บันเทิง

เพราะยิ้มน้องนกเกือบตกเครื่องบิน

เพราะยิ้มน้องนกเกือบตกเครื่องบิน

07 ก.พ. 2555

เพราะยิ้มน้องนกเกือบตกเครื่องบิน:ศิลป์แห่งแผ่นดิน โดย... ศักดิ์สิริ มีสมสืบ

เมื่อ 27 มกราคม
          ผมไปร่วม (เป็นส่วนหนึ่งของ) งาน 20 ปี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ช่วงเช้าขับขานบทกวี “ความฝันของดอกไม้” บทกวีที่เขียนไว้ให้อาจารย์ท่านหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันทางมหาวิทยาลัย (โดยอาจารย์ ฉลองชัย โฉมทอง) ได้นำไปเรียบเรียงเป็นเพลงขับร้องประสานเสียง และได้นำมาแสดงในช่วงพิธีเปิด ทางเจ้าภาพก็เลยเชิญชวนผมผู้แต่งบทกวีไปฟัง และจัดเวลาให้ผมสำแดงอิทธิฤทธิ์ บรรเลงขลุ่ยไทย “คีตสนทนา” ร่วมกับนักเปียโนสุภาพสตรี นาม “กรกนก สร้อยอินทร์”
 
          บทกวี “ความฝันของดอกไม้”
บุษบากลางลานลมหยอก  ดอกไม้ในหมอกบอกหนาว
บุปผาบนภูดูดาว   ดอกไม้สีขาวมองรุ้ง
ไม้เถาว์ไต่ซุ้มทักฟ้า   ไม้เลื้อยกลางนาทักทุ่ง
ไม้ป่าหอมย้อมฝันกลางวันจรุง ไม้กรุงสวยพร้อมหอมกลางคืน
ดอกหญ้าริมทางมองคน ดอกไม้ริมชลมองคลื่น
ดอกไม้แหล่มลุ่มชุ่มชื้น ดอกไม้แหล่งแล้งตื่นกลืนน้ำค้าง
คือดอกไม้ร่วมสวนมวลดอกไม้ คือบุปผาร่วมไพรไกลห่าง
ที่นั่นที่นี่ทุกที่ทาง มวลดอกไม้พรายพร่างหลายเผ่าพันธุ์
เป็นหนึ่งคือหนึ่งในสรรพสิ่ง คือความจริงอันกระจ่างสร้างสรรค์
ชีพหนึ่งคือขณะหนึ่งในนิรันดร์ เพื่อโลกงามคือความฝันของดอกไม้
 
          มัวคุยกับน้องนกเกือบตกเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ ทางเจ้าภาพจองตั๋วเครื่องบินให้ผมในนาม (ปากกา) ศักดิ์สิริ มีสมสืบ (ทั้งที่ผมย้ำนักหนาว่า นามจริงคือ กิตติศักดิ์ มีสมสืบ) ปัญหาคือ ชื่อที่ใช้จองไม่ตรงกับชื่อในบัตรประชาชน น้องนกเธอก็เลยยืนยัน และยืนหยัดในหลักการว่าผมไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ มิไยที่ผมจะอธิบาย พรรณนาโวหารด้วยสำนวนอย่างนักประพันธ์ว่า ศักดิ์สิริ กับกิตติศักดิ์นี้เป็นคนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย หน้าตาเหมือนในรูปในบัตรประชาชนซะขนาดนี้ หูก็กาง คางก็แหลม หัวก็ล้าน เธอยังไม่เชื่อ ผมก็เลยเอาบัตรนักเขียนที่ออกโดยสมาคมนักเขียนให้ดู เธอก็ไม่อยากจะดู เอาแผ่นซีดี “รู้ว่าความรักมีพลัง” ให้ดูเธอก็ไม่คิดจะชำเลือง เอาเอกสารของทางมหาวิทยาลัยให้ดู เธอก็ไม่สนใจ เธอยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าต้องมีเอกสารของทางราชการมาแสดง ผมก็นึกในใจว่า ราชการนี่ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง
 
          ผมชักร้อนใจกลัวจะตกเครื่องบิน ก็เลยโทรศัพท์ไปหาเจ้าภาพ แต่เจ้าภาพก็ช่วยอะไรไม่ได้ น้องนกแอร์โทรไปปรึกษาผู้ใหญ่ของนกแอร์ แล้วเธอก็ยืนยันหนักแน่นเหมือนเดิมว่าต้องมีเอกสารราชการมาแสดง ผมเกือบจะด้นกลอนสดให้ฟังแล้ว ให้รู้ว่าผมเป็นกวีตัวจริงนะ ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายคิดว่าจะงัดขลุ่ยออกมาเป่าเพื่อเธอจะใจอ่อนหรือไม่ก็อ่อนใจ ยอมให้ผมขึ้นเครื่องไปเป่าขลุ่ยที่ ม.วลัยลักษณ์ แต่ผมเห็นเธอถือ “ไอแผด” อยู่ ก็เลยบอกให้เธอพิมพ์ชื่อ ศักดิ์สิริ มีสมสืบลงไป ใครๆ ทั้งประเทศที่รักการอ่านน่าจะรู้จัก ศักดิ์สิริ มีสมสืบ บ้างหรอก แม้จะไม่โด่งดังเหมือนสุนทรภู่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่ไยดีผมเลย ผมก็จึงเทศนาไปว่า การทำงานนั้นให้ยึดการบริการเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดแต่กฎระเบียบ เพราะบรรดากฎระเบียบนั้นล้วนแต่ตั้งขึ้นเพื่อการบริการ
 
          เมื่อเกิดปัญหาควรต้องหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่ทอดทิ้งให้ผู้โดยสารต้องโดดเดี่ยว โดยยืนกระต่ายขาเดียวอยู่ที่กฎระเบียบ ผมเคยเจอปัญหานี้มาครั้งหนึ่งแล้วกับสายการบินอื่น ครั้งนั้นผมเอาหนังสือ “มือนั้นสีขาว” ให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่ครั้งนี้ผมเกือบต้องตกเครื่องบินเพราะคุยกับน้องนกนาน
 
          แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความไม่รอบคอบของผมและเจ้าภาพ แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดปิดประตูหนีกันง่ายๆ แบบไม่ไยดีเช่นนี้ เพราะในที่สุดก็ลงเอยตรงที่ว่า ผมต้องไปแจ้งเปลี่ยนชื่อที่เคาน์เตอร์นกแอร์ ก็แค่นี้เอง ถ้ามีใจให้ผู้โดยสาร (ผู้เป็นกวี)เสียแต่นาทีแรก ไม่ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ ถึงเกือบครึ่งชั่วโมง
 
          จะอย่างไรผมก็ไม่ถือโกรธน้องนก เธอยังอยู่ในกิริยาที่ดี ทั้งท่าที และน้ำเสียง แม้แววตาเธอจะอ่อนระอาไปบ้าง ผมเองก็อยู่ในกิริยาที่ดี แม้ว่าจะหลุดวาจาแบบติดอัตตาไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับหัวประเภท “รู้ไหมฉันลูกใคร” ดีนะที่ผมไม่งัดขลุ่ยขึ้นมาเป่าแสดงตัว ไม่เช่นนั้นคงสนั่นหรรษาไปทั้งสุวรรณภูมิ
 
          จะว่าคุณนกยึดหลักการก็ไม่ใช่แฮะ เพราะขากลับน้องนกที่นครฯ ให้ผ่านได้ไม่มีปัญหาเลย แถมยังอวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
...................
(หมายเหตุ เพราะยิ้มน้องนกเกือบตกเครื่องบิน:ศิลป์แห่งแผ่นดิน โดย... ศักดิ์สิริ มีสมสืบ)