
ค้นตัวตนคนแบบ'แดน-วรเวช'
ค้นตัวตนคนแบบ'แดน-วรเวช ดานุวงศ์':สกู๊ปวันเสาร์ โดย... ดวงใจ สอาดจิตต์/การะเกด อัศวเสนา
หากพูดถึง “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ หลาย ๆ คนคงนึกถึงศิลปินมากความสามารถ สวมหมวกหลายใบ มีผลงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังให้ได้ติดตามชมอย่างต่อเนื่อง หลากหลาย แต่บทบาทไหนที่เป็นตัวตนของเขามากที่สุด บันเทิง "คม ชัด ลึก" และรายการ "แมงโก้ แบงโก้" มีคำตอบ
ผลงานล่าสุด
000ภาพยนตร์ ส.ค.ส. สวีทตี้ เป็นอย่างไรบ้าง
กระแสตอบรับดีมาก เป็นหนังที่สร้างรอยยิ้มในช่วงปีใหม่ ซึ่ง "พี่ยอร์ช" ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ กำกับ เป็นการการันตี ความสนุก ในเรื่องแดนรับบทเป็น "ตั๊ด" ใช้ชีวิตน่าเบื่ออยู่กับที่ซ้ำๆ เล่นบอลจนแฟนบอกเลิก แต่เพื่อนแฟนมาบอกรักทันที ซึ่งเรื่องนี้จะคุ้นเคยกับผู้กำกับเลยรู้สึกสบาย ชิลๆ เหมือนมาพูดคุย เที่ยวเล่น มากกว่ามาทำงาน
000เล่นหนังแนวตลกมาตลอด ชีวิตจริงตลกเหมือนอย่างบทบาทที่ได้รับไหม
เป็นคนขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ถ้าสิ่งแวดล้อม นิ่งเราจะนิ่ง แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมสนุก จะสนุกตามสิ่งแวดล้อม คือถ้าอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก จะเงียบเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร รู้สึกกลัวมากกับบรรยากาศที่อยู่ในห้องหนึ่ง กับคนที่ไม่รู้จัก ถ้าเลี่ยงได้อยากอยู่คนเดียวมากกว่า จึงอาจดูเหมือนหยิ่ง
000มีโอกาสได้แต่งเพลงให้แก่หนังด้วย รู้สึกกดดันไหม และรู้สึกอย่างไรกับกระแสตอบรับที่ดี
รู้สึกกดดันนิดหน่อย เพราะธีมเพลงยาก "สภาวะทิ้งตัว" เราไม่รู้จะหาจุดลงตัวอย่างไร อาศัยตอนช่วงน้ำท่วม ค่อยๆ คิดเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นเพลงนี้ ซึ่งกระแสตอบรับที่ออกมา รู้สึกพอใจ เพราะตอนที่แต่งเสร็จ ตัวเราพอใจก่อน และผู้ว่าจ้างวางใจให้เราทำ ส่วนที่เหลือ คือ "โบนัส"
000นักแสดงที่ร่วมงานเป็นอย่างไรบ้างอย่างยิปซี และโดยเฉพาะได้ร่วมงานกับ "แพทตี้" อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา หวานใจรู้สึกเขินบ้างไหม
ไม่เคยร่วมงานกับ "ยิปซี" คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ มาก่อน แต่จังหวะเขาเป๊ะมาก และมีไหวพริบ เมื่อมีอะไรแทรกใหม่ๆ เขาสามารถต่อได้ทันที ทำให้การทำงานราบรื่นดี ส่วนกับแพทตี้ เริ่มกองแรกๆ ก็ทำตัวไม่ถูก ต่างคนต่างอยู่ อีกอย่างเขาแสดงคู่กับ "เป้" อารักษ์ อมรศุภศิริ เจอกันแบบผ่านไป ผ่านมามากกว่า แต่เมื่อถ่ายทำไปเรื่อยๆ ก็เขยิบใกล้กันมากขึ้น คนในกองก็มีแซวบ้าง
000มาถึงภาพยนตร์เรื่อง "เดอะเมโลดี้" มีโอกาสได้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์อีกครั้ง เป็นอย่างไรบ้าง
เพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่องเดอะเมโลดี้ เป็นการแต่งเพลงรัก ที่ไม่มีคำว่า รัก อยู่ในเพลง แต่เราได้รู้บทบาทของนักแสดง รู้บรรยากาศของเรื่อง ทำให้เข้าใจเรื่องราว และนำมาแต่งเป็นเพลงได้
000ถือเป็นการพลิกคาแร็กเตอร์ จากเดิมที่ได้รับบทตลกมาตลอด มาเรื่องนี้ต้องนิ่ง ขรึม รู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วชีวิตจริงเป็นคนอย่างไร
