
'เชฟโรเลต'หมั้นกับ'แมนยู'เดินเครื่องเต็มกำลัง!
'เชฟโรเลต'หมั้นกับ'แมนยู'เดินเครื่องเต็มกำลัง! : คอลัมน์ Eat Play Life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร [email protected]
ถ้าไม่นับ sharp ที่ "หอบผ้าหอบผ่อนแต่ง" มาอยู่กินบนหน้าเสื้อแมนยูเกือบๆ 20 ปี (1983-2000) เราก็สามารถบอกได้ว่า "เชฟโรเลต" จะเป็นสปอนเซอร์ เป็นพาร์ทเนอร์ระดับโลกที่มาหมั้นหมายกับผีแดงแห่งอังกฤษ ยาวนานที่สุดยาวกว่า Vodafone และนานกว่า AIG กับ AON เพราะการจรดปลายปากกาลงสัญญาใจและกาย นานถึง 7 ปีนั้น (จาก 2015) เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของ "เชฟโรเลต" ว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่มาจีบเล่นๆ หรือชวนเดทดูหนังแล้วหายหัว แต่จะมาแนว "รักจริงหวังแต่ง" แบบ เชฟโรเลตจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอแมนยู อะไรทำนองนั้น นับจากเป็นแฟนแมนยูมาตั้งแต่ปี 1979 ตั้งแต่ยังไม่มีสปอนเซอร์บนหน้าอกนั้น ผ่านไป 33 ปี ต้องบอกว่า บิ๊กดีลครั้งนี้ของ "รถที่มาแรง" กับ "ทีมที่มาแรง" เป็นการรวมกันของแบรนด์ระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง ส่วนจะเดินทางในรูปรอยของธุรกิจแบบอเมริกันหรือยุโรปนั้น คงต้องดูต่อไป
ผมเคยโชคดีเดินทาง พาทีวีเนชั่นและนสพ.กรุงเทพธุรกิจ ไปสัมภาษณ์แมนยูที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตั้งแต่สปอนเซอร์ Sharp..Vodafone..AIG มาจนถึง AON ก็เคยทราบว่า การทำสัญญากันระยะยาวนั้น แม้จะมีเรื่องอ่อนไหวได้อยู่บ้าง แต่มันเป็นการ "ยืนหยัด" ที่จะทำอะไรร่วมกันในเส้นทางที่ยาวไกล ซึ่งจะยาวแค่ไหน เกียร์และความเร็วของ เชฟโรเลต คงทะยานไปถึงอยู่แล้ว ทีนี้ ในแง่ของการวิเคราะห์ทั้ง pop culture มาจนถึง sport marketing หรือ trends ต่างๆ นั้น อยากให้มองอย่างละเอียด ถึงสเต็ปต่างๆ ที่รถค่ายนี้ขับเข้ามาก่อน ในพื้นที่ของ entertainment นี่ "ไม่ใช่ครั้งแรก" ที่ เชฟโรเลตประกาศตัวเองด้วยเสียงอันดัง message ของ เชฟโรเลต เคยเดินทางไปสู่การรับรู้ของทุกคนแล้ว จากการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของหนังแนว spectacle อย่าง Transformers 3 ผมเคยเอาหนังเรื่องนี้ไปสอนการตีความ(interpretation) กับนักศึกษาป.โทของธรรมศาสตร์ โดนตั้งคำถามง่ายๆ ว่าสังเกตไหมว่าทำไมหลายๆ ฉากของหนังมักจะมีสีเหลือง(หรือทอง)ปรากฏและอบอวลอยู่ในเรื่อง (ทั้งๆ ที่ไม่มีโลโก้ของสินค้ามากมายนัก) นั่นเพราะว่ามันคือการเชื่อมโยงสัญญะแบบ colour symbolic แบบที่แวดวงเอเยนซี่สมัยใหม่ชอบทำกัน เพราะเชฟโรเลตคือทรานสฟอร์เมอร์ และทรานฟอร์สเมอร์คือเชฟโรเลต ในพื้นที่ของภาพยนตร์
ตอนที่หนังแฟรนไชส์เรื่องนี้ออกฉายนั้น มันสร้างสถิติอย่างหนึ่งเกิดขึ้นคือ ทำลายรายได้หนังของปี 2011 ทุกเรื่อง และแค่ไทยประเทศเดียว กวาดไป 300 กว่าล้านบาท แจ็กพอตนี้ ตกอยู่กับ เชฟโรเลต ด้วยเพราะว่าคนดูมากมายก็จดจำทางอ้อมบ้าง ทางตรงบ้างไปด้วยว่า รถยี่ห้อนี้กลายเป็นช้อยส์ที่น่าสนใจ นั่นคือทางของหนัง หรือใช้วัฒนธรรมป๊อป จนไปได้ไกลสุดทางทีนี้ ยังมีอะไรอีกที่รถค่ายนี้ ต้องเชนเกียร์ไปต่อ ? ซึ่งมันสำคัญมาก เพราะว่าเชฟโรเลตไม่ได้มีเป้าหมายแน่นอนว่า ต้องการแชร์ส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้น แต่การมีแอ็กชั่นหลายอย่างนั้น เชฟโรเลตต้องการก้าวสู่การเป็นสุดยอดของ market ด้วย และแน่นอน ต้องหาพาร์ทเนอร์ระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับ และในขณะเดียวกันต้องเป็น "แบรนด์" ที่มีความเป็นพรีเมียม ที่จะควงคู่และเดินทางไกลด้วยกัน และคู่ชีวิตที่ว่านั้น ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมี performance ที่ดีต่อเนื่อง ทั้งในสนามและนอกสนาม
ผมว่าเชฟโรเลตฉลาดและมี vision เพราะการเลือกหมั้นหมายกับแบรนด์อย่างแมนยูนั้น ทำให้เส้นทางที่เชฟโรเลตจะขับได้หลายๆ แบบนั้น สามารถทำได้ (อย่าลืมว่าแฟนของแมนยูมีมากถึง 333 ล้านคนทั่วโลก มากสุดของโลก) แฟนแมนยูบางคนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า กว่าจะมาทำอะไรก็ปี 2015 แต่ไม่ใช่ครับ นาทีนี้ "เชฟโรเลต" กับ "แมนยู" สารภาพรักกันแล้ว เพราะโลโก้หรือตราสินค้า ไปปรากฏอยู่ในชายตาของแมนยูหมดแล้ว อาทิ เก้าอี้ตรงพนักพิงของนักเตะในสนาม, ในนิตยสาร Inside United รายเดือน ฯลฯ และผมเชื่อว่า ระหว่างระยะทางอีก 2 ปีที่จะเริ่มต้นจากจุดสตาร์ทนั้น แมนยูกับรถชื่อนี้ คงจะมีอะไรอีกมากมายแน่นอนในกิจกรรมของพวกเขา
พวกเขายังจะไม่ตั้งครรภ์หรอก
พวกเขากำลังมีความรัก..
.......................................
(หมายเหตุ 'เชฟโรเลต'หมั้นกับ'แมนยู'เดินเครื่องเต็มกำลัง! : คอลัมน์ Eat Play Life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร
[email protected])