
บันเทิงคดีเดอะมูฟวี่คอนเสิร์ตในแบบ 'มาโนช'
บันเทิงคดีเดอะมูฟวี่คอนเสิร์ตในแบบ 'มาโนช'
สาวกคนดนตรีจริงๆ คงรู้จักชื่อ มาโนช พุฒตาล เป็นอย่างดี เขาคือคนที่เคยสร้างปรากฏการณ์ฮือฮาในวงการ ทั้งการทำรายการโทรทัศน์ “บันเทิงคดี” ที่ถือเป็นต้นแบบรายการ “อินดี้” และกลิ่นอาย “ชาวร็อค” เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว จวบจนปัจจุบัน มาโนช พุฒตาล คือคอลัมนิสต์ที่มีชื่อเสียงในด้านของปรัชญาและความคิดสร้างสรรค์
และวันนี้เขาได้นำสิ่งนี้มารวมกันด้วย “การแสดงสด” รูปแบบใหม่ครั้งแรกของเมืองไทย ด้วยการผสานการแสดงดนตรีสดเข้ากับภาพยนตร์สารคดี และทอล์กโชว์ จนกลายเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างลงตัวแบบที่เรียกว่า “ไตรมีเดีย”
โดยเล่าผ่านเรื่องราวชีวิตของ กนกพงศ์ สงสมพันธ์ กวีซีไรต์ระดับหัวแถวของวงการ ผู้ที่ส่งแรงบันดาลใจให้ มาโนช พุฒตาล ได้ดั้นด้นค้นหาดินแดนแห่งหุบเขาฝนโปรยไพร พร้อมค้นพบปรัชญาชีวิตอันทรงคุณค่าที่ว่า “การมีชีวิต” กับ “การใช้ชีวิต” เป็นคนละเรื่องกันภายใต้ชื่อคอนเสิร์ตบันเทิงคดีเดอะมูฟวี่ “ฝนโปรยไพร ใจกลางเมือง”
ในคอนเสิร์ตนอกจาก มาโนช พุฒตาล จะมาเล่าเรื่องราวปรัชญาชีวิตผ่านการร้อง เล่นดนตรี และทอล์กโชว์แล้ว ก็ยังมีคนดนตรีระดับตำนานอย่าง มาลีฮวนน่า ที่ห่างหายจากวงการไปนานปี และวง The Lamb สุดยอดวง โฟล์คร็อค แห่งวงการที่จะร่วมบรรเลงขับขานเรื่องราวปรัชญาชีวิตอันทรงคุณค่าครั้งนี้ด้วย
คอนเสิร์ตบันเทิงคดีเดอะมูฟวี่นี้จะเปิดการแสดงในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม เวลา 16.00 น. เพียงรอเดียวเท่านั้น ณ โรงภาพยนตร์สกาลา ซึ่ง มาโนช ได้บอกถึงคอนเสิร์ตนี้ให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งเขาได้แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งชื่อ (กนกพงศ์) คนฟังเสียงฝน โดยกนกพงศ์เป็นนักเขียนดาวรุ่งของภาคใต้ และหนังสือของเขาได้รางวัลซีไรต์ด้วย ช่วงหลังกนกพงศ์ได้เช่าบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งที่อยู่ในสวนและห้อมล้อมด้วยภูเขาหลวง ที่ อ.พรมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งที่นั่นฝนตกทุกวัน แต่ฝนที่ตกทำให้พืชผลทางการเกษตรเจริญงอกงาม
“กนกพงศ์เขาเลยตั้งชื่อนี้ขึ้นมาว่า ภูเขาฝนโปรยปราย ผมเป็นคนอยุธยา ผมเองก็ชอบฝนเหมือนกัน เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา จนมาเมื่อปีที่แล้ว ผมอยากทำรายการเพลงทางโทรทัศน์แบบที่ไม่สามารถหาดูได้ตามอินเทอร์เน็ท ผมเลยสร้างสารคดีทางดนตรีที่มีเพลงใหม่ตลอดในทุกๆ ตอน ผมเลยเอาแรงบันดาลใจนี้ไปเสนอช่อง ซึ่งทางช่องก็ยอมรับ แต่ขอให้ออกปีหน้า ผมเป็นคนใจร้อน อยากที่จะเผยแพร่สิ่งนี้ คอนเสิร์ตนี้เลยคือทางออก” มาโนชกล่าว ก่อนจะเสริมต่ออีกว่าจะเอารายการนี้ที่ทำไว้ไปเปิดฉายที่โรงหนังสกาลา
“ด้วยความที่ค่าเช่าโรงหนังมันแพง เราเลยต้องเก็บค่าตั๋วเพิ่มขึ้น แต่ถ้าจะมาถ่ายรายการแบบปกติ ก็ถือว่าค่าตั๋วแพงมาก เราเลยเปลี่ยนเป็นว่าฉายหนังดำเนินเรื่องไปถึงจุดหนึ่งแล้วหยุดไว้ และศิลปินที่อยู่ในหนังจะมาปรากฏตัวด้านล่าง นั่นคือคอนเซ็ปต์ของคอนเสิร์ตในครั้งนี้” มาโนชบอก
เจ้าของคอนเสิร์ตนี้ยังบอก ว่าไม่ได้เห็นความสำคัญของคำว่าแปลกใหม่ในการทำคอนเสิร์ตนี้ เพราะมองที่คุณค่าของการทำมากกว่า อีกทั้งเวลาจะทำอะไร จะมองคุณค่ามากกว่าความแปลกใหม่ เพราะหากพยายามหาสิ่งแปลกใหม่ แต่สิ่งแปลกใหม่ที่ได้กลายเป็นความแปลกใหม่ปลอมๆ มันก็ไม่มีคุณค่า สู้ของซ้ำเดิมที่มีคุณค่ามากกว่าไม่ได้