
เล่นหูเล่นตา : คืนสุดท้าย(I)
คืนสุดท้าย(I) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม
“ ไหน...ยืนนิ่งๆ ให้ป้าถ่ายรูปซิ!...เดี๋ยวเกิดดังขึ้นมาจะหาตัวยาก ดังแล้วอย่าลืมป้านะ...”
เด็กผู้ชายวัยกระเตาะตัวยาวเก้งก้างทำหน้ามึนยืนฉีกยิ้มอย่างว่าง่ายอยู่หน้ากล้องถ่ายรูป สูทสีเทากึ่งแจ็กเกตที่พี่สิทธิ์ (27 Friday) ออกแบบให้ใส่รอบสุดท้ายดูทันสมัย ตัดกับแว่นสายตากรอบสีเข้ม ผมเกรียนทรงนักเรียนต่างจังหวัด สร้างความสมดุลระหว่างบ้านนอกกับเมืองกรุงได้อย่างน่าเอ็นดูเป็นที่สุด ...ไม่ห่างกันเท่าไหร่โค้ชรูปหล่อของเขากำลังนั่งให้ช่างจัดแต่งหน้า-ผมให้สมกับเป็นผู้ชายที่สาวกรี๊ดมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศ แม้วัยจะเลยหลัก 4 ไปหลายปีแล้ว ฉันมองเข้าไปในกระจกเห็นเงาสะท้อนของลูกทีมคนสุดท้ายกับโค้ชของเขาแล้วอดคิดไม่ได้ว่า...ทั้งคู่คงเคยทำบุญร่วมกันมา
คืนสุดท้ายแล้วสินะที่ฉันจะหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวงหลังการถ่ายทอดจบลง...จริงหรือ? นั่นคงไม่ใช่ฉันสักเท่าไหร่! ในเมื่อการแบบความรู้สึกผิด-ชอบต่อลูกทีมมันไม่ได้จบไปพร้อมกับรายการ การเป็นคนไม่ยอมปล่อยให้อะไรผ่านไปตามยถากรรมต่อหน้าต่อตาฉัน มันคือภาระอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีใครบังคับ ไม่ใช่ “หน้าที่” แต่เป็น “นิสัย” แล้วฉันก็ยินดีจะทำต่อไปอย่างสุดความสามารถเพื่อให้คนหน้าตาแย่อย่างลูกทีมฉันมีที่ยืนเพียงแค่ 2 ฝ่าเท้า ที่ผ่านมาฉันก็มักจะตบตีกับผู้คนเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมที่ฉันเชื่อว่ามันยังคงมีอยู่บนโลกกลมๆ ใบนี้ แม้บางทีมันต้องรอเวลาให้มันสำแดงตน ซึ่งฉันก็รอมันมาตลอดชีวิต ต่อให้มันถูกลบเลือนกลบเกลื่อนเมื่อถึงเวลามันก็จะกลับมา...ฉันเชื่อของฉันอย่างนั้น! และในคืนนี้ไม่ว่าใครจะได้เป็น “เสียงจริง ตัวจริง” นั่นก็แปลว่า...ความยุติธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว... อีกครั้ง! ความจริงมันก็ค่อยๆ ก่อตัวตั้งแต่โค้ชทั้ง 4 นั่งเก้าอี้แดงแล้วหันหลังให้ “รูปลักษณ์" ในรอบแรกนั่นแล้ว เพียงแต่คืนนี้...ความยุติธรรมต้องอาศัยตัวช่วยคือ “วาสนา” ให้มันพาไป!
