
พริกกะเกลือ : เมืองดัดจริต
เมืองดัดจริต : คอลัมน์ พริกกะเกลือ โดย... นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ [email protected] https://www.facebook.com/NithinandY
พจนานุกรมศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัย เป็นเพจที่โด่งดังในเฟซบุ๊ก และดังถึงโลกออฟไลน์ ในแง่ที่บันทึกศัพท์ร่วมสมัยที่คนไทยปัจจุบัน ใช้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ ในสังคมและการเมืองของไทย
ศัพท์ต่างๆ ที่พจนานุกรมศัพท์การเมืองฯ ฉบับออนไลน์รวบรวมไว้นี้ ล้วนเป็นคำฮิตติดอันดับ อาทิ “เกาหลีเหนือพลัดถิ่น” ซึ่งมีความหมายรวมๆ ว่า บุคคลผู้ปลาบปลื้มกับการโฆษณาชวนเชื่ออย่างต่อเนื่อง จนแม้จะพลัดพรากจากแผ่นดินแม่ไปอยู่ที่อื่น ก็ไม่อาจสลัดพฤติกรรม และแนวคิดดังกล่าวได้ และ “ส่องนก” ซึ่งหมายถึงการสวมชุดพราง และใช้อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมประจำกาย ชนิดเอ็ม ๑๖ ที่ติดกล้องส่องนก ซึ่งมีจำหน่ายตามตลาดนัดทั่วไป เพื่อสอดส่องระวังป้องกันสิ่งมีชีวิต หรือวัตถุบางอย่างจากที่สูง โดยไม่เคยปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตใดได้รับอันตราย บาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิตเลย
อันมีที่มาจากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2555 ของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต่อกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษเผยแพร่ผลการสอบสวนการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
ศัพท์ล่าสุดที่พจนานุกรมนี้เสนอ คือคำว่า “เมืองดัดจริต” มีที่มาจากคำว่า “อยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป๊อป” ของศิลปินไทยผู้หนึ่ง ซึ่งขณะเขียนบทความนี้ ยังไม่ทราบว่าเจ้าตัวยินดีจะเปิดเผยชื่อหรือไม่ในยุคที่ผู้คนยังนิยมล่าคนคิดต่างมาเสียบประจาน
ศิลปินผู้คิดคำนี้ เคยบอกว่า ในความรู้สึกของเขา สังคมที่ผู้คนหน้าไหว้หลังหลอก และสนใจแต่จะทำอะไรตามๆ กันไปให้ทันสมัย ก็คือสังคม “ดัดจริตชีวิตต้องป๊อป” เช่น ใครๆ เขากินคริสปีครีม ฉันก็ต้องกิน ใครๆ เขาใช้ไอโฟน ฉันก็ต้องใช้ หรือสะเทือนใจหวั่นไหวง่ายกับความแปลกแยกจากคนอื่น ในแง่การได้ครอบครองสินทรัพย์ล้ำสมัยต่างๆ สะเทือนใจหวั่นไหวง่ายกับภาพหมาแมวถูกสังหารหมู่ แต่ไม่สะเทือนใจหวั่นไหวกับการสังหารหมู่ผู้คนที่เราไม่รู้จัก ฯลฯ
กล่าวอีกนัย คำว่า ดัดจริต คือการพูดหรือแสดงกิริยาในที่สาธารณะ ซึ่งอาจขัดกับความรู้สึกนึกคิด หรือความต้องการที่แท้จริงของตน เพียงเพราะต้องการชื่อเสียง หรือเพื่อความเจริญก้าวหน้ามั่นคงในหน้าที่การงาน เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตนเองและครอบครัว เช่น ประกาศว่า อยากใช้ชีวิตสมถะตามวิถีธรรมชาติ แต่ความจริงคือแค่ต้องการท่องเที่ยวชมป่าเขาลำเนาไพรชั่วครั้งคราว ให้อยู่นานๆ ก็จะคิดถึงห้างพารากอน เซ็นทรัล หรือ เดอะ มอลล์ เป็นต้น
