
โลกเปลี่ยนไป ดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง 9
โลกเปลี่ยนไป ดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง 9 : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน
งานด้านศิลปะทุกแขนงไม่เพียงแต่ดนตรีไทยเท่านั้นที่มักจะมีการแบ่งกลุ่มงานออกเป็น 2 แนว หรือ 2 กลุ่ม ก็คือจะแบ่งเป็นกลุ่มของแนวอนุรักษ์กับแนวสร้างสรรค์ ซึ่งกลุ่มหลังนี่แหละจะเป็นตัวขับเคลื่อนงานศิลปะทุกด้านให้งานศิลปะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปซึ่งคนกลุ่มนี้ก็จะถูกยกตัวเองว่าเป็นนักพัฒนาและมักจะเป็นฝั่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับนักอนุรักษ์นิยมอยู่เสมอ
และในปัจจุบันก็จะมีหน่วยงานของรัฐที่ใช้ชื่อว่า กองศิลปร่วมสมัย มาดูแลงานศิลปินกลุ่มนี้ แต่สำหรับนักดนตรีไทยนั้นคนกลุ่มที่เป็นนักสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ซึ่งก็จะเป็นนักดนตรีแนวคอนเท็มโพรารี่หรือแนวร่วมสมัยถ้าสมัยก่อนก็จะเรียกว่า ดนตรีแนวประยุกต์ดนตรีไทยผสมดนตรีสากลหรืออาจจะปนสาเก ไปบ้างในบางคณะก็ว่ากันไป แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วทุกคนก็ยังถือว่าเป็นนักอนุรักษ์อยู่เหมือนกันทุกคน ซึ่งจะมากน้อยเพียงใดเท่านั้นเองแต่อย่างน้อยที่สุดทุกคนก็จะต้องยกมือขึ้นไหว้ก่อนทำการแสดงและทุกคนก็ยังต้องไต่เต้ามาจากความเป็นไทยเดิมด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าถามว่าการนำเครื่องดนตรีไทยไปเล่นกับดนตรีสากลที่มีหลายๆ วงทำอยู่นั้นเป็นการพัฒนาดนตรีไทยจริงหรือ เอาเข้าจริงๆ แล้วส่วนใหญ่หลายวงก็ยังหารูปแบบวงของตัวเองยังไม่ได้และก็จะก๊อบปี้วงที่เกิดมาก่อน ส่วนวงที่เกิดมาก่อนก็ยังคงเล่นแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน ลองถ้าแบบนี้แล้วมันก็คงไม่ใช่เป็นการพัฒนาดนตรีไทยให้ตามโลกที่เปลี่ยนแปลง มันคงเป็นแค่การเล่นตามๆ กันไปเท่านั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีคนดนตรีไทยที่ผมก็กล้าบอกว่า นี่แหละใช่! แต่หลายคนในวงการดนตรีไทยไม่ถูกใจมันไม่ใช่และเราไม่ชอบ อย่างเช่น เครื่องดนตรีไทยโครมาติกของคุณวสุ นามสกุลอะไรจำไม่ได้จริงๆ เพราะแค่รู้จักไม่ได้สนิทสนมจมหัวจมท้ายกันแต่อย่างใด คือคุณวสุ เขาได้ออกแบบและสร้างเครื่องดนตรีไทยที่สามารถเล่นครึ่งเสียงได้ครบก็คือเล่นเพลงไทยเพลงสากล แม้กระทั่งเพลงพระราชนิพนธ์ได้ทุกเพลงทุกบันไดเสียง ถ้าจะให้วิจารณ์กันตรงๆ ก็คือปรับแค่รูปแบบวิธีการเล่นรวมกันเป็นวงไม่ให้แห่กันไปก็จะถือว่าสมบูรณ์แบบสุดยอดพระเจ้าจอร์จจริงๆ อะไรก็แล้วแต่ผมก็ยังคิดว่านี่คือการพัฒนาดนตรีไทยให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแต่มันก็ใช่ว่านี่คือ บรรทัดฐานของวงดนตรีไทยร่วมสมัยจะต้องเป็นแบบนี้ก็คือต้องเล่นโครมาติกได้ทุกเครื่องทุกวง เพราะการร่วมสมัยเอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็สามารถพัฒนาไปได้อีกหลายแบบหลายทาง
