บันเทิง

สิทธิพร เปิดสำนักเพลง
สอนคุณธรรมนักการเมือง

สิทธิพร เปิดสำนักเพลง สอนคุณธรรมนักการเมือง

22 พ.ค. 2552

นักร้องเสียงคุณภาพ สิทธิพร สุนทรพจน์ ท้อแท้สังคมมีแต่พวกเห็นแก่ได้ ทำเพลงก็ถูกเอาเปรียบ เปิดสำนักเพลง "เสียงธรรมเสียงทอง" ร้องเพลงสอนนักการเมืองรู้จักรับผิดชอบและหยุดทำร้ายสังคมสิทธิพร สุนทรพจน์ ให้สัมภาษณ์ "คม ชัด ลึก" ถึงการทำเพลงคุณธรรมครั้งนี้ว่า รู้ส

  "ผมทำเพลงส่งเสริมคุณธรรม ความกตัญญู พอดีได้รู้จักกับพระ ท่านเป็นเลขาศูนย์ส่งเสริมพุทธศาสนา ท่านมีไอเดียนำเพลงลูกทุ่งเป็นสื่อเพื่อปลูกฝังคุณธรรมความดี ซึ่งทุกวันนี้คนห่างเหินเรื่องนี้มาก เลยอยากใช้เพลงลูกทุ่งเป็นสื่อการสอนให้แก่ครูนำไปสอนเด็กๆ บางครั้งช่วงก่อนที่พระจะบรรยายธรรมก็จะเปิดเพลงของผมก่อน ซึ่งเพลงคุณธรรมนี้จะออกแนวลูกทุ่งหวาน มีแหล่ แต่งโดย อ.ดอย อินทนนท์ กับ อ.สัก ลานไทร ดนตรีก็จะมีพี่หมู กิตติศักดิ์ สายนํ้าทิพย์ ซึ่งตอนนี้ทางศูนย์ก็นำไปเปิดจำหน่ายตามเครือข่ายทั่วประเทศ เมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ผมก็ไปเปิดบูธแสดงสินค้าที่สนามหลวง แนะนำเพลงให้แก่คนที่มาร่วมงาน เราได้บอกถึงเนื้อหาในเพลงด้วยตัวเราเอง เขาฟังแล้วบอกว่าดีแปลก ก็อุดหนุนกัน  ดีใจที่ได้ทำอะไรเพื่อสังคมส่วนรวมกับเขาบ้าง“

 นักร้องหนุ่มเจ้าของเสียงเพลง "ช้ำรักจากอุบล" กล่าวถึงการทำเพลงทุกวันนี้ว่า ภาครัฐไม่สามารถปราบของปลอมได้ ทำให้คนตั้งใจทำงานเกิดความท้อและเลิกทำไปในที่สุด

 “เราทำเพลงตลาดออกมาขาย มันท้อแท้เหมือนกันนะของปลอมมันเยอะมาก หาซื้อง่ายมาก เงินใต้โต๊ะมันมากปราบลำบาก เพราะคนของรัฐก็ขายกัน ทหาร ตำรวจ มีส่วนหมด ภาครัฐก็ยังไม่สนใจ ไปที่ไหนก็เจอแต่ของปลอม ไปๆ มาๆ คนทำของจริงกลับขายไม่ได้  พวกของปลอมขายได้ง่ายกว่า เดินไปตามแผงเทปปลอมตามตลาด มันเห็นเรามันยังเยาะเย้ย  คนทำเพลงถอดใจ หมดตัวเลิกทำกันไปกี่บริษัทแล้ว อุตสาหกรรมเพลงลูกทุ่งถูกคนของรัฐทำลาย เวลาไปขอใบอนุญาตจำหน่ายของถูกกฎหมายก็ขอยาก ข้ามเขตก็ไม่ได้ ไม่เหมือนของปลอมขายได้ทุกเขตตามตลาดนัดข้างถนน ผมไม่มีงานเพลงออกมาเกือบ 2 ปีแล้ว กะว่าจะทำเพลงคุณธรรมพวกนี้ให้สำเร็จก่อน ผมเห็นแล้วเกิดความทุเรศ"

 ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงงานเพลงดังกล่าวว่า เริ่มทำตั้งแต่เมื่อใด และคิดว่าจะสื่อสารกับคนที่ไม่ใช่กลุ่มลูกทุ่งอย่างไร นักร้องหนุ่มเสียงดีบอกว่า

 "ผมทำเมื่อปีกลายนี่เอง ทำออกมา 3 ชุดแล้ว ชุดแรกชื่อ "วันมงคลเพื่อคนทุกวัย" ชุดที่ 2 "แหล่เทพเจ้า 10 ชาติ" และชุดที่ 3 "เพลงรักฝากแม่" ผมใช้จังหวะโบเลโรในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ๆ ส่วนคนรุ่นกลางขึ้นไปผมใช้เพลงแหล่ พอทำงานออกไปการตอบรับดี ดีกว่าสร้างงานให้คนเอาไปปลอม ทำเพลงแบบนี้ได้บุญสร้างความดีไปในตัว หลายคนทำงานเพื่อธุรกิจอย่างเดียวไม่มีเรื่องสังคมเลย พอผมได้มาทำงาน มันคิดได้ว่านักร้องต้องมีความรับผิดชอบในการทำงาน เพลงเราคนฟังทั้งประเทศน่าจะมีสำนึกของความรับผิดชอบสังคมบ้าง เขาน่าจะได้แง่คิดจากงานของเรา  เวลามีคนจ้างไปงาน ผมก็จะนำเพลงคุณธรรมร้องสลับกับเพลงของผมทุกครั้ง"

 เมื่อสอบถามถึงรายได้ที่ได้รับ ว่าต่างจากการทำเพลงลูกทุ่งทั่วไปอย่างไร สิทธิพร บอกว่าพออยู่ได้และอย่าไปคิดมากให้อยู่แบบพอเพียงจะมีความสุข

 "รายได้ก็พออยู่ได้ ผมได้เปอร์เซ็นต์จากการขายที่ทางศูนย์ส่งเสริมพุทธศาสนาตัดมาให้ มันอาจจะไม่มากมาย เหมือนตอนที่เราทำเพลงกับค่ายเพลง แต่ใจมันสบาย เราไม่ได้คิดค่าร้อง เพลงแบบนี้น่าจะเปิดกรอกหูให้พวกส.ส. ข้าราชการ นักธุรกิจได้ฟังกันบ้างน่าจะดี คุณธรรมประจำตัวมันไม่มีกันเลย ถ้าพวกนี้มีคุณธรรมประจำตัวอยู่ในใจ ประชาชนคงไม่เดือดร้อนแบบนี้ พ่อค้านักธุรกิจทั้งหลายชอบของฟรีของถูก เขาไม่นึกถึงความรู้สึกของนักร้อง ดูถูกความสามารถ คิดว่าถ้าเขาไม่ทำเราก็ไม่มีที่ไป มันเป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากเข้าค่ายเพลง สู้ทำงานให้ศูนย์ส่งเสริมพุทธศาสนามีความสุข มีคุณค่ามากกว่า สบายใจ เพลงที่เราร้องทำให้คนฟังคิดได้ ตอนนี้ผมมาดูแลเรื่องการผลิตเพลงด้วยในนาม "สำนักเพลงเสียงธรรมเสียงทอง" เพราะมีวัดต่างๆ ศูนย์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาสนาติดต่อให้ทำเพลงประจำให้เขา"