ตั้งแต่บ่ายผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 ที่เหลือจาก 4,000 กว่าคน ทั้ง คิง เก่ง นนท์ และต๊ะ ผลัดกันขึ้นเวทีซ้อมคิวเพลงของตัวเองและซ้อมร้องกับโค้ชด้วย ฉันอยากออกไปดูพวกเขาทั้ง 4 แต่ต้องนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวเพราะความที่เป็นคนสวย (ยาก) ต้องให้เวลาช่างหน้า-ผม สนธิกำลังกันทั้งทุบทั้งฟาดกว่าจะได้ออกมาอย่างที่เห็นในทีวี บางทีก็เริ่ด! บางทีก็ร่วง..คนเรามันก็ต้องมีพลาดกันบ้างแหละ! ยิ่งทรงผมม้า นังนุชนาฎมันเอาฉันไปเปรียบเทียบกับนินจาตัวร้ายที่ชื่อ “เคมุมากิ” (จากเรื่องนินจาฮัตโตริ) ดูกี่ทีก็เห็นพ้องตามนั้น อายก็อาย แต่มันก็จริงนิ! พี่กบ ทรงสิทธิ์ มาเร็วกว่าโค้ชผู้ชายทั้ง 3 ตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายเพราะต้องมาเตรียมท่องบทที่ยาวและมากมายจนแกบ่นว่า “ยังกับมาเล่นละครเวที บทพูดเยอะโคตร!” ต่อให้มาเร็วแล้วก็ยังไม่มีเวลามาร่วมวงสนทนาเม้าท์แตกอย่างที่โค้ช 4 คนทำกัน เจอหน้าพี่กบทีไรเหมือนอาจารย์ใหญ่เตรียมข้อสอบไว้ให้เด็กทุกที จะได้คุยเล่นกันบ้างก็แค่ตอนแต่งหน้าทำผมในห้องเดียวกันนั่นแหละ …
แสตมป์ยังคงเดินไปจับกลุ่มอยู่โต๊ะกลางที่วางกับข้าว บางทีเขาก็งุ้งงิ้งอยู่กับแฟนสาวที่ขอบอกว่า “สวย น่ารัก” หน้าเล็กตาโตปากนิดจมูกหน่อย เป็นใครมีแฟนสวยแบบนี้ก็คงต้องเอามาไว้ใกล้ๆ ตัวเพราะกลัวโดนแย่ง เขาจะนั่งคุยให้กำลังใจกันตลอด มีอยู่ครั้งก่อนเข้าสตูดิโอแสตมป์เอามือโอบแฟนไว้แล้วดึงมาหอมหน้าผากเบาๆ ทำยังกับฉันไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น เจนนิเฟอร์ คิ้มนะไม่ใช่เจ้าที่ ฉันร้องกรี๊ด (ในใจ) เหมือนใครเสกหนังควายเข้าท้อง ฮึ! ทำไมฉันไม่เคยได้แบบนี้บ้าง นอกจากเป็นคนอ่อนโยนแล้ว ยังสวีทโรแมนติกอีกอ่ะ มิน่าถึงแต่งเพลงรักได้โดนใจ... ไม่รู้จะหันไปหาใครก็ต้องอาศัยอะไรที่อยู่ใกล้ๆ ตัว เหมือนเพลง “Live & Learn” ของพี่บอย โกสิยพงษ์ เขาบอกว่า... “อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝันและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด” อือ...ไม่เป็นไรข้างๆ เรายังมี “ก้อง สหรัถ” อยู่ งั้นฉันอยู่กับก้องก็แล้วกัน (ไม่ถามความสมัครใจ) เฮ้อ! ฉันจะไม่ได้มองหน้าหล่อๆ ของเขาอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนี้ จะไม่มีใครมานั่งเคาะมือเคาะเท้าทำเสียงจังหวะรถไฟใกล้ๆ ฉันอีก จะไม่มีใครมาหลอกกิน (ของกิน) ฉันอีกแล้ว จู่ๆ เพลง 3 เพลงก็แย่งกันเมดเล่ย์ในหัวฉัน
“และต่อไปนี้จะไม่มีใครเหมือนที่เคยมี จำเอาไว้ให้ดีจนตาย...” (ต่อไปนี้ไม่มีใคร : ใหม่ เจริญปุระ)
“รู้แล้วว่าเราเลิกกัน รู้แล้วว่าเป็นเพียงเพื่อน ฉันรู้และยังย้ำเตือนอยู่ในใจ แต่มันลืมไป แต่มันเผลอไป ยั้งใจไว้ไม่ทัน ลืมไปว่าไม่รักกัน...” (ลืมไปไม่รักกัน : นูโว)
“เหลืออีกกี่วัน อีกกี่คืน ที่จะมีเธอ...เวลามีน้อยเหลือเกินที่ให้ฉันได้เตรียมหัวใจว่าภาพที่เคยเห็นไม่นานจะกลายเป็นแค่ความหลังไป” (รักเธอสุดหัวใจ : ก้อง สหรัถ)
จู่ๆ โจอี้บอยก็ปลุกฉันจากความ “เพ้อ” (เจ้อ) ด้วยเสียงต่ำๆ น่าขัดใจของมันว่า
“พี่ ฟังเพลงที่ผมแต่งให้ไอ้เอก (ลูกทีมคนสุพรรณเสียงเหน่อๆ) รึยัง? ”พูดไม่พูดเปล่า มันไปเรียกเอก” หนุ่มสุพรรณเข้ามายืนข้างๆ ฉันขณะที่ยังแต่งหน้าทำผมอยู่ แล้วทั้งร้องทั้งเต้นให้ดู
“จีบไม่ติด ยังไงก็จีบไม่ติด...”
ฟังแค่ท่อนฮุกฉันก็สนุกไปกับเพลงนี้ ถ้ามันทำเอ็มวีปล่อยออกมาจริงๆ ฉันว่า...โดน! ฉันหันไปถามโจอี้หลังจาก “เอก” ออกจากห้องแต่งตัวไปแล้วว่า “ทำไมถึงแต่งเพลงให้เอก” โจอี้หันหน้ากลับไปมองกระจก ทำหน้าเข้ม (จะเก๊กหาหอกอะไรไม่รู้) ขมวดคิ้วเล็กๆ แล้วพูดเสียงต่ำๆ ว่า “สงสารมัน” นี่ก็กะจะพากันไปขึ้นร้องตามงานที่โจอี้ไปโชว์เพื่อโปรโมทเพลงนี้ ...ฉันนึกว่าคนที่ชอบแบกภาระทางใจจะมีแค่ฉันคนเดียว โจอี้บอยนี่ก็ตัวเอ้ ใจอ่อนขี้สงสารเป็นที่สุด เวลาอยู่กับลูกทีม โจอี้จะทุ่มเท เวลาอยู่กับพวกเรา โจอี้จะเฮฮา เวลาอยู่ในสังคมเขาก็เป็นนักสังคมสงเคราะห์ ช่วงน้ำท่วมโจอี้ออกจากบ้านไปช่วยขนคนออกมาจากบ้านที่ประสบภัย เขาเล่าว่า “ผมน่ะอุ้มอาม่า คุณยาย คุณตา ไม่รู้กี่ร้อยคนแล้วพี่ ทำตั้งแต่ยังไม่มีเรือ จนเพื่อนๆ คนรู้จักบริจาคเงินซื้อเรือให้เอาไปช่วยคน” อือ...ผลบุญคงช่วยแล้วล่ะตอนนี้ งานตรึม มีหนัง มีละคร แถมจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวใหญ่ๆ อีก 2 ตัว...บาปบุญมีจริงนะคะคุณโจอี้! ตอนนี้เลยนั่งกินบุญเก่าสบายเลย ส่วนฉันหากินไปวันๆ ด้วยการเห่าหอนเหมือนเคย เฮ้อ! คนเรามันวาสนาต่างกันจริงๆ
“รุ้ง” ทีมงานโต๊ะกลม เดินมาตามโค้ชทั้ง 4 ไปนั่งเก้าอี้สีแดงเพื่อซ้อมใหญ่ก่อนออกอากาศ ฉันสนุกนำไปทุกอย่างเพราะปล่อยทุกอย่างไปตามบุญตามกรรม ที่ผ่านๆ มาโค้ชก็ทำหน้าที่จนสุดแล้ว จะเป็นยังไงก็แล้วแต่คนโหวต (ไม่ใช่คนดู) นั่งดูต๊ะร้องเพลงคนสุดท้ายรอบซ้อม “นักร้องคนเก่า” จู่ๆ ก็คัดจมูก น้ำมูกไหล น้ำตาร่วง หยุดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคิดถึงต๊ะอย่างเดียว แต่คิดถึงตัวเองที่ก่อนหน้านั้น ฉันก็มีความฝันเล็กๆ แบบนี้ ฝันจะให้แม่ภูมิใจ แล้วเวลานี้ฉันก็มาไกลเกินกว่าความฝันเล็กๆ นั้น แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะย้อนความรู้สึกนั้นได้ คืนนี้ไม่ว่าใครที่ได้...แม่ของเขาคนนั้นก็จะเป็นคนที่ดีใจที่สุด!
.......................................
(หมายเหตุ คืนสุดท้าย(I) : คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม)