บันเทิง

รวมดาวกระจุย ม.เกษตรใช้เพลงลูกทุ่งรับน้องแนวใหม่

รวมดาวกระจุย ม.เกษตรใช้เพลงลูกทุ่งรับน้องแนวใหม่

18 พ.ค. 2555

รวมดาวกระจุย ม.เกษตรใช้เพลงลูกทุ่งรับน้องแนวใหม่

          ชมรมวงดนตรี “รวมดาวกระจุย” มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จัดโครงการ ”ก้าวแรกสู่บัณฑิตยุคใหม่” ทำละครเวทีประกอบเพลงลูกทุ่ง ให้ข้อคิดในเรื่องการเรียนควบคู่กับการทำกิจกรรม ตัวแทนนิสิตเผยลูกทุ่งรุ่นใหม่ทันสมัยแต่ขาดจิตวิญญาณ
 
          กมลชนก บุญลาภ ศิษย์เก่าและบุคลากรมหาวิทยาลัย กล่าวถึงโครงการดีๆ สอดแทรกแนวคิดสร้างสรรค์นี้ว่า
 
          “ชมรมวงดนตรีรวมดาวกระจุย ซึ่งย่างเข้าสู่ปี 43 แล้ว เราจะจัดโครงการก้าวแรกสู่บัณฑิตยุคใหม่ ปีการศึกษา 2555 ในวันที่19-22 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.30-15.30 น.ที่อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ ชื่อกิจกรรมคือ “เริ่มต้นอย่างไรชีวิตใหม่ใน มก.” ให้นิสิตใหม่ได้มาดูกัน โดยการแสดงจะเริ่มจากการแสดงของวงดนตรีเรียกน้ำย่อย ก่อนเข้าสู่การแสดงกึ่งละครเวที ซึ่งเราจะแบ่งเป็น 10 ใช้โปรเจกเตอร์ฉายเป็นฉากหลังเป็นภาพสถานที่ต่างในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 
          ฉากแรก คือ ฉาก ”ประตูงามวงศ์วาน 1“ ประเด็นนำเสนอเป็นเรื่องของนิสิตปี 1 เข้ามาเรียนวันแรก และยังไม่รู้จักมหาวิทยาลัย รุ่นพี่จะตักเตือนเรื่องการมีสัมมาคารวะ และแนะนำเรื่องการเดินทางในมหาวิทยาลัย ซึ่งเรากำลังมุ่งเน้น “โครงการจักรยานสีขาว” ให้นิสิตมาใช้จักรยานกัน เพลงที่ใช้ประกอบ คือ “รำวงนนทรี“ ซึ่งเป็นหนึ่งในบทเพลงประจำมหาวิทยาลัย และนำเข้าฉากที่ 2 โดยใช้เพลง “บ่กล้าบอกครูแต่หนูกล้าบอกอ้าย” (ต้นฉบับโดย เอิ้นขวัญ วรัญญา) จะสอนเรื่องมารยาทในการเรียน และแนะนำมหาวิทยาลัย ระเบียบวินัยในการเข้าเรียน”
 
          นักศึกษาสาวนักกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน กล่าวถึงฉากลำดับต่อมาว่า
 
          “ฉากต่อมา เป็น “สำนักหอสมุด” ใช้เพลงบรรเลงไทยเดิม “ลาวดำเนินทราย” แนะนำเรื่องการใช้บริการ กฎ ระเบียบ มารยาทในการใช้บริการ แล้วไปถึงฉากที่ 4 “สำนักการกีฬา” ใช้ เพลง “กราวกีฬา”จะแนะนำนิสิตเรื่องขั้นตอนในการเข้าใช้บริการและอุปกรณ์การกีฬา เมื่อบาดเจ็บจากให้ดูแลซึ่งกันและกัน และพาไปส่งสถานพยาบาล ซึ่งตอนท้ายๆ จะมีเรื่องการปฐมพยาบาลด้วย

          ฉากที่ 5 จะเป็นเรื่อง “กองกิจการนิสิต” เราใช้เพลง “คอยน้อง 12 เดือน” (ต้นฉบับ โดย ยอดรัก สลักใจ) เป็นเรื่องระเบียบการแต่งกายที่ถูกต้องของนิสิต มีสาธิตการแสดงแบบชุดนิสิต การทำกิจกรรม และการขอรับทุนการศึกษา ฉากต่อมา คือ ฉากที่ 6 เป็นเรื่อง “สถานพยาบาล” เราใช้เพลง “สงสัยจะโดนหลอก” (ต้นฉบับ โดย ดาว มยุรี) จะจำลองเรื่องราวของนิสิตที่ได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกายเข้ามารับการรักษา แนะนำให้ทราบถึงสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาล ต่อเนื่องไป ฉากที่ 7 ”โรงอาหารกลาง 1” จะเป็นเพลง “จ้างมันเต๊อะ” (ต้นฉบับ โดย กระแต โฟร์ทีน)
 
          แนะนำให้นิสิตสร้างสุขลักษณะนิสัยที่ดีของการอยู่ร่วมกันในสังคม ความมีน้ำใจ การยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
ส่วนฉาก 8 งาน จะเป็นเรื่อง “เปิดโลกกิจกรรม” รุ่นพี่ให้คำแนะนำนิสิตใหม่และชี้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรมในด้านต่างๆ ต่อเนื่องไปยังฉากที่ 9 “อาคารรวมดาวกระจุย” ฉากนี้จะใช้เพลง “รักตัดตอน” (ต้นฉบับ โดย ดาว มยุรี) เป็นบรรยากาศการฝึกซ้อมและการอยู่ร่วมกันของชมรมรวมดาวกระจุย แสดงถึงความสามัคคี การช่วยเหลือกัน การวางแผนในการทำงาน ความกล้าแสดงออก และการรู้จักแบ่งเวลาและชักชวนเพื่อนนิสิตที่ยังลังเลให้ลองทำกิจกรรม
 
          ฉากสุดท้าย คือ เปิดด้วย เพลง “ท้ารัก“ (ต้นฉบับโดย บุษบา อธิฐานและแมงปอ ชลธิชา นำมาร้องใหม่) เป็นฉากเวทีงาน เฟรชชี่ไนท์ และนำเข้าสู่การแสดงจากชมรมรวมดาวกระจุย มีเพลงสนุกๆ อาทิ คิดถึงทุ่งลุยลาย (ต้นฉบับโดย เย็นจิตร พรเทวี) บนเจ้าแม่ (ต้นฉบับโดย หลิว อาจารียา) แม่ดุเมียด่า (ต้นฉบับโดย เอกชัย ศรีวิชัย) รวมดาวกระจุยมหาเสน่ห์ (แปลงมาจาก แหบมหาเสน่ห์ ต้นฉบับโดย สายัณห์ สัญญา )“
 
          เมื่อถามถึงความสนใจและความคิดเห็นเกี่ยวกับเพลงลุกทุ่งยุคใหม่ นก กมลชนก ตอบทิ้งท้ายได้ในมุมมองคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าคิดว่า
 
          “เด็กรุ่นใหม่ๆ ในมหาวิทยาลัยสนใจเพลงลูกทุ่งกันในระดับปานกลาง เขาก็พอฟังร้องตามได้ เพลงลูกทุ่งยุคนี้มีสีสันมากขึ้นทั้งตัวนักร้องและรูปแบบการแสดง ดูทันสมัยมากขึ้นมากแต่ขาดวิญญาณในความเป็นลูกทุ่งแท้ๆ เพราะมีกลิ่นอายของสตริง เกาหลี เพลงต่างประเทศมากเกินไป”