
คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ฉบับไทย
คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ฉบับไทย : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย. เทพิตา
ละครไทยยุคนี้ไม่ได้หาดูได้ที่ช่องฟรีทีวีอย่างเดียว เมื่อช่องเคเบิ้ลทีวีต่างรุกคืบผลิตละครใหม่เป็นว่าเล่น
อย่าง ช่อง 8 ก็ผลิตละครใหม่ต่อเนื่องหลังได้รับการต้อนรับจากคนดูดี กลยุทธ์ คือ เน้นเลือกเรื่องเก่ามาทำใหม่เมื่อคนดูรู้จักแล้วอย่าง แก้วกลางดง บางเรื่องมีเนื้อหาแรงๆ เพื่อดึงดูดคนดู อาทิ ทองประกายแสด และล่าสุดกำลังถ่ายทำ ตี๋ใหญ่ ส่วนช่อง มีเดีย ที่ตลอดมาเน้นนำละครเก่ามาฉายใหม่ แต่ล่าสุดแว่วว่ามีโครงการผลิตละครใหม่เอี่ยมอ่องเพื่อฉายทางช่องของตัวเองเช่นกัน
ด้าน ทรู วิชั่นส์ ไม่น้อยหน้า ขอผลิตละครไทยด้วยเช่นกัน และเมื่อกระโดดมาทำก็ขอเริ่มต้นด้วยความท้าทาย ซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์ดังจากเกาหลี Coffee Prince (คอฟฟี่ ปริ๊นซ์) มาสร้างในฉบับไทย โดยออกอากาศทุกคืนวันพฤหัสบดี และ วันศุกร์ เวลา 21.00 น. ทางช่อง ทรู เอเชียนซีรีส์
หนึ่งในเหตุผลที่ทรูขอสร้างละครเองน่าจะมาจากต้องการผลักดันนักล่าฝัน ผลผลิตจากรายการเอเอฟที่เป็นผู้ผลิต และดึงศักยภาพการแสดงของนักล่าฝันให้ได้โชว์ฝีมือ ถือเป็นเรื่องดี เป็นการต่อยอดเด็กในสังกัด
มอง 2 มุม ในแง่ที่เป็นประโยชน์ การหยิบเรื่องดังของเกาหลีที่คนไทยรู้จักดีมาสร้างช่วยดึงดูดความสนใจคนดูให้อยากดูได้อย่างดี แต่ในแง่ที่เป็นความกดดันหนีไม่พ้นการต้องโดนเปรียบเทียบกับต้นฉบับ
คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ เรื่องราวความรักของหนุ่มหล่อขั้นเทพที่ต้องมาบริหารร้านกาแฟจนได้ผูกพันใกล้ชิดกับหญิงสาวที่ใครๆ ก็คิดว่าเธอเป็นผู้ชาย จนกลายเป็นเรื่องรักอลวนอบอวลด้วยรัก เวอร์ชั่นเกาหลีเป็นการจับคู่กันของสองซูเปอร์สตาร์ กง ยู และ ยุนอึนเฮ ที่ดังระเบิดเป็นขวัญใจคนดูทั่วเอเชียจากเรื่องนี้
สำหรับเวอร์ชั่นไทย หนุ่มมาดเนี้ยบจากบ้านเอเอฟ 6 “แม็ค” วีรดนย์ หวังเจริญพร มาสวมบทเจ้าชายกาแฟที่จะละลายใจสาวๆ ในแง่รูปลักษณ์ถือว่าสอบผ่าน ส่วนฝีมือการแสดงแม้ไม่ลื่นไหลและโชว์เสน่ห์มัดใจในแบบที่ กง ยู เคยทำไว้ อาจมีแข็งๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับรับไม่ได้ เห็นถึงความพยายาม ลับฝีมือขึ้นเรื่อยๆ น่าจะมีอนาคตสดใส อย่างน้อยการฉายแววในละครเรื่องนี้ก็ทำให้ช่อง 7 ดึงตัวแม็คไปเป็นนักแสดงในสังกัดเรียบร้อย
ด้านนางเอกที่ถือเป็นศูนย์กลางเรื่อง ใช้บริการนักแสดงสาวหน้าใหม่ “แม็กซีน” อินทพร แต้มสุขิน อาจใหม่ในละคร แต่ผ่านภาพยนตร์ ฮาศาสตร์ มาก่อน ต้องชื่นชมการเลือกสาว แม็กซีน มารับบทนี้ การไม่ยัดเยียดนางเอกที่ต้องเป็นเด็กเอเอฟเป็นเรื่องดี โดยเน้นเลือกจากความเหมาะสมล้วนๆ เมื่อบุคลิก รวมถึงเมื่อมีการปรับลุคโดยเฉพาะการตัดผมให้ดูเหมือนผู้ชายแล้ว ทำให้แม็กซีนดูเหมาะกับบทและสร้างความน่าเชื่อถือในภาพแรกที่คนเห็น ส่วนการแสดงก็เป็นธรรมชาติมากๆ
การจับคู่กันของ แม็ค กับ แม็กซีน เน้นความกุ๊กกิ๊ก น่ารัก แต่ความเป็นดราม่ายกให้คู่นี้ “โบ”ธนากร ชินกูล ที่ทึ่งกับการแสดงบทชีวิตของเจ้าตัว จากที่เห็นเล่นแนวตลกๆ เสียส่วนใหญ่ กับ “ดาต้า”ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ ที่มีความน่ารักเป็นธรรมชาติสูง เป็นการจับคู่ที่เคมีเข้ากัน
ส่วนการผลักดันนักล่าฝันมาเล่นละคร สาว “ปั๋ม”เอเอฟ 7 ในบทน้องสาวนางเอกสร้างสีสันให้เรื่องได้พอสมควร ส่วนบทหนุ่มๆ เจ้าเสน่ห์พนักงานร้านกาแฟ “เต๋า”เอเอฟ 8, “บอส”เอเอฟ 7 และ “เบน”เอเอฟ 7 ก็มีความเป็นธรรมชาติในตัวเอง แต่น่าเสียดายที่บทน้อยไปหน่อย ช่วงแรกแทบไม่มี ในแง่การตลาดถ้าต้องการดึงแฟนคลับนักล่าฝันให้มาดูละครก็น่าจะเสริมบทให้มากขึ้นตั้งแต่เริ่มเรื่อง น่าจะเรียกความอือฮาได้มากกว่านี้
หน้าที่ผู้กำกับฯ เป็นของ 1 ในผู้กำกับฯ หนัง แฟนฉัน และ เด็กหอ อย่าง “ย้ง”ทรงยศ สุขมากอนันต์ ไม่แปลกที่ทางภาพในละครจะมีความเป็นหนังพอสมควร ผลลัพธ์ที่ได้คือ เป็นหนึ่งในละครภาพสวย แต่การมาในแนวทางหนังทำให้ละครเรื่องนี้มีจังหวะที่เนิบไปบ้าง ไม่กระชับ ฉับไวในแบบฉบับละคร จึงอาจไม่ทันใจคนดู อีกหนึ่งจุดที่ผู้กำกับฯ ทำได้ดี คือ การกำกับฯนักแสดงโดยรวมของเรื่องให้แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากจนโอเวอร์แอ็กติ้ง หรือน้อยไปจนดูไม่น่าสนใจ ถือว่าย้งสอบผ่านการเป็นผู้กำกับฯ ละครเรื่องแรก
แม้ คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ ฉบับไทย จะไม่ได้หวือหวา โฉ่งฉ่างแบบละครน้ำเน่า เรียกว่ามีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็บรรลุวัตถุประสงค์การผลิตในการขอเป็นละครทางเลือกที่ดูเพลิน ดูสบาย ชวนอมยิ้ม เป็นการพักอารมณ์จากการดูละครตลาดจ๋าได้อย่างดี
.......................................
(หมายเหตุ คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ฉบับไทย : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย. เทพิตา)