
"ดี้-เจี๊ยบ-แต๋ง" แตกคอเป็น 3 ฝ่าย ประลองฝีปากใน "มหรสพพูดและเพลง"
หลังจาก ยังดี หน่วยงานน้องใหม่ในเครือ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ได้เปิดตัวด้วยการพิสูจน์ฝีมือในโปรเจกท์คอนเสิร์ตอารมณ์ดี้ ตอน ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน ยังดี เดินหน้าลุยโปรเจกท์สอง นำเสนอโชว์พูดและเพลงที่ให้ชื่อว่า "เฉลียง 3 ฝ่าย ภูมิใจเสนอ มหรสพพูดและเพลง ตอน คนจะไทย ใครจะทน" โดยหยิบความสามารถและมุมมองของ 3 สมาชิกวงเฉลียง อย่าง "ดี้" นิติพงษ์ ห่อนาค "เจี๊ยบ" วัชระ ปานเอี่ยม และ "แต๋ง" ภูษิต ไล้ทอง มาเป็นจุดขาย
"ดี้" นิติพงษ์ เล่าถึงที่มาของมหรสพพูดและเพลงให้ฟังว่า เกิดจากแต่ละครั้งที่วงเฉลียงจะทำอะไรก็แล้วแต่ สมาชิกแต่ละคนมักจะมีข้อถกเถียง ข้อโต้แย้งที่เยอะมาก เพราะแต่ละคนก็มักจะมีความคิด มีฝ่ายเป็นของตัวเอง จนเกิดการคุยกันเล่นๆ ว่าหากวันหนึ่งว่างงานก็จะมาทำรายการทีวี นั่งพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ทั้งบ้านเมือง บันเทิง สังคม ฯลฯ เป็นการคุยมาเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว ก่อนที่จะมีรายการคุยข่าวทุกวันนี้อีก เพียงแต่ไม่ได้เริ่มทำจริงจัง กระทั่งได้มาเข้าหูทีมงานยังดี แล้วทุกคนก็อยากให้จัดเป็นโชว์นี้ขึ้น
"เราไม่รู้จะเรียกว่าอะไรก็เลยเรียกว่ามหรสพ คือมีเพลงที่จะร้องแต่ก็ไม่เยอะพอที่จะเรียกว่าคอนเสิร์ต มีพูดก็ไม่เยอะพอที่จะเรียกว่าทอล์กโชว์ ก็เลยเป็นมหรสพพูดและเพลง ส่วนที่เป็น 3 ฝ่ายอย่างที่บอกสมาชิกแต่ละคนกว่าจะทำอะไรกันได้แต่ละคนก็เยอะ เผอิญเรา 3 คนเป็นคนวัยเดียวกัน เรียนก็เรียนรุ่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีความคิดคนละอย่างแต่ก็ยังคุยกันได้ การจะทำมหรสพครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกชื่ออะไร จะใช้ชื่อเฉลียงเลยมันก็ไม่ครบ เพราะมีแค่ 3 คน ก็เลยเป็นเฉลียง 3 ฝ่าย คำว่า คนจะไทย ใครจะทน มันเป็นคำผวนที่พอดีกัน ติดปากดี น่าพูดเล่น แล้วยังมีความหมายแฝงด้วย ว่าคนไทยอย่างพวกเรา ใครจะมาทนได้ ชื่อก็เลยออกมายาว"
เมื่อถามถึงความพิเศษ "แต๋ง" ภูษิต อาสาเล่าแทนเพื่อน ว่าความพิเศษที่ชัดเจนที่สุดคือจะมีเพลงใหม่ให้ฟังถึง 4 เพลง และมุกที่มีประเด็นเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