ส่วนความหมายของ เมืองดัดจริต ก็คือ อาณาจักรที่เป็นศูนย์รวมมนุษย์ผู้มีความเสแสร้ง มารยาสาไถย หน้าไหว้หลังหลอก และปากว่าตาขยิบ ซึมลึกเข้าถึงระดับโครงสร้างทางพันธุกรรม มีรูปแบบปกครองระบอบดัดจริตาธิปไตย ลักษณะเด่นของประชาชนคือมักแสดงตนว่า เป็นผู้มีศีลธรรมสูง มีน้ำใจงดงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติ และรังเกียจทุนนิยม
ประมาณว่า ปากก็ด่าทุนสามานย์ปาวๆ แต่การกระทำก็คือ แสวงกำไรสูงสุดให้ตัวเอง ใครได้เปรียบกว่าเราก็ด่ามันว่า มันเป็นทุนสามานย์หรือมันโกง หรือทำงานรับจ้างแต่ใช้บัตรประชาชนคนอื่นมารับเงินค่าจ้างแทน และไม่ยอมให้มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยอ้างว่า จะไปจ่ายเองทีหลังแต่ไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าจ่ายหรือไม่ แล้วชี้หน้าด่าคนอื่นว่าโกง เป็นต้น
เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นปกติในเมืองดัดจริต ที่มีแต่การกล่าวหากันและกันว่า ไอ้นั่นโกง ไอ้นี่โกง เสมือนเราเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่โกง และไม่เคยใช้อภิสิทธิใดๆ เพื่อให้เราได้ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าคนอื่นๆ เลย
พูดแล้วก็คิดถึงเรื่อง “ของฟรี” เพราะเป็นเรื่องชวนขำ เมื่อนึกว่าเท่าที่เห็นมานั้น ผู้เรียกร้องของฟรี ไม่ว่าจะเป็นหนังสือฟรี บัตรชมการแสดงโน่นนี่นั่นฟรี ฯลฯ มักเป็นบุคคลที่มีเงินทองล้นเหลือ สามารถซื้อของเหล่านั้นเมื่อใดก็ได้ แต่ไม่ซื้อ ซึ่งอาจเพราะการซื้อแสดงถึงความเป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่ได้รับอภิสิทธิพิเศษ ไม่ได้รับการประจบประแจง หรือไม่ได้รับการส่งส่วยแสดงความเคารพนบนอบ และขอบคุณจากชนชั้นต่ำกว่า ซึ่งอภิสิทธิชนมักนึกว่า ชนชั้นต่ำอยู่ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ดูแลสนับสนุนพวกเธอ
แม้ในวงการสื่อก็เช่นกัน ผู้เขียนไม่ได้เป็นนักข่าวสนามนานแล้ว สารภาพว่าอึดอัดเป็นบ้า เวลาฟังฝ่ายประชาสัมพันธ์บอกว่า ถ้าไม่ถือของติดมือไปฝากนักข่าว ก็อย่าหวังว่าเขาจะลงข่าวให้ ที่อึดอัดไม่ใช่เพราะดัดจริตว่า เราเป็นคนดีเราไม่รับของแลกข่าว แต่อึดอัดว่า กาลเวลาเปลี่ยนไป การส่งข่าวก้าวหน้ามาถึงขั้นไม่ส่งของแลกข่าวไม่ได้แล้วหรือ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เหตุใดคนในวงการข่าวไม่อายว่าเราคือวงการดัดจริตที่สุดในโลกวงการหนึ่ง เพราะชอบอ้างอิงจริยธรรมที่ไม่สนใจปฏิบัติ
แม้จะมีคนข่าวหลายคนบอกว่า ฉันไม่ทำอย่างนั้น แต่เมื่อมีเหตุอย่างนั้นจริง คนข่าวทั้งหลายก็ย่อมไม่ควรอ้างถึงจริยธรรมสื่ออย่างภาคภูมิใจได้อีกเลย
ไม่ตรงไปตรงมา หรือใช้กลวิธีบางอย่าง เพื่อให้เราได้ประโยชน์ส่วนตนสูงสุด โดยไม่ยึดกุมหลักเกณฑ์และกฎหมาย หรือยอมรับการได้มาซึ่งอภิสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดีกว่า “โกง” ซึ่งๆ หน้าหรือ ?
มีเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับความดัดจริต ที่เราแต่ละคนควรตั้งคำถาม ทบทวน และตรวจสอบตัวเอง
.......................................
(หมายเหตุ เมืองดัดจริต : คอลัมน์ พริกกะเกลือ โดย... นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ [email protected]
https://www.facebook.com/NithinandY)