บันเทิง

งานใหม่ล่าสุดของผม My Imageries

งานใหม่ล่าสุดของผม My Imageries

28 ก.พ. 2555

งานใหม่ล่าสุดของผม My Imageries:คิดสวนทาง โดย... จิรพรรณ อังศวานนท์

          เดินทางมาบนเส้นทางสายดนตรี มาถึงตอนนี้ก็ 50 ปีแล้วนะครับ ถ้านับตั้งแต่หัดเล่นกีตาร์เมื่ออายุ 12 ขวบ แต่ถ้านับจากเมื่อรู้จัก เอลวิส เพลสลีย์ ก็ต้องนับอายุถอยลงไปอีกหลายปีทีเดียว เพราะเมื่อหัดเล่นกีตาร์นั้นก็เป็นยุคของเดอะ บีทเทิลส์แล้ว
 
          จำได้ว่าตอนเด็กๆ จำไม่ได้ว่ากี่ขวบ คุณแม่พาไปดูภาพยนตร์ของเอลวิส เพลสลีย์ เรื่อง G I Blues ที่โรงภาพยนตร์แกรนด์ หลังวังบูรพา เพราะเคยได้ยินเพลงของเขาตามวิทยุ พอได้ไปเห็นตัวจริงบนจอภาพยนต์ ก็เกิดอาการมันขึ้นมาในอารมณ์ ลุกขึ้นร้องตาม รวมทั้งออกท่าทาง เต้นโยกไปโยกมา เนื้อเพลงไม่ต้องพูดถึงเป็นคำที่คิดขึ้นมาเองทั้งสิ้น คงออกอาการได้อยู่สักพักหนึ่งจนคุณแม่ทนไม่ไหว ดึงแขนเสื้อและทำเสียง “จุ๊ จุ๊ จิ เบาๆหน่อยอายเขา” ผมถึงได้รู้สึกตัว จำได้ว่าหันไปเห็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งหันมามองยิ้มๆ แบบเอ็นดู เรื่องนี้ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย แต่ก็น่าจะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตการเป็นนักดนตรีของผมได้
 
          บ่ายวันหนึ่งที่ตรอก "ไวตี” ถนนสีลม มีวงดนตรีมาเล่นกันที่บ้านท้ายตรอกได้ยินมาถึงบ้านผม ทำให้ผมต้องรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปดูเขาเล่นดนตรีกัน เพลงที่เล่นชื่อ Shadoogie ของ The Shadows สำเนียงกีตาร์ Boogie ติดตรึงของไปในสมองผมทันทีอย่างไม่อาจจะแกะ ออกไปได้ หลังจากนั้นทุกเย็นกลับจากโรงเรียนก็ต้องเข้าไปบ้านเพื่อนเพื่อขอยืมกีตาร์มาเล่นทุกวัน จนในที่สุดก็ได้รับความเมตตาจากคุณป้า ซื้อกีตาร์ตัวแรกในชีวิตให้ ยี่ห้อเหมือนรถยนต์รุ่นหนึ่งของโตโยต้า ชื่อ Corola ราคา 300 บาท เสียดายที่โดนคนในตรอกแฮฟไปไม่เอามาคืน ป่านนี้คงกลายเป็นฟืนไปแล้ว และหลังจากนั้นมาผมก็มีกีตาร์เป็นเพื่อนมาโดยตลอดไม่เคยแยกจากกันเลย
 
          เพื่อนๆ หลายคนที่หันมายึดอาชีพการเป็นนักดนตรีก็มักจะมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน เป็นพวกที่ต้องดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเองกันทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับเด็กๆ ในปัจจุบันที่ได้รับการสนับสนุน ทั้งจากทางครอบครัวและจากวิวัฒนาการของสื่อการเรียนการสอน เรียกว่ามีพร้อมหมดทุกอย่าง ถ้าไม่เก่งเอาชาตินี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปเก่งเอาชาติไหน แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของธรรมดาที่เกิดมาก็พบเห็นอยู่แล้ว ทำให้เด็กหลายๆ คนขาดการดิ้นรนไขว่ขว้า แม้แต่เด็กที่เข้าไปเรียนดนตรีในระดับอุดมศึกษาก็เห็นมีมาเรียนเพื่อซื้อใบปริญญากันอยู่เสมอๆ ส่วนผู้ที่โชคดีรู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อการนี้จริงๆ และก็ได้ใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ สามารถพัฒนาฝีมือและความรู้ไปสู่ระดับเยี่ยมยอดได้ จนบางครั้งเมื่อมีโอกาสได้เห็นพวกเขาเล่นกันอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ทำให้พาลคิดอยากจะไปเกิดใหม่ อย่างที่เขาชอบพูดล้อเล่นกันจริงๆ
 
          ผมเองมักจะคิดว่า เพื่อนๆ เล่นกีตาร์ได้ดีกว่าเสมอ ส่วนตัวเองนั้นยังมีเรื่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น บางครั้งก็กลายเป็นจุดที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาได้ แต่ตอนหลังก็มีโอกาสได้อ่านชีวประวัติของ Wes Montgomery นักกีตาร์แจ๊สที่ถือว่าเป็นปรมาจารย์ของนักกีตาร์ทั่วโลก แกก็มีนิสัยเช่นนี้เหมือนกันเป็นคนถ่อมตัวสุภาพและก็คิดว่าตัวเองยังเล่นไม่ดีอยู่ตลอดทั้งชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเอาตัวไปเปรียบเทียบกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้นะครับ เพียงแต่คิดว่า ความคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้แม้แต่กับนักกีตาร์สุดยอดฝีมือเช่นเขา มองในแง่ดีก็เหมือนเป็นไฟให้เราต้องดิ้นรนไขว่ขว้าหาสิ่งที่ยังไปไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามีโอกาสที่จะพัฒนาไปข้างหน้าไม่อยู่กับที่
 
          ก็นับว่าเป็นความโชคดีของผมที่ยังมีโอกาสได้ออกอัลบั้มใหม่ในช่วงเวลาที่ไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น เป็นโปรเจกท์ของค่าย Livin’ G ของ GMM ที่นำเอาเพลงที่มีชื่อเสียงที่สังกัดอยู่ กับ Warner Chappell มาเรียบเรียงใหม่ เป็นเพลงบรรเลงกีตาร์ในรูปแบบ Smooth Jazz ผสม กับ Electronic เล็กน้อย ฟังสบายๆ ผมใช้กีตาร์สายไนลอนบรรเลงทั้งอัลบั้ม ซึ่งการเล่นของผมนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจาก Wes Montgomery, George Benson และเสียงกีตาร์เพราะๆ ของ Earl Klugh มาผสมผสานกัน เป็นผลงานที่ผมชอบมากอีกผลงานหนึ่ง หาซื้อได้ที่ B2S,  Imagine และร้านหนังสือในเครือของซีเอ็ด เพลงที่นำมาเล่นนั้นก็เป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักกันดี ส่วนตัวผมชอบเพลง You Make Me Feel Brand New มากที่สุด เพราะเล่นทีไรก็นึกถึงลูกทุกที
 
          ลองหามาฟังซิครับ แล้วอย่าลืมว่ากล่าวติชมกันมาได้ที่ <[email protected]> หรือ facebook/Jirapan Ansvananda
...................
(หมายเหตุ งานใหม่ล่าสุดของผม My Imageries:คิดสวนทาง โดย... จิรพรรณ อังศวานนท์)