"หลังจากเรา 3 คนมานั่งคุยกันว่าเราจะนำเสนอ เราจะพูดอะไรกันบ้างในมหรสพครั้งนี้ ก็เกิดไอเดียว่าถ้าอย่างนั้นเราน่าจะมีเพลงสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ พี่ดี้ก็แต่งเพลงขึ้นมาใหม่ถึง 4 เพลง นอกจากนั้นก็จะเป็นเพลงเก่า อีกอย่างจากเดิมเวลาเราไปเล่นคอนเสิร์ตของวงเฉลียงก็จะหยิบมุกต่างๆ มาเล่นแบบสะเปะสะปะ คราวนี้จะเป็นเรื่องเป็นราว มีประเด็นมากขึ้น เราจึงอยากชวนผู้ชมมาร่วมคิด ร่วมโหวตไปด้วย ดูว่าจะคิดเหมือนกันไหม" แต๋งพูดไม่ทันจบ "เจี๊ยบ" วัชระ เสริมขึ้นทันที
"เรียกว่าหาแนวร่วมนั่นแหละ พวกเราอายุปาเข้าไปขนาดนี้แล้ว ก็คิดว่าน่าจะมีความคิด มีพลังพอที่จะสามารถพูดคุย และหาเพื่อน หาคนดูที่มีอุดมการณ์เดียวกัน คุยในเรื่องเดียวกัน หรืออาจจะไปกระตุ้นต่อมช่วยคิดให้พัฒนาได้บ้างก็ดี"
ส่วนเรื่องที่จะมีคำสนทนาจิกกัดสังคมเลยหรือเปล่า ดี้ บอกว่า ไม่ได้จิกกัดอะไรสังคม แต่จะเป็นการจิกกัดตัวเองมากกว่า สังคมเป็นใครไม่รู้ ซึ่งพวกเขาก็จะพูดตามความเห็นของตัวเอง หลายๆ เรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนประสบและรู้สึกอยู่ หลายๆ เรื่องดูเหมือนจะเป็นเรื่องซีเรียสจริงจัง แต่จะเอามาพูดให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย
ดี้ และ เจี๊ยบ ยังได้พูดติดตลกถึงเรื่องแขกรับเชิญด้วยว่าชวนไว้เยอะมาก หลายคนอยากมา หลายคนหนีไม่อยากมา ส่วนสมาชิกเฉลียงที่เหลือก็อยากเป็นคนดูมากกว่า บอกให้พวกเขาขึ้นเล่นเอง ไม่อยากขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็คะยั้นคะยอกันอยู่ ส่วนแขกรับเชิญคนอื่นจะยังไม่บอก เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องไม่เซอร์ไพรส์
"ขณะนี้เราได้เตรียมตัวมาได้ครึ่งทางแล้ว ก็ยังเหลืออีกเยอะเหมือนกัน ด้วยความที่เถียงกันไม่เสร็จ เพลงทั้ง 4 เพลง ตอนนี้แต่งเสร็จแล้ว แต่ร้องไปได้เพลงเดียว เรื่องเพิ่มรอบประเด็นคือเราอาจจะไม่ไหว คือคนดูอยากดู คนเล่นอยากเล่น แต่เรื่องสังขารนี้มันพูดยาก"
สุดท้ายเมื่อถามถึงงานเพลงอัลบั้มใหม่ของวงเฉลียงว่าจะมีโอกาสได้ฟังกันหรือไม่ ดี้ เป็นคนตอบแทนเพื่อนๆ ว่า
"งานใหม่ยังคุยกันอยู่เลย เพราะตอนนี้มีเพลงแต่งใหม่ตั้ง 4 เพลง อีกนิดเดียวก็ทำอัลบั้มได้แล้ว ยังคิดอยู่ว่าจะทำกันดีไหม แต่งอีก 5-6 เพลงเอง อย่างเจี๊ยบเองเขาก็มีเพลงที่แต่งไว้ 1 เพลงก็เป็น 5 เพลงแล้ว" เรียกว่าทิ้งท้ายให้แฟนเพลงมีลุ้น
สำหรับ "มหรสพพูดและเพลง ตอน คนจะไทย ใครจะทน" ครั้งนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เปิดขายบัตรแล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา