
ลาบานูนยังร็อกอยู่
ลาบานูนยังร็อกอยู่ : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ @viphappening
วงลาบานูนออกอัลบั้มใหม่แล้วนะครับ...
ลาบานูนหายหน้าไปจากวงการเพลงร่วม 6 ปี ระหว่างนี้สมาชิกต่างแยกย้าย เมธี อรุณ นักร้องนำและแกนนำของวงหันไปเล่นการเมืองท้องถิ่นและไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับมาเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง แล้วรวบรวมวงกลับมาทำอัลบั้มพร้อมตระเวนรับงานแสดงคอนเสิร์ตอีกทีเมื่อราวหนึ่งปีที่ผ่านมา
พวกเขาตั้งชื่ออัลบั้มชุดใหม่ว่า keep rocking ...ก็เป็นการบอกตรงๆ ว่าถึงอายุวงจะร่วม 15 ปีแล้วแต่ยังร็อกกันได้อยู่นะ
ที่การกลับมาของลาบานูนเป็นเรื่องน่าสนใจก็เพราะว่าวงดนตรีวงนี้นั้นดังแบบเงียบๆ มาเนิ่นนาน ตั้งแต่อัลบั้ม 2 ชุดแรกที่มีเพลงฮิตมากมาย อาทิ ยาม, เพ้อ, ความรู้สึก, 191, บังอาจรักเธอ, หนักใจ, แอบรัก ฯลฯ จนได้ออกอัลบั้มตามมาอีก 4 ชุด ก่อนจะทิ้งช่วงไปนาน แล้วกลับมากับอัลบั้มชุดที่ 7 ในปีนี้ สังกัดมิวสิคบั๊กส์ที่พวกเขาสังกัดอยู่นั้นเป็นค่ายเล็กๆ ที่ยิ่งมาก็ยิ่งเงียบเหงา ไม่มีสื่อในมือและไม่มีทุนรอนมากมาย ปัจจุบันน่าจะเหลือลาบานูนเป็นศิลปินเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ดูยอดขายหลายๆ อัลบั้มของลาบานูนที่ได้เฉียดๆ ล้านก๊อบปี้ อย่างต่ำๆ ก็ได้ถึงสองแสนซึ่งก็ยังเป็นปริมาณที่มากในระดับน่าอิจฉา จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังมีงานจ้างให้ไปแสดงอยู่ไม่ขาดสาย นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมค่ายเล็กๆ ค่ายนี้ถึงยังอยู่ได้ และทำไมวงดนตรีวงนี้ถึงยังมีโอกาสได้ร็อกกันต่อ ...วงดนตรีไทยที่ประสบความสำเร็จระดับนี้มีไม่กี่วงนะครับ
ให้วิเคราะห์เพลงของวงดนตรีร็อกสามหนุ่มจากแดนใต้วงนี้ก็ต้องบอกว่าพวกเขามีลายเซ็นของตัวเองชัดเจนจากเสียงร้องเอื้อนอันแสนสะใจของเมธี และชัดเจนด้วยทิศทางของดนตรีร็อกเต็มพลัง พ่วงด้วยเนื้อเพลงที่มักจะขับเน้นบุคลิกแบบจริงใจ เป็นกันเอง และขี้เล่นของพวกเขาให้เด่นชัดออกมา ทำให้เพลงเร็วของลาบานูนดูร่าเริงแต่มีพลัง ในขณะที่เพลงช้าก็ดูโศกเศร้าจนเราอยากเข้าไปลูบหัวตบไหล่
เวลาที่หายไปถึง 6 ปีกับประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น พวกเขากลับมากับเพลงที่ยังร็อกกันหนักแน่น ในขณะที่เนื้อเพลงแม้ยังเป็นเรื่องความรักเสียส่วนใหญ่เหมือนเดิม แต่ก็ยังแอบสอดแทรกมุมมองชีวิตที่ลุ่มลึกมากขึ้นบ้าง อย่างในเพลงร็อกหนักหน่วงชื่อ ผัดกะเพรา ที่พวกเขาพูดเรื่องการใช้ชีวิตง่ายๆ แต่ไม่มักง่าย หรือใน สัญญาหน้าหนาว ที่เป็นเพลงรักอกหักแบบยิ้มๆ ซึ่งพาดพิงไปถึงเรื่องสภาวะโลกร้อน เพลง nobody’s perfect พูดเรื่องการอยู่กับความพอดี เพลง นางงามจักรวาล ก็สะท้อนเรื่องค่านิยมสำเร็จรูปบางอย่างในสังคม กระทั่งเพลงช้าอกหักอย่าง สายน้ำ ก็ดูจะเป็นการจากลาที่เข้าอกเข้าใจชีวิต ซึ่งเป็นมุมมองแบบผู้ใหญ่สักหน่อย
