บันเทิง

Chronicle

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

Chronicle : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย.. ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

          นับแต่ Paranormal Activity ภาคแรก หนังอย่าง Cloverfield ก็ดี District 9 หรือถ้าย้อนกลับไปไกลกว่านั้น The Blair Witch Project ก็ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ สำหรับหนังไซไฟ หรือหนังสยองขวัญ ที่ใช้รูปแบบการเล่าเรื่องแบบรายการทีวีเรียลิตี้ หรือสารคดี ที่ใช้ลูกเล่นการเล่าเรื่องแบบสมจริง มาใช้กับเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ ลักษณะคล้ายรูปแบบสารคดีที่เรียกกันว่า found footage หรือการค้นพบหลักฐานภาพถ่าย/ ฟิล์มภาพยนตร์ ซึ่งดูเหมือนว่า หนังที่ใช้วิธีการแบบนี้ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น และถูกสร้างมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในปีนี้เราก็จะได้ดูหนังอย่าง “Chernobyl Diaries” “Paranormal Activity 4” ที่ใช้กลวิธีเล่าเรื่องแบบเดียวกันและยังมาจากผู้สร้างชุดเดียวกันอีกด้วย

          ความสำเร็จของหนังเรื่อง “Paranormal Activity 3” เมื่อปลายปีที่แล้ว และ “Chronicle” เมื่อต้นปีนี้ เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เรื่องหลังเป็นหนังวัยรุ่น มีความเป็นไซไฟ เมื่อเด็กไฮสคูลสามคนค้นพบหลุมลึกลับกลางป่าที่ทำให้พวกเขามีพลังประหลาด พวกเขาเรียนรู้ที่จะควบคุมความสามารถพิเศษของตัวเอง บางคนใช้มันไปในทางที่ดี แต่บางคนก็ต้องเริ่มเสียการควบคุมไป เพราะด้านมืดในตัวพวกเขามาครอบงำ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด บันทึกไว้โดยกล้องวิดีโอที่ถ่ายทำกันเล่นๆ ระหว่างเพื่อนทั้งสามคนนั่นเอง

          ด้วยความที่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในหนังถูกบันทึกไว้โดยช่างภาพมือสมัครเล่น (ซึ่งก็คือเด็กคนหนึ่งในกลุ่มสามคนนั่นแหละ) ดังนั้น ภาพที่ปรากฏจึงดูดิบ สด ขาดไร้ความประณีต สวยงาม หากแต่เต็มไปด้วยความสมจริง สมจัง ประหนึ่งว่านี่คือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเรื่องแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยก็ตาม

          นอกจากพฤติกรรมห่ามๆ ของเด็กแสบทั้งสามที่บันทึกไว้ด้วยกล้องวิดีโอคุณภาพต่ำ ดังนั้นการเล่นกับเทคนิคพิเศษด้านภาพจากพลังเหนือธรรมชาติของเด็กทั้งสามจึงเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของคนดู แม้มันอาจจะไม่แปลกตา แต่ก็สร้างความตื่นเต้นได้ทุกครั้งที่เห็นเด็กบางคนจู่ๆ ก็เหาะได้ บางคนก็มีพลังเคลื่อนย้ายวัตถุขนาดใหญ่ บางทีเทคนิคเหล่านั้นอาจบกพร่อง ไม่สมจริง แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องแบบเรียลิตี้ ที่กล้องเหวี่ยงไปมา ภาพแทนสายตาตัวละครอยู่ตลอดเวลา คนดูจึงคาดเดาอะไรไม่ได้เพราะเขาก็คือหนึ่งในตัวละครนั่นเอง

          หนังสนุกทีเดียว กับการพาเราไปดูพฤติกรรมห่ามๆ ของเด็กๆ วัยรุ่น ใช้พลังพิเศษแกล้งคนรอบข้าง และสุดท้ายพลังเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่หนังแอ็กชั่นฮีโร่ที่เด็กๆ ต้องกลายเป็นวีรบุรุษในการปกป้องอะไรสักอย่าง เพราะสุดท้ายพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่ป้องกันตัวเอง เป็นหนังแอ็กชั่นไซไฟที่มีเนื้อหาค่อนข้างแปลกใหม่ แตกต่างไปจากเรื่องราวเดิมๆ ที่คอหนังคุ้นเคย
.............................
(หมายเหตุ Chronicle : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย.. ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