
'ติดปีกความคิดถึง'เวสป้า(จบ)
'ติดปีกความคิดถึง'เวสป้า อาร์สยามบทเพลงเอาใจหนุ่มสาวภูธร (จบ) : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... พอล เฮง [email protected]
เวสป้า อาร์สยาม ก็เป็นนักร้อง/นักแต่งเพลง ที่เลือกเดินเส้นทางล่าสุด ในการจงใจทำเพลงเพื่อรองรับตลาดเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิต ซึ่งเป็นตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดยุคปัจจุบันของเมืองไทย และแน่นอนตลาดเพลงตรงจุดนี้ หากเปรียบเทียบว่าไปแล้ว ก็คือตลาดเพลงที่เป็นแนวรสนิยมของตลาดละครทีวีมากสีนั้นเอง
สำหรับชื่อใหม่ที่ใช้ในภาคนักร้องของ อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พูดไปแล้วก็ดูเหมือนกับสังกัดค่ายมวยยังไงยังงั้น เพราะสมัยก่อนที่ทำเพลงในแนวสตริงแบบเพลงป๊อปทั่วไปทั้งในนามวงสเตอร์ และนักร้องชายเดี่ยว เวสป้า สเตอร์ ก็ดูว่ายังมีมิติของวงการดนตรีอยู่ไม่มากก็น้อย แต่พอมาเป็นเวสป้า อาร์สยาม ก็อดคิดถึงวงการมวยไปเสียไม่ได้
ทำไม?...ถึงเป็นเช่นนั้น
เพราะวงการมวย นักมวยที่อยู่ในสังกัดก็จะมีชื่อค่ายมวยพะยี่ห้อต่อท้าย ซึ่งระยะหลังถ้าค่ายไหนมีผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ใหญ่เข้ามา ก็จะเปลี่ยนชื่อค่ายเป็นชื่อสินค้านั้นไปเสียเลย ส่วนวงการเพลงเป็นแค่ขั้นแรกที่ทำเหมือนค่ายมวย อย่าง เวสป้า ก็มีนามสกุล อาร์สยาม เพื่อให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ต่อไปหากค่ายเพลงนี้มีสปอนเซอร์หลักเข้ามา ก็อาจจะใช้ชื่อสปอนเซอร์เป็นสกุลห้อยท้ายก็ได้
แสดงให้เห็นว่าวงการเพลงเมืองไทยปัจจุบันก็เป็นเหมือนวงการมวยเหมือนกันในจุดนี้
อัลบั้ม "ติดปีกความคิดถึง" ของ เวสป้า อาร์สยาม จึงเป็นงานเพลงและดนตรีที่คาดเดาได้ไม่ยากในทางเพลงและแนวดนตรี ซึ่งฟังออกมาแล้วก็จะเป็นเพลงป๊อปร็อกที่มีกลิ่นอายของเพลงสตริงที่คุ้นหูในยุคทศวรรษที่ 2530 ของเมืองไทย มาผสมกับการเขียนเนื้อเพลงในแบบโรแมนติกเพื่อชีวิตยุคหลัง โดยมีการนำเอาซาวนด์สมัยใหม่กลิ่นอัลเทอร์เนทีฟแบบไทยๆ อย่างโลโซเข้ามาผสมอยู่จางๆ เขย่ารวมกันก็ได้เพลงที่เนียนหูอย่างจงใจขายทั้งอัลบั้ม
ไม่ว่าจะเป็นจังหวะขโยกโยกเย้าในแบบป๊อปร็อกพร้อมเสียงสปีดกรีดลีดกีตาร์พอเร้าใจ หรือบัลลาดอ้อนหวานและอกหักที่ถือเป็นพิมพ์นิยมของบทเพลงในตลาดภูธรในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี
ในแง่ของการเขียนเนื้อร้องหรือความเป็นนักแต่งเพลงฮิต คิดว่าไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว เขาเข้าใจในกลุ่มคนฟังของตัวเองที่เป็นเป้าหมายได้ดีในระดับถึงดีมาก โดยเฉพาะเพลงรักออดอ้อนตัดพ้อหรือโหยหาด้วยความคิดคะนึงถึง
เพราะรสนิยมการฟังเพลงของคนไทยโดยส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเพลงกระแสหลักในระดับบทเพลงยอดนิยมนั้น ก็ละม้ายคล้ายกับรสนิยมการดูละครโทรทัศน์ในบ้านเราเช่นกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ละครทีวีของเมืองไทยนั้น ช่องน้อยสีจะเป็นละครที่มีโปรดักชั่นและเนื้อหาที่กระเดียดในการปรุงรสแบบเอาใจคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีกลิ่นภูธรอยู่กลายๆ ส่วนช่องมากสีก็จะเป็นรสแบบบ้านๆ มากหน่อย เอาคนคนต่างจังหวัดหรือภูธรได้ชะงัด ส่วนวิกทหารพันธุ์แท้ก็เป็นละครทีวีที่มีรสคนกรุงเทพฯ แท้ ซึ่งพอจะเอามาเป็นมาตรวัดความนิยมในบทเพลงและดนตรีได้เช่นกัน
เวสป้า อาร์สยาม ทำเพลงในแบบลูกทุ่งเพื่อชีวิตที่เทียบกับละครแล้ว ก็น่าจะอารมณ์อยู่ประมาณละครทีวีของค่ายดาราวิดีโอ ทางช่อง 7 ประมาณนี้
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเข้าใจและทำเพลงได้ถูกใจตลาดเพลงภูธรแล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ทุกสิ่งที่ว่ามาก็มีปัจจัยที่ชี้เป็นชี้ตายอีกอย่างเดียวก็คือ สื่อที่อยู่ในมือของอาร์สยามและสื่อในแนวลูกทุ่งมหานครจะประโคมโหมเปิดเพลงของเวสป้า อาร์สยาม ให้กระหน่ำเท่าไหร่
เพลงก็จะฮิตเร็วเท่านั้น...
.............................
(หมายเหตุ 'ติดปีกความคิดถึง'เวสป้า อาร์สยามบทเพลงเอาใจหนุ่มสาวภูธร (จบ) : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... พอล เฮง [email protected] )