ยังมีวงดนตรีไทยร่วมสมัยอยู่อีก 1 วง ที่ถือว่ามีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าของเมืองไทย เขาสร้างสีสันด้วยการใช้วิธีตีไปและก็เต้นไปพร้อมๆ กันซึ่งผมดูแล้วน้องๆ เขาก็น่ารักไปอีกแบบนะ อาจจะมีปรมาจารย์บางท่านที่วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่ามันไม่ดี ห่วยแตก! ทำดนตรีไทยให้เลอะเทอะไปกันใหญ่ แต่สำหรับความคิดของผมถึงใครจะบอกว่าเลอะเทอะ แต่มันก็ยังไม่ได้เละเทะ และก็ต้องถือว่านี่ก็เป็นการพัฒนาดนตรีไทยร่วมสมัยไปอีกแบบหนึ่งเนื่องจากไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อนนี่ครับ สำคัญก็คืนมันก็ไม่ได้ผิดจารีตประเพณี เพียงแต่ว่าท่าเต้นของพวกเขาถ้าดูแล้วถูกนำเอาไปเปรียบเทียบกับดนตรีแนวอื่นอย่างพวกบอยแบนด์ หรือพวกศิลปิน เคป๊อป เจป๊อป แล้วนั้นมันอาจจะดูอ่อนชั้นกว่าแนวอื่นๆ ไปบ้าง ถ้าทุกคนไปเรียนเต้นกันแบบเป็นจริงเป็นจังให้แค่ผู้ชมที่ได้ชมแล้วบอกว่า อืม! เต้นเก่งมาก ก็พอแล้วครับ และก็คงไม่ต้องถึงขนาดเอาหัวไปปักลงพื้นแล้วงอขาหมุนติ้วเป็นลูกข่างอย่างพวกบอยแบนด์หรอกครับ
ทั้งสองวงที่ผมกล่าวมานี้ต้องถือว่าเป็นการพัฒนาดนตรีไทยร่วมสมัยให้ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ซ้ำแบบเดิมๆ และก็เป็นเรื่องนานาจิตตังหรือที่โบราณเขาบอกว่า คนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ คนเบื่อเท่าผืนผ้าคนบ้าเท่าผืนพรม อันหลังนี่ผมแต่งเองไม่ใช่โบราณหรอกครับ แต่โดยส่วนตัวของผมแล้วนั้นผมไม่เลือกที่จะเล่นดนตรีไทยแบบโครมาติกและก็ไม่เลือกที่จะต้องเล่นไปเต้นไปแนวสวยงามแต่ผมเลือกที่จะเล่นดนตรีร่วมสมัยที่พัฒนารูปแบบวงหรือลักษณะการเล่นรวมวงที่ไม่ซ้ำกับวงอื่นๆ และตัวเอง ผมพยายามคิดรูปแบบวงของผมให้ต่างกันไปเป็นระยะ ที่ผ่านมาผมเคยออกอัลบั้ม บางกอกอะคูสติก ระนาดบางกอกที่เป็นแนวดูโอระนาดกับเปียโน ออฟบีทสยามที่เป็นแนวละติน และล่าสุด แจ๊สออฟสยาม และเร็วนี้ก็เตรียมพบกับรูปแบบดนตรีร่วมสมัยชุดใหม่ของผมที่ฟังแล้วอาจจะมีคนบอกว่าเลอะเทอะไปกันใหญ่ แต่ยี่ห้อขุนอินแล้วรับรองว่าไม่เละเทะไม่เสี่ยวหรือซ้ำซากรากแตกอย่างแน่นอน เพราะผมคิดว่าผมเองก็เป็นนักพัฒนาดนตรีปี่พาทย์ไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่าประเทศลาวกับกัมพูชาเขาก็มีเครื่องดนตรีเหมือนกับเรานั่นเองล่ะครับ
การพัฒนาดนตรีไทยให้ก้าวไปพร้อมกับโลกที่กำลังหมุนในแนวคิดของผมมันไม่ใช่แค่เอาดนตรีไทยไปเล่นผสมกับดนตรีสากลเพียงเท่านั้นเราสามารถทำดนตรีไทยให้เป็นรูปแบบอื่นได้อีกหลายอย่างที่เป็นแนวสร้างสรรค์ถ้าใครติดตามงานของผมก็จะทราบถึงผลงานที่นอกเหนือจากการเล่นดนตรีไทยของผม เช่น นักดนตรีไทยต้องมีหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กเหมือนคนวงการอื่นๆ ไม่ใช่มีแต่หนังสีอประวัติส่วนตัวเอาไว้แจกข้างเมรุตอนเผาศพ หรือทำไมดนตรีไทยจะเป็นการ์ตูนที่มันขี้โม้แบบแมวญี่ปุ่นบ้างไม่ได้หรือ ผมเขียนโปรแกรมแอพพลิเคชั่นไม่เป็น แต่ก็สามารถที่จะจัดทำ แอพขุนอินขึ้นมา เพื่อไม่ให้ดนตรีไทยนั้นน้อยหน้าไปกว่าเจ้านกขี้โมโหแองกี้เบิร์ด และแน่นอนเร็วนี้เตรียมพบการพัฒนาดนตรีไทยในรูปแบบของผมที่ไม่ต้องมีหน่วยงานใดของรัฐบาลมาสนับสนุน ฉบับหน้าผมจะมาว่าถึง นักอนุรักษ์นิยมดนตรีไทยในกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกว่ามีใครนึกถึงคำว่าจารีตกันบ้างหรือเปล่า...สวัสดีครับ
.......................................
(หมายเหตุ โลกเปลี่ยนไป ดนตรีไทยก็เปลี่ยนแปลง 9 : คอลัมน์ โลกใบนี้ดนตรีไทย โดย... ขุนอิน)