บันเทิง

สูงสุด... คืนสู่สามัญสินะ

สูงสุด... คืนสู่สามัญสินะ

09 ต.ค. 2555

สูงสุด... คืนสู่สามัญสินะ : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... จ๋า ยศสินี ณ นคร

          เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพูดถึงการเปลี่ยนการสะกดคำในภาษาไทยกันใหม่ค่ะ โดยเฉพาะกลุ่มคำทับศัพท์ที่แปลตรงตัวมาจากภาษาอังกฤษ ให้สะกดคำตรงตามอย่างสำเนียงที่ออกเสียง เช่น

          คอมพิวเตอร์ ให้สะกดเป็น ค็อมพิ้วเต้อร์, กะรัต ให้สะกดเป็น กะหรัต, เมตร ให้สะกดเป็น เม้ตร, ปิกนิก ให้สะกดเป็น ปิ๊กหนิก และอื่นๆ อีกมากมาย

          เออนะ... หรือว่าผู้ใหญ่เขาจะว่างกัน ลำพังให้เขียนแบบปกติให้ถูกก็ว่ายากแล้ว ภาษาเขียนก็โดนประเด็นว่าจะวิบัติแหล่ ไม่วิบัติแหล่ บางคนว่าวิวัฒน์ บางคนว่าบ้าไปแล้ว นี่ยังจะให้เด็กๆ สะกดคำตามสำเนียงจ้า ถามจริงๆ นะโรงเรียนเราสอนให้ออกสำเนียงภาษาอื่นได้อย่างชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์กันหรือยังค้า หญิงยศเกรงเหลือเกินว่า ถ้าหากเปลี่ยนไปเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันจะไม่วิบัติกันแค่ภาษาเขียน แต่มันจะลามมาถึงภาษาพูดกันด้วยไหมละเนี่ย แอบงงอยู่อย่างหนึ่งค่ะว่า สมัยก่อนอะไรที่มันยากสำหรับเด็กๆ ทางออกเดียวที่เราต้องทำก็คือขยันหมั่นเพียรให้มากขึ้น ตั้งใจให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรคูณที่ท่องจำยาก ศัพท์ภาษาอังกฤษและการสะกดคำที่ซับซ้อน หรือแม้แต่ละครที่กรี๊ดกร๊าด จำได้ว่าเด็กมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับทุกอย่าง หัดแยกแยะประเภทและท่องจำสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิดให้ขึ้นใจ จนกลายเป็นบรรทัดฐานในชีวิตต่อๆ มา แต่กับเด็กๆ สมัยนี้ ทำไมพอบ่นว่าอะไรยากหน่อย ผู้ใหญ่ทั้งหลายก็กุลีกุจอรีบมาปรับโน่นปรับนี่เพื่อให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เด็กๆ จะได้เข้าใจได้ ไม่ต้องพยายามมากไปนัก เดี๋ยวเหนื่อยเกินไป เดี๋ยวเครียดเกินไป ละครมีตัวร้าย เด็กๆ จะรับไม่ได้ จะเลียนแบบพฤติกรรมงั้นต้องทำให้ซอฟท์ ตัวร้ายอย่าร้าย ผู้ร้ายอย่าเลว เอ้า สะกดคำยากไป อย่าเครียดลูกอย่าเครียด เดี๋ยวเราจะปรับการเขียนให้ใหม่ หนูๆ จะได้เขียนไปตามสำเนียงที่พูด โอว... จ้ะ มันเลิศเลอมาก.... อยากยืนปรบมือให้นานๆ
 
          ที่เขาว่าผู้ใหญ่ไล่ตามเด็กไม่ทันนั้นคงจะจริง พูดจริงๆ นะคะ เด็กๆ สมัยนี้เขาไม่มานั่งพิมพ์อะไรให้ยืดเยื้อกันแล้วคะคุณขา พิมพ์อะไรผิดก็โดนด่าว่าพวกหนูทำภาษาไทยให้ด่างพร้อย ตอนนี้เด็กๆ เขาล้ำหน้าไปแล้ว ด้วยกลับไปใช้การสื่อสารแบบดั้งเดิมสมัยมนุษย์ถ้ำ ยังไม่ล้ำเลิศเรื่องภาษาเขียน แต่เซียนเรื่องการวาดรูปสื่อสารเอา อ่ะ... อ่ะ... ไม่เชื่อเหรอคะ ไปเปิดมือถือดูค่ะ เด็กสมัยนี้เขาสื่อสารกันด้วย สติกเกอร์ ค่ะ (เอ๊ะ หรือ สติ๊กเก้อร์) ไม่ว่าจะงอแงเป็นตุ๊กตาหมีบราวน์ หรือร้องไห้ผ่านกระต่ายโคนี่ กินอิ่มอย่างเจ้ามูนหน้ากลม เจ้าชู้แบบเจมส์ หรือจะแมว จะหมา จะเหมียว จะคิตตี้ จะโอ๊ย.... สารพัด เรียกว่าพวกที่ยังงมงายอยู่กับการพิมพ์นู่นนี่นั่น เชยมาก....
 
          หญิงยศเองขนาดว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังอดทึ่งกับไอ้เจ้าพวกสติกเกอร์เหล่านี้ในแอพพลิเคชั่น Line ไม่ได้ ทั้งทึ่งและเริ่มจะใช้การสื่อสารแนวนี้มากขึ้นทุกวัน เพราะบางครั้งต้องยอมรับว่าไอ้เจ้าตัวการ์ตูนพวกนี้มันสามารถถ่ายทอดทุกอารมณ์ของเราได้อย่างหมดจด ชัดเจน แจ่มแจ้ง แถมยังไม่ต้องมาห่วงพะวงอีกว่าจะสะกดถูก สะกดผิด บางทีส่งรูปสลับกันไปมากับเพื่อนได้นับสิบรูปโดยไม่มีภาษาเขียนแม้แต่ตัวเดียว แต่กลับดูเข้าใจกันได้ดี เออนะ... เอากับมันสิ ถึงตอนนี้ หญิงยศคิดว่าอย่าไปเสียเวลาแก้โน่นแก้นี่ให้มันงง ให้มันสับสนกันไปมากกว่านี้เลยค่ะท่านผู้ทรงเกียรติขา เอาแค่ให้ลูกหลานท่านหันมาสะกดคำกันให้ได้ก่อนเถอะค่า ก่อนที่พวกเราจะแปลงร่างกลับไปเป็นมนุษย์ถ้ำกันอีกรอบ... เอ... หรือจะเอาไอ้พวกสติกเกอร์พวกนี้บรรจุเข้าหลักสูตรการศึกษาไปซะเลย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันไงคะท่าน...
.......................................
(หมายเหตุ สูงสุด... คืนสู่สามัญสินะ : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... จ๋า ยศสินี ณ นคร )