บันเทิง

คุยเรื่องครอบครัวของ'เหลี่ยงเฉาเหว่ย'

คุยเรื่องครอบครัวของ'เหลี่ยงเฉาเหว่ย'

06 ต.ค. 2555

จับเข่าคุย...คุ้ยเรื่องครอบครัว ของ'เหลี่ยงเฉาเหว่ย' : คอลัมน์เอเชียเอ็นเตอร์เทนเม้นต์

                 คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ตั้งแต่ยุคสมัยที่ใครหลายๆ คน ยังคงเป็นเด็ก  จวบจนวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่ เหลียงเฉาเหว่ย ดาราฮ่องกงรุ่นใหญ่ อยู่ยงคงกระพันในวงการบันเทิง  ซึ่งทุกคนรู้กิตติศัพท์กันดีว่า ดาราหนุ่มใหญ่คนนี้ หวงแหนชีวิตส่วนตัวมากมายแค่ไหน   ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสดีและหายากเหลือเกินที่ เหลียงเฉาเหว่ย ยอมเปิดใจพูดคุยถึงเรื่องครอบครัวของเขาทั้งในอดีตและปัจจุบัน

                 †คุณและน้องสาวเติบโตมาในครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก  และถูกเลี้ยงมาอย่างยากลำบากด้วยกำลังของคุณแม่เพียงคนเดียว  รู้สึกเป็นปมด้อยไหม

                 เหลียงเฉาเหว่ย  : ไม่เลยครับ  การเติบโตขึ้นมาในสภาวะครอบครัวแบบนี้  สอนให้ผมแข็งแกร่ง และเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น ผมรู้จักเอาตัวรอดและพึ่งพาตัวเองได้มากกว่าเด็กคนอื่นในรุ่นเดียวกัน  ในครอบครัว ผมรับบทบาทเป็นพ่อ ให้กับน้องสาว เพราะว่าแม่ต้องทำงานหาเลี้ยงพวกเราตลอดเวลา  ทำให้ผมต้องเป็นคนดูแลน้องสาวแทน  ทั้งจูงมือพาไปส่งโรงเรียนและไปรับกลับ หาข้าวหาน้ำให้เธอกิน และสอนเธอทำการบ้านทุกวัน  นอกจากนั้นงานบ้าน ผมก็เป็นคนจัดการเองด้วย  ไม่ว่าจะกวาดบ้าน ถูบ้าน หรือล้างจาน ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ กลับเป็นผลดีกับผมด้วยซ้ำไป  หากผมเกิดมาในครอบครัวอบอุ่นธรรมดาๆ ผมอาจจะไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งเช่นนี้ หรือถ้าเกิดมาในครอบครัวมั่งมี  ก็คงกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ เหลาะแหละแน่นอน

†

ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่แยกทาง ได้มีโอกาสเจอคุณพ่ออีกไหม

                  เหลียงเฉาเหว่ย : หลังจากที่พ่อทิ้งพวกเราไป  ผมก็ได้เห็นท่านอีก 2-3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมกลับมาจากโรงเรียน  พอได้เจอ ผมก็คิดในใจทันทีว่าทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่  แต่แม่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ความรู้สึกของผมเป็นอะไรที่สับสนมาก  ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างท่านทั้งสอง  ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยอธิบายอะไรให้พวกเราฟังเลย บางทีท่านอาจจะคิดว่าเรายังเด็กเกินไป  ถ้าจำไม่ผิด ผมคิดว่าผมได้เจอพ่อแค่ 3 ครั้งเองมั้งครับ  และทุกครั้งที่ได้เจอ ผมจะรู้สึกว่าเราห่างเหินกันเหลือเกิน

†

เคยคิดโทษหรือโกรธคุณพ่อไหมที่ทอดทิ้งครอบครัว

                  เหลียงเฉาเหว่ย : ตอนแรกผมก็โกรธอยู่หรอกครับ  แต่เมื่อโตขึ้น ผมก็เข้าใจอะไรมากขึ้น และในที่สุดก็ยกโทษให้กับพ่อจนได้  มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่พ่อแม่แยกทางกัน  เมื่อคนสองคนไปด้วยกันไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแยกทางกัน  แต่สำหรับผม ผมคิดเสมอว่า ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพ่อและแม่จะเป็นอย่างไร แย่แค่ไหน  ได้โปรดบอกให้เรารู้สักนิดก็ยังดี อย่างน้อยลูกๆจะได้ไม่ต้องคิดเดากันไปเอง เพราะในชีวิตวัยเด็กของผมนั้น ไม่เคยคาดเดาอะไรถูก และผมก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจตลอด

 

†คุณพ่อได้เห็นและรับรู้ถึงความสำเร็จของคุณไหม

                   เหลียงเฉาเหว่ย : “ท่านเสียชีวิตไปเกือบ 10 ปีแล้วครับ และทุกวันนี้ผมก็เสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้เห็นท่านเป็นครั้งสุดท้าย นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกที่จะให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น  ทั้งกับแม่และน้องสาว เพราะผมไม่อยากมาเสียใจภายหลังอีกแล้วหากต้องเสียใครไปอีกคน ”

†

แล้วชีวิตหลังแต่งงานของคุณกับ หลิวเจียหลิง ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

                  เหลียงเฉาเหว่ย : “มีความสุขดีครับ  การรักษาความสัมพันธ์กว่า 20 ปีของเรา จะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายก็ไม่เชิง  ชีวิตคู่ต้องการความเชื่อใจ เข้าใจ และเคารพซึ่งกันและกันครับ  โชคดีที่เราสองคนมีนิสัยค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ก็เลยเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ผมดีใจมากที่ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ”

                  หวังว่าทัศนคติในการดำเนินชีวิตของ เหลียงเฉาเหว่ย  คงจะทำให้ใครหลายๆ คนได้ข้อคิดกลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง ก็คงดี  เผื่อจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขเหมือนอย่างพระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่คนนี้ไปนานๆ

...........................................
(จับเข่าคุย...คุ้ยเรื่องครอบครัว ของ'เหลี่ยงเฉาเหว่ย' : คอลัมน์เอเชียเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ )