บันเทิง

ไนกี้ แมนยู และ Gingham

ไนกี้ แมนยู และ Gingham

22 พ.ค. 2555

ไนกี้ แมนยู และ Gingham : คอลัมน์ eat play life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร twitter@nantakwang

          คงมีคนอยู่น้อยมาก ที่รู้จัก "ไนกี้" แล้วนึกตราสัญลักษณ์ “ปีกแห่งชัยชนะ” ของแบรนด์นี้ไม่ออก หรือจะว่าไป ดันไปคิดถึงรูปปีกนั้น ในการ์ตูนเซนต์เซย์ย่า กับในรถโรลส์รอยซ์ มากกว่าไนกี้แบรนด์กีฬาของอเมริกันชื่อนี้ อาจจะเข้ามาในแวดวงลูกหนังช้ากว่าหลายๆ แบรนด์ แต่ไนกี้เข้ามารุนแรงเหลือเกิน ใช้เวลาสั้นๆ แต่สองทศวรรษ หมั้นหมายกับทีมฟุตบอลดังๆ เก่งๆ ในโลกจนหมด หรือจะพูดไปในฐานะคนดูบอล ไนกี้ได้เป็น “เบอร์หนึ่ง” เรียบร้อยแล้ว มากกว่าทุกแบรนด์ไนกี้แต่งงานบราซิล, หมั้นหมายกับแมนยู, พบรักกับบาร์เซโลนา, และกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยไปทั่วกับอาร์เซนอล อินเตอร์ ฉลามชลฯ ฮอลแลนด์ โปรตุเกส และหนุ่มๆ ที่มากมาย (เพราะไนกี้เป็นเทพหญิงสาวตามตำนานกรีก)

          ผมเป็นคนบ้าบอล บ้าจริง (ไม่ใช้สลิง) เลยมีเสื้อฟุตบอลในบ้านเกือบพันตัว มีเสื้อไนกี้ที่ซื้อเองจากหลายพื้นที่อยู่เยอะมาก แต่ถ้าประเมินเอาจากเสื้อทีมชาติ “บราซิล” กับ “เสื้อแมนยู” ที่ชอบมากและมีมากที่สุดมาในช่วง 50 ปีนี้ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ผมลองเข้าไปในเว็บของ manutd.co.uk และ nikefootball.co.th ก็เห็นเสื้อฤดูกาลใหม่ 2013 ของแมนยู ยืนอวดโฉมอย่างมีนัยให้เราเข้าไปสำรวจและตีความ
 
          อันที่จริง เวลาไนกี้หรือแมนยูร่วมกันทำงานเกี่ยกับเสื้อ, โฆษณา หรือแคมเปญอะไรนั้น มักจะมีเรื่องของ innovation มากกว่าเป็น fashion เราจึงจะเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านวิธีคิดของไนกี้ สอดประสาน ซ้อนซ่อน และกลมกลืนอยู่ในเนื้อผ้า เสื้อตัวใหม่นี้ก็เช่นกัน พอประกาศตัวว่าจะวางช็อปขาย 15 มิถุนายน ก็ถูกวิจารณ์เป็นข่าวว่า เสื้อห่วยแตก ลายตลก เหมือนผ้าปูโต๊ะ
ผ้ากันเปื้อนอะไรก็ว่าไป
 
          ผมมีเสื้อแมนยูทุกตัว ทุกรุ่น ทุกปี นับจาก 1968 พอเอาเสื้อมากางดูก็จะพบเทรนด์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ระยะหลังๆ เสื้อบอลมีการเล่นแง่มุมเกี่ยวกับวัฒนธรรม รากเหง้าและ pop culture มากขึ้น เสื้อฤดูกาลใหม่ของแมนยู คนเห็นแรกๆ จะขมวดคิ้วอยู่บ้าง และถ้าไปเจอเสื้อปลอมเลียนแบบเสียก่อน ซึ่งทำออกมาล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แถมไม่สวย ก็จะตัดสินว่า “เสื้อห่วย” แต่จะว่าไป มันมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ในเสื้อให้ค่อยๆ มองนะครับ
 
          เจ้าลายตารางเล็กๆ ที่พาดทับซ้อนกันนั้น ก็คือ gingham ซึ่งเชื่อกันมาจากศัพท์คำว่า gengang (จะออกเสียงขำๆ ว่าเก้งก้าง ก็ได้นะครับ) ลวดลายตารางเล็กๆ นั้น คือแบบเสื้อเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ในยุคที่อุตสาหกรรมการทอผ้าของเมืองแมนเชสเตอร์รุ่งเรืองและโด่งดังไปทั่วโลกกลายเป็นหัวใจและปอดใหญ่ของโลก ในอุตสาหกรรมด้านนี้
 
          ผมยังไม่เคยเห็นหรือจับเสื้อจริง แต่จากที่ดูรูปและเห็นลายชัดๆ มันก็คือการ “คารวะ” ต่อรากเหง้า ต่อที่มา และต่อประวัติศาสตร์ของแมนยู ซึ่งเป็นตัวสร้างชื่อให้เมืองแมนเชสเตอร์ มากกว่าแมนซิตี้แน่นอน (ซึ่งเสื้อแมนซิตี้ที่ใช้ยี่ห้อ umbro เป็นชื่อของสองพี่น้องนั้น ก็เป็นของไนกี้เช่นกัน) ลายที่เราบางคนอาจจะขำๆ ตารางอะไรวะนั่น ในการเดินทางของวันคืน ยาวนาน มันเคยฮิตและรุ่งเรืองอยู่เป็นระยะๆ ทั้งเข้าไปเป็นวัฒนธรรมย่อย (sub-culture) ของแฟชั่นเสื้อผ้ายุค 50 ในอังกฤษ ที่ยุค 50-60 นั้น เป็นตัวเซตเทรนด์แฟชั่นของโลก ไปอยู่กระแสเสื้อผ้าของดนตรีพวก Mod พวก punk จะมากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่วิธีนำเสนอ และแม้แต่วงการหนัง เจ้าลวดลาย gingham ก็ยังเข้าไปมีบทบาทในคอสตูมเสื้อผ้าของตัวละคร ของหนังบางเรื่อง เช่น the wizard of OZ ซึ่งแสดงอารมณ์-ความรู้สึกผ่านลวดลายของเสื้อผ้า เป็นการแสดงชั้นเชิงอย่างหนึ่งของคนทำหนัง (ไม่ต่างจากคนออกแบบฉาก ที่หลายครั้งใช้ฉากเส้นตัด เส้นทแยง หรือ decon เพื่อบอกความสับสนของตัวละคร)
 
          แนวคิดของสไตล์ gingham นั้น แย้งความเชื่อของเหล่าดีไซเนอร์ในอดีตว่า สีต้องคอนโทรลลวดลาย หรือสีต้องนำลวดลาย เพราะ gingham พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าโครงสร้างดีเสียแล้ว สามารถจะใช้สีอะไรก็ได้ นั่นทำให้ในยุคแรกๆ ที่มีแค่สีฟ้า-ขาว ก็แตกไลน์ขยายไปสู่สีอื่นๆ ที่ตีความและขอบอกเล่ามาในวันนี้ คือวิธีคิดอย่างหนึ่งในการมาเป็นเสื้อลายตารางของแมนยู
 
          เสื้อบอลบางปีไม่สวยอาจจะมี แต่เสื้อบอลที่จะไม่คิดนัย ซ่อนความหมายอะไรไว้ แบรนด์ใหญ่แบบไนกี้คงไม่ทำแน่ๆ เอาเป็นว่า ใครชอบก็ซื้อ ใครไม่ชอบไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าซื้อแล้วไม่ชอบ ช่วยบริจาคส่งมาให้ผม ตามที่อยู่ของ ”คมชัดลึก” (ฮา) เพราะแค่รากเหง้าและแง่มุม วิธีคิดในลวดลาย ผมก็รักของผมแล้วนี่ยังไม่ได้พูดถึง หรือตีความ innovation เลยนะครับ
.............................
(หมายเหตุ ไนกี้ แมนยู และ Gingham : คอลัมน์ eat play life โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร twitter@nantakwang )