั๊มและซี่โครงบุญมา
คราวนี้เรากลับมาหาพี่หม่องเท่งบองของเราดีกว่า คือก่อนที่พวกเขาจะมายึดปั๊มน้ำมันบ้านเรานั้น ในสมัยกรุงธนบุรีพวกพี่หม่องเท่งบองหรือชาวพม่าซึ่งเขาเล่ากันว่าเป็นทหารที่มารบกับพวกเรา ได้นำกลองยาวที่เราได้ใช้ตีตามงานบวชนาคเข้ามาแพร่หลายในบ้านเราจนกลองยาวในปัจจุบันก็กลายเป็นเครื่องดนตรีไทยไปโดยปริยาย แถมยังมีการพัฒนาไปในรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบแสดงโชว์เช่นการต่อตัวตี หรือให้คนตีขึ้นไปนั่งหรือยืนตีกลองยาวอยู่บนไหล่ของอีกคนหนึ่งและก็มีการร่ายรำไปด้วย บางคณะก็ยังมีโชว์ตีไปเอามีดเชือดลิ้นไปจนเลือดแดงเถือกกลบปาก บางคณะก็มีการตีโชว์คนเดียวแบบหลายใบซึ่งก็ทำให้ดูดีสนุกสนานไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นทางแถบนครปฐมก็จะมีคณะกลองยาวที่เรียกว่า กลองยาวประยุกต์ โดยนำกลองรำมะนาอีสาน มาตีร่วมกับกลองยาวแล้วก็นำแคน เครื่องดนตรีของภาคอีสานเสียบไมโครโฟนใส่ลำโพงขยายเสียง ขึ้นไปตีบนรถเป็นขบวนแห่ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในงานแห่นาคของชาวจังหวัดนครปฐมซึ่งก็แน่นอนว่าในแถบนั้นก็จะมีชาวพม่าอาศัยอยู่เขาคงจะนึกแปลกใจว่ากลองยาวบ้านเขาทำไมมันถึงไม่สนุกเร้าใจแบบนี้บ้างนะ ผมเองก็อยากจะบอกกับพวกเขาเหมือนกันว่า "พี่หม่อง..โลกเปลี่ยนไปดนตรีพม่าก็ต้องเปลี่ยนแปลงมั่งสิครับ"
ชาวพม่าจริงแล้วเขาเป็นชนชาติที่มีวัฒนธรรมรวมถึงประเพณีต่างๆ ก็มากมายไม่แพ้ไทยเรายิ่งโดยศาสนาพุทธแล้วนั้นถ้านับเฉลี่ยกันเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วประชาชนในประเทศของเขาจะนับถือศาสนาพุทธมากกว่าบ้านเราอยู่มากแถมเรื่องดนตรีพื้นเมืองเขาก็สุดยอดถ้าใครได้เคยชมได้ฟังปี่พาทย์พม่าแล้วจะรู้ทันทีเลยว่าพวกเขามีความเป็นดนตรีสูง มีพื้นฐานของจังหวะจะโคนและความจำที่จดจำทำนองอย่างเยี่ยมยอด สรุปคนพม่านั้นเป็นคนที่เก่งในเรื่องของดนตรีและศิลปแขนงต่างๆ เป็นอย่างมากแถมมีพื้นฐานความอดทนที่ดีกว่าคนไทยเรา แถมภาษาอังกฤษก็จะสปีกกันได้ไม่เว้นลูกเด็กเล็กแดง นั่นแหละครับในปีพ.ศ.2558 ประเทศเราจะเข้าสู่เป็นประชาคมอาเซียน ดังนั้นแล้วคนพม่านั้นจะน่ากลัวที่สุดสำหรับคนไทยเรา ขนาดตอนนี้ยังไม่เป็นประชาคมอาเซียนแต่ประชาชนชาวพม่านั้นมีอยู่ในบ้านเราไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน และมีเสียงวิจารณ์กันว่าถ้าก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเมื่อไหร่พวกเขาก็จะกลับไปทำงานบ้านเขากันหมดแล้วจะทำให้แรงงานของเราอาจจะหมดและอาจจะต้องไปพึ่งบริการชาวบังกลาเทศแต่ในทางกันตรงกันข้ามพวกเขาอาจจะมองว่าบ้านเรานั้น น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวกแถมประเทศติดกันเข้าง่ายออกง่าย ดังนั้นพี่หม่องทั้งหลายอาจจะพาเหรดแห่มาบ้านเรากันอย่างล้นหลามกันมากกว่าที่คิดก็เป็นไปได้ครับ จึงเท่ากับว่าพอเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเมื่อไหร่คนพม่านั้นมีบทบาทต่อประเทศของเรามาก แต่ผมภาวนาให้เป็นอย่างแรกมากกว่าเพราะทุกวันนี้ไปซื้อของในร้านประเภทซูเปอร์สโตร์ก็แถบจะโดนพวกเขาเดินชนตายเกือบทุกวันแล้วครับ ดีไม่ดีอาจจะมีโต้โผปี่พาทย์พม่า นั้นยกเครื่องเข้ามาเล่นหากินตามงานวัดบ้านเราก็จะหนักเข้าไปอีก เพราะจริงแล้ว ตอนนี้ปี่พาทย์ตามวัดบ้านเราก็แทบจะไม่มีงานให้เล่นกันอยู่แล้วล่ะครับ อดตายเพราะประชาคมอาเซียนก็เป็นไปได้นะครับ
.......................................
(หมายเหตุ โลกเปลี่ยนไปดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง 19 : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน)