
จันดารา:ศิลปะแห่งความงาม
จันดารา:ศิลปะแห่งความงาม : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... องอาจ สิงห์ลำพอง
ภาพยนตร์ จันดารา ปฐมบท สร้างมาจากนวนิยายเชิงสังวาสม ซึ่งครั้งนี้นี้เป็นเวอร์ชั่นที่ 3 ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นเรื่องของ จัน วิสนันท์ (มาริโอ้ เมาเร่อ ) ที่เกิดมาพร้อมกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว คุณดาราแม่ของจัน เสียชีวิตลงหลังการให้กำเนิดเขา ทำให้พ่อโกรธและเกลียดจันมาก จนเรียกว่า จัญไร จันเด็กหนุ่มที่ชีวิตเวียนวนอยู่กับผลกรรมแห่งกามตั้งแต่เกิด แต่ชีวิตก็มีด้านที่ดีอยู่บ้าง เขาได้รับการเลี้ยงดูอันอบอุ่นของน้าวาด (บงกช คงมาลัย) หล่อเลี้ยงความรักอันบริสุทธิ์จากไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช)จนกระทั่งพ่อก็มีภรรยาใหม่นั่นคือคุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม) สาวสวยผู้เพียบพร้อมเข้ามาในบ้าน นั่นคือ จุดร่วมคาวโลกีย์แห่งบ้านวิสนันท์แห่งนี้
จันเติบโตขึ้นจากการได้รับความเกลียดชังของพ่อเป็นน้ำราดรด ปมหลักของตัวละครจันคือ ปมอิดิพุส คอมเพล็กซ์ ของฟรอยด์ที่มาจากนิยายกรีกโบราณเกี่ยวกับลูกชายที่ถูกทำนายว่าจะต้องฆ่าพ่อของตัวเอง แล้วได้แม่เป็นภรรยา จึงออกมาเป็นพฤติกรรมแบบของจันนั่นคือลูกชายที่เกลียดพ่อ แต่ใฝ่ใจเชิงสังวาสในแม่ แล้วต่อมาตัวจันจะพยายามเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อ จนกว่าจะยอมรับว่ามันเป็นบุคลิกของจัน นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับจันอย่างมาก
สิ่งสำคัญที่การันตีให้ภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นการรวมนักแสดงที่มีความสามารถมากมาย และที่ต้องพูดถึงคงจะไม่พ้นตัวจัน มาริโอ้เป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงอย่างแท้จริง ความสามารถและเสน่ห์ของเขาช่วยทำให้ภาพยนตร์อีโรติกที่ควรจะดุเด็ดเผ็ดแซ่บมันกลับดูช่างน่าเอ็นดูเสียจริง จากอะไรที่น่าจะเครียด ก็ดูแล้วบันเทิงได้ขึ้นทันที อีกตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นคือน้าวาด ที่ตั๊ก บงกช ลงทุนครั้งใหญ่กับการแสดง ทุกครั้งที่เห็นเธอปรากฏตัวในฉากจะรู้สึกถึงอณูของความอบอุ่นและความปลอดภัยของฉากนั้นๆ เสมอ คงต้องยกเป็นความสามารถของเธอล้วนๆ และตัวละครอีกตัวที่แอบขโมยซีนสร้างสีสันล้างคาวให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดีคือ ส้มจุก ที่แสดงโดยก้อง ปิยะ ที่โผล่ออกมาครั้งใดก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะปนหมั่นไส้ได้เสมอ ทำให้ผมเห็นพฤติกรรมของผู้ชมที่ว่าเกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกงได้อย่างชัดเจน
พูดถึงจันดาราแล้วไม่พูดถึงฉากอีโรติกคงดูแปลก มีฉากอีโรติกค่อนข้างมากทีเดียว แต่หม่อมน้อยนำเสนอออกมาจนผมไม่รู้สึกว่ามันโป๊เลยสักนิด ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเรื่องราวและเหตุผลของเรื่องที่ลงตัว อีกสิ่งที่สำคัญมากที่สุด นั่นคือ ความเป็นศิลปะเสมือนเรากำลังนั่งดูภาพวาดที่มีความสวยบนความสมจริง แล้วก้าวข้ามเส้นบางๆ ที่กั้นกลางระหว่างศิลปะกับอนาจารได้เป็นอย่างดี มันทำให้คำๆ นี้ยังคงศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอว่า “ภาพยนตร์คือศิลปะแขนงที่ 7”
จันดาราเล่าบริบททางการเมืองไว้เพื่อให้รับรู้ว่าเกิดอะไรในบ้านเมืองช่วงนั้น เพื่ออาศัยให้คนดูรู้ถึงขนบวัฒนธรรมในสังคม ผมพบว่าการเมืองนั้นมีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ทุกสังคม ไม่เว้นในครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องบนเตียง เพราะการเมืองนั้นเป็นเรื่องของอำนาจ และอำนาจก่อให้เกิดความรู้ และเราจะยึดถือตามผู้ที่ผู้มีอำนาจเป็นผู้กำหนดจนเราเชื่อแล้วรับรู้กันต่อๆ มา มันคงน่าเป็นห่วงหากผู้มีอำนาจนั้นนำอำนาจที่มีอยู่ไปใช้ในทางที่ผิด เพราะมันจะย้อนกลับไปทำร้ายสังคม ผมขอให้บ้านวิสนันท์เป็นเพียงโลกในนิยายและภาพยนตร์เท่านั้น ขออย่าให้มันหลุดออกมาสู่โลกของความจริงเลย...แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร?
.......................................
(หมายเหตุ จันดารา:ศิลปะแห่งความงาม : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... องอาจ สิงห์ลำพอง)