
6ปีรัฐประหาร2549จุดกำเนิดสื่อมีสี
6ปีรัฐประหาร2549จุดกำเนิด'สื่อมีสี'จะควบคุมกันเองอย่างไร? : คอลัมน์ โลกไร้เสา
วันพุธที่ 19 กันยายน 2555 เป็นวันครบรอบ 6 ปีแห่งการรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณ ก็มีกิจกรรมทางการเมืองอยู่บ้างประปราย โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อีกมุมหนึ่งของการขบวนการยึดอำนาจคราวโน้น ก็น่าจะพูดถึงบทบาทของสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม อันเปรียบเสมือนอาวุธอันทรงพลานุภาพของกลุ่มพลังมวลชน โดยเริ่มต้นจาก "ปรากฏการณ์จอเหลือง" กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ต่อมา ได้เกิดขบวนการต้าน คมช. และมีการใช้สื่อทีวีดาวเทียมในการชุมนุมต้านรัฐบาลสุรยุทธ์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ จึงเป็นที่มาของ "ปรากฏการณ์จอแดง" (ดี-สเตชั่น, พีเพิลแชนแนล และเอเชียอัพเดท) ที่มีบทบาททั้งบนเวทีท้องถนน และเวทีเลือกตั้ง
หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ได้เกิดสื่อทีวีการเมืองอีก 2 ช่องคือ "บลูสกาย" และ "ไทยทีวีดี" ที่กลายเป็น "ปรากฏการณ์จอฟ้า" ที่สัญจรเปิดเวทีผ่าความจริงฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน
ล่าสุด ได้มีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องใหม่ "ช่อง 4 สถานีประชาชน" หรือ "โฟร์แชนแนล" บริหารงานโดย นิคม บุญวิเศษ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ดี. เฮิร์บ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสมุนไพร ตราเอ็น.ดี. ซึ่งสถานีทีวีสีแดงน้องใหม่ตั้งอยู่ที่อาคาร อตก.3 นนทบุรี
ที่น่าสนใจ นิคม บุญวิเศษ ยังเป็นประธาน "เครือข่ายวิทยุธุรกิจภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่รวบรวมผู้ประกอบกิจการวิทยุและสื่อภาคประชาชน(สายเสื้อแดง)มาไว้ในองค์กรเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการจัดสรรและกำกับดูแลคลื่นความถี่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
พูดง่ายๆว่า "โฟร์แชนแนล" เป็นกระบอกเสียงของเครือข่ายวิทยุธุรกิจภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งกำลังเดินหน้ายื่นเรื่องถอดถอน กสทช.
กล่าวสำหรับ กสทช. เพิ่งจัดเวทีเสวนาเรื่องความร่วมมือไตรภาคี เพื่อกำกับดูแลกันเองในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3 หัวข้อ "จรรยาบรรณสื่อ กับการพัฒนาการเมืองไทย" ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
ผู้ประกอบการสื่อฯ มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี วิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการบริษัท บลูสกาย แชนแนล จำกัด และ บูรพา เล็กล้วนงาม บรรณาธิข่าวประจำสำนักข่าวดีเอ็นเอ็น หรือสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชีย อัพเดท
เมื่อถามถึงการกำกับดูแลกันเองของสื่อ ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ ให้มุมมองไว้ในลักษณะที่ไม่เชื่อว่า สื่อ โดยเฉพาะสื่อกระแสหลักจะกำกับดูแลกันเองได้ ตราบใดที่ยังมีกลุ่มทุนต่างๆ หนุนหลังอยู่
"ถ้าสมมุติเรามีคนกำกับดูแลตัวเอง แล้วกลายเป็นกลุ่มนักการเมืองหนุนหลังอยู่ ผมยังไม่คิดว่าสื่อที่เลือกข้างที่มีทุนทางการเมือง จะดูแลกันเองได้ ทำไม่ได้หรอกครับ มันจะยิ่งสร้างความอ่อนแอให้เห็นว่า สุดท้ายแล้วการตั้งคณะกรรมการ หรือตั้งองค์กรที่ดูแลกันเอง จะดูแลกันเองไม่ได้ เพราะว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะเกรงใจอีกฝั่งหนึ่ง"
เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น สื่อทางเลือกต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย ดังเช่นที่มีเอเอสทีวี ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลมาแล้วทุกรัฐบาล ตลอดจนสื่อทางเลือกอื่นๆ ในปัจจุบัน
ดังนั้น ข้อเสนอของตัวแทนเอเอสทีวี ก็คือ แยกให้ชัดเจนไปเลยระหว่างสื่อทางการเมือง และสื่อวิชาชีพ โดยฝากไปยัง กสทช. ว่า "ผมคิดว่าบทบาทของ กสทช.ในวันนี้มีความสำคัญ จะมาหวังว่าสื่อกระแสหลักหรือว่าสื่อทางเลือกจะมาเป็นคณะกรรมการ ทุกคนมีทุนหนุนหลังทั้งนั้นล่ะครับ สื่อจะทำได้อย่างไร ถ้าเขาจะไปตรวจสอบกลุ่มทุนที่มาจากพรรคการเมืองของตนเองที่ทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นไปไม่ได้..."