มีเรื่องน่าเสียดายอยู่บ้างในอัลบั้มที่ทิ้งช่วงไปตั้งนานชุดนี้ อย่างแรกเลยคืออาร์ตเวิร์กปกอัลบั้มที่ไม่สวยเอามากๆ อย่างที่สองคือความลงตัวและความคมคายในเนื้อเพลงดูจะห่างชั้นกับอัลบั้มชุดแรกๆ ของลาบานูนอยู่พอสมควร (ปัญหานี้เริ่มมีมาตั้งแต่อัลบั้มชุดหลังๆ ของลาบานูนแล้ว) บางถ้อยประโยคในบางเพลงแทบจะเป็นรูปรอยของภาษาเพลงรักแบบมิวสิคบั๊กส์เมื่อสัก 7-8 ก่อนเลยล่ะ แถมเรื่องรักที่พูดก็ยังเป็นเรื่องซ้ำๆ เดิมอยู่
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับอัลบั้มชุดก่อนหน้านี้อย่าง สยามเซ็นเตอร์ (2548) หรือ 24 ชั่วโมง (2549) ก็ถือว่างานชุดนี้เต็มอิ่มกว่า เพลงช้าก็ถึงอารมณ์ เพลงเร็วก็สนุกสนานสะใจ นอกจากจุดอ่อนด้านเนื้อเพลงที่ปรากฏอยู่นิดหน่อยแล้ว ในส่วนอื่นๆ อย่างดนตรี การเรียบเรียง การแต่งทำนอง โดยเฉพาะการร้องของเมธีก็ยังทำได้ดีมาก เราได้จะได้ฟังเพลงที่มีเมโลดี้แปลกใหม่และดนตรีเล่นสนุกสุดเหวี่ยงอย่าง นางงามจักรวาล และเพลงที่พวกเขาใส่ลูกเล่นทางดนตรีกันเต็มเหนี่ยวจนแทบจะขึ้นชั้นเป็นรุ่นใหญ่ได้เลยอย่าง nobody’s perfect, ประกันชั้น 3 และ ผัดกะเพรา ซึ่งทั้ง 4 เพลงนี้นับเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘พัฒนาการ’ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อัลบั้มชุดนี้เสร็จสมบูรณ์มาสักพักแล้ว แต่ยังหาซื้อไม่ได้ทั่วไปครับ มีวางขายเพียงในเฟซบุ๊กก่อน ...ซึ่งก็คงเป็นเพราะทางค่ายเขายังไม่มั่นใจว่าจะวางแผงยังไงไม่ให้ขาดทุนในยุคนี้ แต่หากใครสนใจลองแวะเข้าไปที่เฟซบุ๊กของวงลาบานูนได้ที่ www.facebook.com/labanoon หรือจะไปลองเซิร์ชหาฟังเพลงในยูทูบก่อนก็ได้
ที่สุดแล้ว การที่วงดนตรีสักวงยัง keep rocking กันได้อยู่เมื่อเวลาผ่านไปถึง 15 ปี ก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง และสำหรับแฟนเพลง คำว่า keep rocking ที่พวกเขาบอกในวันนี้ก็มีความหมายเป็นเหมือนคำสัญญาว่าวงดนตรีวงนี้จะไม่ทิ้งแฟนเพลงไปในเร็ววันแน่ๆ
ฟังเพลงจากอัลบั้มนี้แล้ว ผมเชื่ออย่างนั้นครับ
.............................
(หมายเหตุ ลาบานูนยังร็อกอยู่ : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ @viphappening)