บันเทิง

ป๊อปแดนซ์หลอนชีวิต

ป๊อปแดนซ์หลอนชีวิต

13 ก.ย. 2555

ป๊อปแดนซ์หลอนชีวิต : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ

          ห็นชื่อวงดนตรีวงนี้แล้วรู้สึกโหยหาอดีตนะครับ
         
          แซนเทเทียนน์ เป็นวงทรีจากอังกฤษที่เล่นดนตรีสไตล์อิเล็กทรอนิกส์ป๊อป พวกเขาโด่งดังมาตั้งแต่ต้นๆ ยุค 90 แล้ว ยุคนั้นเป็นช่วงร่วงโรยของดนตรีเฮฟวีเมทัลและเป็นยุครุ่งโรจน์ของกระแสอัลเทอร์เนทีฟหรือโมเดิร์นร็อก แต่หนึ่งหญิงสองชายที่ประกอบด้วย แซราห์ แครกเนลล์, บ็อบ สแตนลีย์ และพีต วิกส์ ไม่เกี่ยวกับกระแสอะไรเทือกนั้นเลยครับ เพราะพวกเขาแจ้งเกิดจากแวดวงคลับเต้นรำใต้ดินของลอนดอนด้วยบทเพลงที่มีเมโลดี้สวยๆ สไตล์ป๊อปเชยๆ ผสมผสานกับซาวนด์ดนตรีแดนซ์สมัยใหม่บ้าง ย้อนยุคบ้าง มิวสิกวิดีโอหลายเพลงของวงนี้ใช้ภาพเคลื่อนไหวที่ให้อารมณ์ย้อนยุคเป็นการย้ำภาพการย้อนอดีตเข้าไปอีก (ลองหาชมได้ที่ www.youtube.com/user/SaintEtienneVEVO)

          พวกเขาออกอัลบั้มมาแล้วหลายชุด และสามารถรักษาแนวทางเพลงเต้นรำย้อนยุค เนื้อเพลงฉลาดๆ ที่มีเสียงนักร้องสาวเท่ๆ เป็นตัวเดินเรื่องไว้ได้เป็นอย่างดี ช่วงหลังได้ข่าวว่านักร้องสาว แซราห์ แครกเนลล์ ออกงานเดี่ยว ในขณะที่สองหนุ่มก็หันมาทำค่ายเพลง ผมก็นึกว่าพวกเขาคงมาถึงจุดอิ่มตัวกันแล้ว แต่หลังจากพักวงไปร่วม 7 ปี ในที่สุดวงดนตรีวงนี้ก็กลับมา ‘ย้อนอดีต’ กันอีกครั้งด้วยการหันมาทำอัลบั้มใหม่ด้วยกัน และพอได้ฟังอัลบั้มที่พวกเขาตั้งชื่อง่ายๆ ว่า Words and Music by Saint Etienne แล้ว ผมก็พบว่ามันกลายเป็นอัลบั้มของวงดนตรีวงนี้ที่ผมชอบที่สุด!

          อัลบั้มนี้เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มครับ โดยทุกเพลงจะช่วยกันนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการที่ดนตรีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรา ...จะพูดให้ถูกน่าจะต้องบอกว่าของ ‘พวกเขา’ จะตรงกว่า แน่นอนว่ามันมีเพลงสนุกๆ อย่างซิงเกิ้ลแรก Tonight ที่เป็นเพลงสำหรับนักเที่ยวซึ่งกำลังเตรียมตัวจะไปพบกับแสงสีและชีวิตเริงร่ายามราตรี ซึ่งหากฟังเพลงนี้เพลงเดียวก็จะรู้สึกแค่มันก็เป็นเพลงเต้นรำที่ลงตัวมากๆ ตามสไตล์ของแซนเทเทียนนี่แหละ แต่ถ้าเราได้ฟังทั้งอัลบั้มเราจะพบกับความรู้สึกที่แตกต่างออกไปครับ เพราะพวกเขานำเสนอทั้งมุมสว่างและมุมมืดของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับดนตรีไว้ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว
         
          เริ่มจากเพลงเปิดอัลบั้มที่เป็นเพลงกึ่งพูดชื่อ Over The Border ที่เหมือนกับการสารภาพชีวิตวัยเด็กของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำตัวห่ามๆ เคยเป็นคนช่างฝันที่ปล่อยใจไปกับโลกของเสียงเพลงอย่างจริงจัง แล้ววันหนึ่งก็มานั่งสงสัยว่าเมื่อตัวเองโตขึ้น เมื่อเธอแต่งงานและมีลูกแล้ว ดนตรีจะยังมีบทบาทสำคัญกับชีวิตของเธอเหมือนเดิมหรือไม่? ....และทุกเพลงต่อจากนั้นก็เหมือนกับการพยายามตอบคำถามที่เธอถามไว้ในเพลงแรกโดยผ่านซาวนด์ดนตรีแดนซ์อันหลากหลายนี่เอง

          เพลงเต้นรำสนุกๆ Popular, DJ, I’ve Got Your Music และเพลงป๊อปน่ารักๆ ชวนโยกพองามอย่าง Last Days of Disco รวมทั้งเพลงที่ฉายภาพชีวิตวัยรุ่นอย่าง When I Was Seventeen ช่วยกันยืนยันว่าดนตรีทำให้เรามีความสุข ลืมความทุกข์ ปลดปล่อย และผ่อนคลาย

          ในขณะที่เพลงอย่าง Heading For The Fair กลับบอกว่าในความผ่อนคลายของเสียงเพลงนั้นยังตามมาด้วยเรื่องที่ชวนให้เราหลงใหล หลงผิด และทำให้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวอยู่อีกด้วย เพราะดนตรี(อาจจะโดยเฉพาะเพลงเต้นรำก็เป็นได้)ยังเป็นซาวนด์แทร็กแห่งความรักที่บางทีก็ฉาบฉวย วูบวาบ และกระทั่งหลอกลวง เพลงที่แสดงถึงสัมพันธ์รักที่ผิดหวังหรือไม่จีรังยั่งยืนอย่าง Twenty Five Years และเพลงช้าหงอยเหงา I Threw It All Away เล่าเรื่องแสนเศร้าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

          แซนเทเทียนน์ปิดท้ายอัลบั้มด้วยเพลงชื่อ Haunted Jukebox ที่เป็นป๊อปเพราะๆ ซึ่งพูดถึงเสน่ห์ของเพลงเก่าที่เราเคยนั่งฟังกับคนรัก ซึ่งยังเฝ้าหลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของเราอย่างไม่ยอมไปไหน เหมือนเป็นซาวนด์แทร็กของอดีตอันหอมหวานและหดหู่ เหงาหงอยและอิ่มอกอิ่มใจ

          คงเหมือนที่เพลงของแซนเทเทียนน์ก็เป็นเพลงประกอบชีวิตของใครหลายคน และคงเหมือนกับที่เพลงเก่าๆ ในอดีตจากศิลปินหลายรายก็เคยได้หลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของสมาชิกทั้ง 3 แห่งแซนเทเทียนน์มาแล้วเช่นกัน
.......................................
(หมายเหตุ ป๊อปแดนซ์หลอนชีวิต : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ twitter.com/VipHappening)