ที่เด็ดคือ ปานเทพ เสนอว่า เมื่อแยกแยะชัดเจนแล้ว ถ้าจะให้สื่อทำตามกรอบกติกา หรือจรรยาบรรณที่ตั้งไว้ ก็ควรมีองค์กรที่ดูแลตรวจสอบสื่อการเมืองเหล่านั้นด้วย โดยอาจทำเป็น กกต.ของสื่อฝ่ายการเมืองให้ชัดเจน
"และถ้าทำอย่างนั้นได้ผมคิดว่าอาจจะต้องไม่ใช่แค่การควบคุมดูแลกันเอง อาจจะต้องมี กกต. กำกับดูแลด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นระบบพรรคการเมืองในเรื่องสื่อของพรรคการเมือง"
หันมาดูทัศนะของตัวแทนสีฟ้ากันบ้าง น่าสนใจที่ว่า สื่อบลูสกายยังคงว่ายเวียนอยู่กับการถามหาเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่บลูสกายถูกปิดกั้นตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศ โดยหลังจากดิ้นรนจนออกอากาศได้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ยังมีเรื่องของการถูกคุกคามตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี วิทเยนทร์ ได้ฝากถึง กสทช. เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการดูแลกันเองว่า ขอให้มีทั้งการกำกับและส่งเสริม บังคับปฏิบัติใช้กันเสมอหน้า ส่งเสริมค่านิยมที่ถูกให้แก่สังคม เช่น ต่อต้านค่านิยมเรื่องคอร์รัปชั่น และส่งเสริมคนที่ปฏิบัติได้ตามกรอบ ให้ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ถูกคุกคามในการนำเสนอ เช่น ผู้ประกาศบลูสกายบางคนถูกถอดจากช่องอื่นๆ ที่ทำอยู่
ทีเด็ดส่งท้ายกันที่ตัวแทนสีแดง จากเอเชียอัพเดท บูรพา เล็กล้วนงาม บรรณาธิข่าวประจำสำนักข่าวดีเอ็นเอ็น หลังจากที่ประกาศเสียงดังว่า
"สื่อที่มาอยู่ในที่นี้ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร มีอยู่สามสื่อด้วยกัน คือ สื่อหนึ่งเป็นสื่อที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร สื่อหนึ่งเป็นสื่อที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหาร เพราะถือกำเนิดจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดย คมช. เพราะฉะนั้นคุณจะบอกไม่ได้เลยว่า คุณเป็นกลาง คุณน่ะอยู่ฝั่งรัฐประหาร และอีกสื่อหนึ่งก็เป็นจุดเริ่มมาจากการเข่นฆ่าประชาชนที่แยกราชประสงค์และแยกคอกวัว ทำให้ฝ่ายที่แพ้เลือกตั้งจะต้องมาตั้งสื่อต่อสู้กับสื่อของผม เพราะผมตั้งมาก่อน"
ดังนั้น หากจะทวงถามถึงจรรยาบรรณของสื่อในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร บูรพา ระบุว่า ถ้าเช่นนั้น เราจะต้องกลับไปเปิดโปงระบอบอำมาตยาธิปไตยเสียก่อน
"สื่อมวลชนต้องทำคือ เราต้องเปิดโปงอำมาตย์ ว่าเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองไทยมานาน ที่จะต้องทำคือการกลับไปลบล้างผลพวงของการรัฐประหารอย่างที่คณะนิติราษฎร์ได้เคยเสนอไว้ และการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่สื่อกลัวเรื่องนี้ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้สังคมไทยเกิดความกระจ่าง"
ส่วนหากถามว่าสื่อจะกำกับดูแลกันเองอย่างไร บูรพามีข้อเสนอแบบไม่ต้องคิดมากมาย แต่ทำได้เลยว่า ก็ให้จัดเวทีลักษณะเดียวกันนี้ แล้วถกกันสดๆ
งานเสวนาในวันนั้น ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่สถานการณ์จริง กสทช. คงรู้ดีว่าภายใต้หน้าฉากที่ถกเถียงกันอย่างไม่ลดละ ทุกคน ทุกสื่อ ต่างต้องการความอยู่รอดด้วยกันทั้งสิ้น
.......................................
(หมายเหตุ จุดกำเนิด'สื่อมีสี'จะควบคุมกันเองอย่างไร? : คอลัมน์ โลกไร้เสา)