
We Need to Talk About Kevin
We Need to Talk About Kevin:หนังจอกว้าง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
หนังดราม่าดีๆ มักจะเด่นที่การแสดง และเนื้อหาเรื่องราว แต่สำหรับ “We Need to Talk About Kevin” ความน่าสนใจอีกอย่างของหนังเรื่องนี้อยู่ตรงวิธีการเล่าเรื่อง ที่เต็มไปด้วยเทคนิคชั้นเชิงมากมาย เพื่อสอดรับกับภาวะจิตใจตัวละคร ‘อีวา’ ที่เต็มไปด้วยความสับสน งุนงง กับพฤติกรรมของลูกชาย และสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ
แม้ไคลแมกซ์ของหนังจะอยู่ที่เหตุการณ์สังหารหมู่ในโรงเรียนมัธยม แต่ “We Need to Talk About Kevin” ใช้การเล่าเรื่องผ่านมโนสำนึกของ ‘อีวา’ นักเขียนหญิง ผู้มีผลงานโดดเด่นในการเขียนเรื่องเดินทาง หนังใช้วิธีตัดสลับเหตุการณ์ที่เกิดผลกระทบกับ ‘อีวา’ หลังเหตุสังหารหมู่ และการตัดสินใจมีครอบครัวของเธอ เรียกง่ายๆว่า ตัดสลับ ‘ต้น’ กับ ‘จบ’ พร้อมๆ กับขยายความเส้นเรื่องตรงกลางไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือว่าคนทำนั้นเก่งที่สามารถควบคุมการเล่าเรื่องราวไปในทิศทางที่ต้องการ โดยไม่ทำให้คนดูสับสน แม้จะออกอาการเหวอแตกไปบ้างเป็นครั้ง
‘อีวา’ ตัดสินใจทิ้งชีวิตนักเดินทาง มาประจำอยู่ในออฟฟิศ เพื่อทำหน้าที่แม่บ้านดูแลครอบครัว ทั้ง ‘แฟรงคลิน’ สามีที่รักและ ‘เควิน’ ลูกชายตัวน้อยๆ อันเป็นที่รักของเธอ ก่อนจะพบว่าในเวลาต่อมาเด็กเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มีภาวะทางอารมณ์ออกไปในทางก้าวร้าว และชอบใช้ความรุนแรงในบางครั้งคราว
หนังไม่ได้ให้คำอธิบายทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และกายวิภาคศาสตร์หรือแม้กระทั่งจิตวิเคราะห์ ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ ‘เควิน’ แต่ “We Need to Talk About Kevin” ได้ซ่อนสัญญะบางอย่างเอาไว้ ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะสีแดง ตั้งแต่สีของมะเขือเทศ ในเทศกาลปามะเขือเทศที่สเปน(La Tomatina Festival) สีแดงที่ปรากฏบนผนังบ้านของ ‘อีวา’ ที่ถูกเพื่อนบ้านและชาวเมืองรุมประณาม สีของกระป๋องซอสมะเขือเทศในห้างสรรพสินค้า ที่ปรากฏเป็นฉากหลังในยามที่ ‘อีวา’ รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าในเมือง
หนังเริ่มเล่นแบบหนักข้อมากขึ้น เมื่อเจ้าหนู ‘เควิน’ โตขึ้นๆ พร้อมกับแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น ซ้ำร้ายเจ้าหนูยังแสดงออกถึงอาการ ‘ไม่ชอบขี้หน้าแม่’ มากขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่ง ‘อีวา’ ตั้งท้องลูกคนที่สอง ‘เควิน’ ก็ยิ่งห่างเหินจากผู้เป็นแม่มากขึ้น และกลายเป็นลูกรักของผู้พ่อ ขณะเดียวกันการตัดต่อ-ลำดับภาพ เพื่อแสดงภาวะสับสนของ ‘อีวา’ ก็ความหวือหวามากขึ้นท่ามกลางเนื้อหาที่หนักอึ้ง และทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน “We Need to Talk About Kevin” คือการแสดง และการคัดเลือกนักแสดง ที่ทั้งยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่ ทิลด้า สวินตัน ในบท ‘อีวา’ จอห์น ซี ไรลี่ย์ ในบทหัวหน้าครอบครัว หรือแม้กระทั่ง ‘เควิน’ ที่เลือกมาทุกช่วงวัย ล้วนเต็มไปด้วยความหลาดเพี้ยนทั้งรูปลักษณ์และพฤติกรรม แต่สำหรับหนุ่มน้อย เอซร่า มิลเลอร์ นั้น ดูน่าจะมีอนาคตไกลทีเดียว
ไม่แปลกที่ ทิลด้า จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปีนี้
ชื่อเรื่อง : We Need to Talk About Kevin
ผู้เขียนบท : Lynne Ramsay ,Rory Kinnear
ผู้กำกับ : Lynne Ramsay
นักแสดง : Tilda Swinton ,John C. Reiley ,Ezra Miller
วันที่เข้าฉาย : 19 มกราคม 2555
เฉพาะโรงภาพยนตร์ลิโด้ สยามสแควร์
....................
(หมายเหตุ We Need to Talk About Kevin:หนังจอกว้าง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)