ถือเป็นการเปลี่ยนคาแร็กเตอร์อย่างสิ้นเชิง กับเรื่องนี้จะเป็นคนนิ่งๆ มองโลกในด้านลบ ซึ่งปกติผมเป็นคนคิดด้านบวก ตัวละครในเรื่อง เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ แต่ไม่เคยฟังใคร สุดท้ายผลงานจึงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเคย จึงรับตัวเองไม่ได้ และหนีไปอยู่แม่ฮ่องสอน เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม การที่เราได้รักคนที่เรารัก ควรทำอะไรเพื่อคนที่รัก ก่อนจะไม่ได้ทำ
000ถ้าชีวิตจริงเป็นแบบในหนัง จะหนีปัญหาแบบนั้นไหม
ผมเป็นคนไม่ได้ยิดติด ไม่ได้ทำงานอยู่เบื้องหน้าอย่างเดียว ถ้าเมื่อไหร่การทำงานเบื้องหน้าไม่มีคนยอมรับแล้ว ก็ยังสามารถทำงานเบื้องหลังได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สนุกและชอบ หรืออาจหาอย่างอื่นที่ทำแล้วมีความสุข ได้อยู่กับคนที่รัก แค่นี้ก็มีความสุขได้ เพราะชีวิตมีแค่นี้ ผมรู้สึกว่าความสำเร็จสูงสุดของผมมีไปแล้วตั้งแต่ตอนเป็น "ดีทูบี" ที่มีอยู่ตอนนี้ คือกำไรชีวิต ยังทำงานตรงนี้เพื่อกลุ่มคนที่ยังรักเรา ฟังเพลงที่เราเล่น ดูหนังที่เราแสดง ไม่ได้คาดหวังชื่อเสียง ความประสบความสำเร็จ อย่างที่บอกมัน คือ "กำไร"
000ได้ร่วมงานกับ "ฉัตร" ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร เป็นอย่างไรบ้าง มีสอนอะไรน้องบ้างไหม คิดว่าน้องแสดงผ่านไหม
น้องเป็นคนตั้งใจ มีสัมมาคาราวะ และมีพรสวรรค์เรื่องการแสดง เลยทำงานง่ายขึ้น ซึ่งคนมักถามแดนเวลาเล่นหนังกับนักแสดงใหม่ๆ ว่าช่วยสอนอะไรบ้างไหม ตอบได้เลยว่าไม่ เอาแค่ให้ตัวเองรอดเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ส่วนคิดว่าแสดงผ่านไหม คือผมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ เป็นเรื่องของผู้กำกับมากกว่า เชื่อในมุมมองการกำกับของผู้กำกับแต่ละท่าน
000ฉากไหนที่ประทับใจที่สุดในเรื่องเดอะเมโลดี้
การท่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว ข้อดีของการถ่ายหนัง คือ เราได้ไปในจุดที่ไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ ถือเป็นการอาศัยเขาไป (หัวเราะ) ได้ขับรถเปิดประทุน ซึ่งชีวิตจริงผมคงไม่เปิดประทุน (หัวเราะ) รถคลาสสิกบวกกับบรรยากาศของแม่ฮ่องสอน เป็นอะไรที่สุดยอดมาก
บทบาทการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรก
000การมาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องแรก "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" รู้สึกอย่างไรบ้าง กดดันไหม
รู้สึกเหนื่อย และล้าสมอง เพราะต้องรับผิดชอบสูงมาก ส่วนเรื่องกดดัน ผมไม่ค่อยคิด หรือคาดหวังอะไรมาก คิดแค่ว่าทำยังไงให้ได้ตามเป้าของเรามากที่สุด วิธีไหน ที่ทำให้ชิ้นงานที่เตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาจริงไม่มีการสะดุด พอใจแล้ว ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องของคนที่มีโอกาสได้ดู ว่าจะชอบไหม
000สำหรับ ภาพยนตร์ "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ทำไมถึงต้องเป็นคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ บางอย่างที่ทำให้ตัวละครหลักในเรื่องเกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ในช่วงเวลาคืนวันเสาร์จนถึงเช้าวันจันทร์ ส่วนมีอะไรที่เปลี่ยนไปนั้น รอติดตามชมได้ ซึ่งหนังจะเริ่มเปิดกล้องประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
000มีการวางตัวนักแสดงไว้อย่างไรบ้าง
เรื่องนางเอก สหมงคลฟิล์มเป็นคนเลือก คือ แพทตี้ ไม่น่าเชื่อ (หัวเราะ) เรื่องนี้มีคนสนิทมาร่วมแสดงเพียบ การสนิทกันก็ดีทำให้การทำงานสบายๆ ซึ่งผมชอบบรรยากาศสบายๆ อยู่แล้ว
ผลงานเพลง
000ห่างหายจากงานอัลบั้มของตัวเองไปพอสมควร เมื่อไหร่จะมีผลงานเพลงให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอีก
คิดไว้ว่า ประมาณปลายปีจะเริ่มทำอัลบั้ม แต่หากทำคงต้องพักงาน หนัง ละคร เพราะงานเพลง ผมคิดเอาไว้ว่าจะทำเองทั้งหมด อีกอย่างช่วงที่หยุดพักเพื่อทำงานเพลงจะไม่มีตังค์ (หัวเราะ)
000มีโอกาสได้แต่งเพลงบ่อย ๆ เคยคิดจะแต่งเพลง ทำอัลบั้มให้ศิลปินคนอื่นบ้างไหม
เคยคิดแว่บๆ แต่หยุดคิดแล้ว เพราะไม่มีเวลาให้กับชิ้นงานของเขา ผมมองว่าอัลบั้มสำหรับศิลปินคนหนึ่ง คือชีวิตและอนาคตของเขา อยากจะทำให้เขาอย่างดีที่สุด เคยมีคนติดต่อให้ทำบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเรารู้ตัวเองว่ามีเวลาไม่พอ ก็ยังไม่อยากรับ เพราะจะทำให้ผิดใจกันเปล่าๆ แต่ต้องขอบคุณที่เขาไว้ใจจะให้เราทำ
000ทำผลงานมามากมาย คิดว่าผลงานใดยากที่สุด และบทบาทไหนที่ชอบที่สุด
ยากทุกชิ้นงาน เพราะทุกงานต้องใช้มุมมอง ความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำเข้าชิ้นงาน อาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง ต้องคิดว่าทำอย่างไรผู้ดู ผู้ฟังจะเข้าถึงงานที่ถ่ายทอดออกไป รู้สึกอึดอัดเมื่อทำออกไปแล้วไม่ได้แบบที่เราคิดไว้ ซึ่งยากหมด การเลือกคนเข้ามาทำงานด้วยกันก็ยาก แต่ที่ชอบที่สุด คงเป็นการร้องเพลง เพราะคิดว่าทำแล้วออกมาได้ดีที่สุด และคุ้นเคยที่สุด
มุมมองจากวัยเด็ก สู่บทบาทศิลปินในวันนี้
000ตอนเด็กเคยฝันไหมว่าจะได้มาทำงานแบบทุกวันนี้ และเคยคิดไหมว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคต
เคยอยากเป็นนักฟุตบอล เหมือนนักฟุตบอลต่างประเทศ ตอนนั้นวงการฟุตบอลเราไม่ได้บูมแบบตอนนี้ แต่ต้องเลิกคิดไป เพราะมีช่วงที่เล่นบอลหนักไป จนทำให้ข้อเท้าพัง สมัยก่อนไม่ได้รักษาที่โรงพยาบาล อาศัยให้หายไปเอง เป็นผลทำให้ข้อเท้าเสียเล่นมากไม่ได้ จึงมองหาว่าจะทำงานอะไรต่อไป ที่จะยิ้ม ได้เฮฮากับเพื่อน จึงมาเจอกับสิ่งหนึ่ง คือการเล่นดนตรี และทำให้เรามาถึงทุกวันนี้ได้ สำหรับในอนาคตผมไม่ค่อยคิดแตกประเด็น ทำอะไรไปที่จุดจุดเดียวเพ่งที่สิ่งนั้น ถ้าล้มเหลว ถึงจะเปลี่ยน
000คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยู่วงการได้จนถึงทุกวันนี้ และมีอะไรที่หลากหลายให้ทำ
ความศรัทธาในตัวงานของผมเองในทุกๆ งาน ซึ่งผมอยากทำออกมาให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่ทำเพื่อผู้ที่คาดหวังกับงานของเรา เพื่อผู้จ้างที่เขาไว้วางใจให้เราทำ ให้เขารู้สึกชอบว่าเราสามารถทำออกมาได้ดี และที่สำคัญทำเพื่อผู้ที่รอคอยติดตามผลงานของเรา
ความรัก
000สำหรับเรื่องความรัก กับแพทตี้ เป็นอย่างไรบ้าง
ใช้ชีวิตกันไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ดูแลกันเท่าที่จะทำไปได้
นี่แหละ..."แดน" วรเวช ดานุวงศ์
ชื่อ : วรเวช ดานุวงศ์
ชื่อเล่น : แดน
เกิด : 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2527
การศึกษา : มัธยมต้น ร.ร.กรรณสูตศึกษาลัย จ.สุพรรณบุรี มัธยมปลาย ร.ร. บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จ. กรุงเทพ ฯ ปริญญาตรีคณะนิเทศศาตร์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต จบการศึกษาหลักสูตร Diploma in Audio Engineering จ. กรุงเทพ ฯ
ผลงานที่ผ่านมา : นักร้องกลุ่มบอยแบนด์ ดีทูบี ภายใต้สังกัด อาร์เอส, ศิลปินเดี่ยว ภายใต้สังกัด โซนี่ มิวสิค, ละครวัยร้ายเฟรชชี่, ภาพยนตร์ 32 ธันวา, ภาพยนตร์ ส.ค.ส.สวีทตี้, ภาพยนตร์ The Melody รักทำนองนี้ ฯลฯ
...................
(หมายเหตุ ค้นตัวตนคนแบบ'แดน-วรเวช ดานุวงศ์':สกู๊ปวันเสาร์ โดย... ดวงใจ สอาดจิตต์/การะเกด อัศวเสนา )