
สัญญาณเตือนภัยพิบัติ
สัญญาณเตือนภัยพิบัติ:ศิลาในน้ำเชี่ย โดย... ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า ทุกชีวิตในญี่ปุ่นได้ร่วมกันสงบนิ่งไว้อาลัยเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิพัดถล่มประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19,000 ราย และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่นอีกนับหลายแสนชีวิต
จากการติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะพบว่า โลกเราทุกวันนี้มีภัยพิบัติเกิดบ่อยครั้งขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก เรียกว่าโดนเท่าเทียมกันหมด อย่างสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีพายุทอร์นาโดถล่มสหรัฐอเมริกา เสียหายยับเยิน มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ยังไม่นับเหตุการณ์ต่างๆ อีกมากมาย บ้านเราที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขมานานก็ยังไม่วายโดนหางเลขไปด้วย
ภัยพิบัติธรรมชาติล้วนเป็นภัยใกล้ตัว อาจจะเกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้มองดูแล้วน่ากลัวมาก แต่ในความเป็นจริง จากการเรียนรู้ประสบการณ์ของภัยพิบัติต่างๆ ด้วยตนเอง จากตำรา บทความ ตลอดจนงานวิจัยที่มีผู้ทำไว้ ล้วนมีประโยชน์ในการดำรงชีวิตท่ามกลางภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งอยู่รอบตัวเรา เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยในอนาคต
เพื่อความไม่ประมาท เรามาเรียนรู้สัญญาณเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าผ่านธรรมชาติกันครับ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ปรากฏการณ์ล่วงหน้า อาจจะเป็นสิ่งเตือนภัย หรือลางบอกเหตุให้รู้ว่า อีกไม่นานจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ในประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น ต่างให้ความสนใจพยายามค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ล่วงหน้ากันอย่างมาก
นอกจากนั้น เรายังจะพบได้จากสัญชาตญาณของสัตว์หลายชนิดที่แสดงออกผิดปกติไปจากธรรมชาติของเขา ซึ่งสามารถบอกเราล่วงหน้าถึงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้ หากเรารู้จักสังเกต
ในปัจจุบันพฤติกรรมที่ผิดปกติของสัตว์ นอกเหนือจากเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลแล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังหาความเชื่อมโยงอยู่ว่า ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ หรือภัยธรรมชาติต่างๆ สัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในดิน สัตว์บก สัตว์น้ำ หลายชนิดล้วนมีพฤติกรรมหรืออาการที่ผิดปรกติ ถ้าสังเกตดูพฤติกรรมของสัตว์เหล่านั้น จะพบว่าสัตว์จะรู้ตัวล่วงหน้าได้พอสมควร และด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์เหล่านั้นที่รู้ตัวก่อนล่วงหน้า อาจทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ เอาตัวรอดได้เช่นกัน หากว่าเราสังเกตพฤติกรรมนั้นอย่างจริงจัง
แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นภัยอย่างหนึ่งที่ไม่อาจทำนายหรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่เราสามารถสังเกตผ่านสัตว์ที่อยู่รอบตัวเราได้ เช่น ประเทศจีนที่มีประสบการณ์เรื่องแผ่นดินไหวมาหลายร้อยปี เขาให้สังเกตว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เหล่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดินจะออกมาเป็นจำนวนมากและพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น เช่น มด ปลวก ตะขาบ ไส้เดือน กิ้งกือ หรืองู สัตว์เหล่านี้จะรู้ตัวก่อนล่วงหน้า ถ้าใครเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ให้ตั้งข้อสังเกตว่า ต้องมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น
มนุษย์ก็สามารถใช้การสังเกตนี้มาเตรียมพร้อม รับมือกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นได้
มีข้อมูลที่น่าสนใจมาก จากการสำรวจหลังเหตุการณ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 มีคนเสียชีวิต 2 แสนกว่าคน แต่ปรากฏว่าไม่พบซากสัตว์ใหญ่เลย ที่จังหวัดภูเก็ตมีเรื่องเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน ช้างที่ผูกไว้หน้าโรงแรมสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว แสดงอาการเครียด ร้องแผดเสียงอย่างต่อเนื่อง และประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะเกิดสึนามิ มีช้างบางเชือกกระชากโซ่จนหลุดแล้ววิ่งหนีไปบนพื้นที่สูง นักวิทยาศาสตร์ก็แปลกใจว่า สัตว์เหล่านี้วิ่งไปที่ไหน และรู้ได้อย่างไร
นอกจากนี้ เรายังสามารถสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน เช่น สุนัข ซึ่งเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับคน จึงสังเกตความผิดปกติได้ง่าย ก่อนเกิดแผ่นดินไหว สุนัขจะมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา บางตัวก้าวร้าว บางตัวก็เห่าหอน มีรายงานว่า ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่โกเบ ประเทศญี่ปุ่น สุนัขจะแสดงพฤติกรรมที่แปลกมากที่สุด
แม้ว่ามนุษย์เราจะมีอายตนะ 6 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ก็ไม่สามารถรับสัญญาณเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าได้เช่นเดียวกับสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนให้เป็นผู้มีโยนิโสมนสิการ คือ เป็นคนช่างสังเกต พิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาท หรือ “อัปมาท” ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดี หรือ “กุศลธรรม” ทั้งปวง นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์
หลายครั้งที่ธรรมชาติได้สร้างบทเรียนใหม่ๆ ให้พวกเราได้รู้สำนึก แน่นอน สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้คือ มนุษย์ใช้และตักตวงทุกอย่างจากธรรมชาติมากเสียจนเป็นการทำลายธรรมชาติ ณ เวลานี้ เราได้ยินข้อมูลจากทั้งนักวิทยาศาสตร์ ผู้ทรงอภิญญา หรือแม้แต่นักโหราศาสตร์หลากหลายจากทั่วโลกต่างออกมาเตือนว่า ถึงเวลาที่มนุษย์จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติกันแบบถี่ขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ชะตากรรมของมวลมนุษย์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นสัตว์โลกที่ประเสริฐที่สุด ยังไม่หมดอยู่แค่นี้ เมื่อคนกลุ่มหนึ่งยังคงหลงระเริงกับรสกิเลส เพลิดเพลินในความประมาท จนดวงใจดำมืด ปิดกั้นการตระหนักรู้ถึงภัยพิบัติที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ตื่นตระหนกกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง กลายเป็นความตึงเครียดอย่างไร้เหตุผล แทบไม่เหลือความสุข ขาดความสมดุลในชีวิตเสียจนหมดสิ้น
แต่กระนั้น ภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของคนทั้งสองกลุ่มนี้ ซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ จากสิ่งที่คิด สิ่งที่กระทำ หนุนส่งให้กงล้อแห่งวัฏสงสารขับเคลื่อนต่อไป ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เกิดซ้ำจนนับครั้งไม่ถ้วน ภัยแห่งการเวียนว่ายตายเกิดยังคงหมุนวนต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือ ภัยพิบัติ ที่เหนือภัยพิบัติทั้งมวล!! เป็น ‘ภัยแห่งกรรม’ นี่เอง ที่กำลังคืบคลานติดตามส่งผลในทุกขณะจิต บั่นทอนความสุขโดยตรง โดยไม่ต้องรอให้ภัยพิบัติใดมาเยือน
.............................
(หมายเหตุ สัญญาณเตือนภัยพิบัติ:ศิลาในน้ำเชี่ย โดย... ดนัย จันทร์เจ้าฉาย)