
เปิดอกผู้ชายไม้เลื้อยชาคริตหยุดชีวิตโลดโผน
หากจะพูดถึงพระเอกมากฝีมือชั่วโมงนี้ ต้องขอยกให้แก่นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ชาคริต แย้มนาม ที่กำลังเป็นพระเอกขายดี ไม่มีตก ล่าสุดกำลังครองใจแฟนๆ กับละครสนุกสนาน สะใภ้ไกลปืนเที่ยง คู่กับนางเอกชื่อดัง แอน ทองประสม
ไม่เพียงแต่งานเท่านั้นที่ชาคริตถูกจับตามอง เพราะยามนี้เขายังถูกเพ่งเล็งกับเรื่องชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องข่าวคราวกับสาวๆ ทั้งในและนอกวงการ จนกระทั่งถูกตั้งฉายาให้ว่าเป็น “พระเอกไม้เลื้อย” เรื่อยไปถึงข่าวเป็นเกย์ ลองมาปอกเปลือกผู้ชายคนนี้กันเลย...
ดูเหมือนกระแสตอบรับจากละคร “สะใภ้ไกลปืนเที่ยง” กลับมาดีมาก
ก็ดี ด้วยความเป็นคอมเมดี้ด้วย แต่ตัวผมก็อยากให้มันแตกต่างกับ “เป็นต่อ” ด้วย แต่คุณแอนก็เล่นดี ส่งมาดี แล้วเรื่องมันก็สนุก บวกกับผมกับพี่โอ๋ (กฤษฎา เตชะนิโลบล) ผู้กำกับ ได้แชร์ไอเดียร่วมกัน ก็เลยยิ่งทำให้ละครออกมาดี
เรื่องที่ถ่ายอยู่ “จำเลยกามเทพ” เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องนี้ไม่มีอะไรยากมาก ต้องปลอมตัวใส่เครา ใส่วิก ก็สนุกดี ได้เล่นหลายรสชาติดี เลิฟซีนก็มีกุ๊กกิ๊ก มีอุ้ม มีแบกรี่ (“เชอร์รี่” เข็มอัปสร สิริสุขะ) แต่ก็ไม่หนัก (เชอร์รี่ขอไม่จูบจริง) มันก็เป็นการตกลงของนักแสดงกับผู้กำกับ บางทีผมว่ามันไม่จำเป็นก็ใช้มุมกล้องหลอกได้ ถ้าเป็นหนังมันมีความจำเป็นต้องถ่ายจริง หลอกคนดูไม่ได้ เราก็โอเค แต่เราก็ไม่ใช่ฮอลลีวู้ด ถ้าอันไหนใช้มุมกล้องได้ก็ใช้เถอะ
กลายเป็นพระเอกขายดีอย่างต่อเนื่อง
โชคดีที่ผู้ใหญ่ป้อนงานมาให้ตลอด ปีหนึ่งก็ประมาณ 2-3 เรื่อง ก็ถือว่ามีเยอะ แต่พอละครที่ถ่ายปีที่แล้ว ข้ามมาออกปีนี้ คนก็คิดว่าเยอะ ช่วงนี้ก็ทำงาน 7 วัน เพราะถ่าย “เป็นต่อ” ด้วย แต่สนุกนะ ผมเป็นคนทำงาน มันอยู่ในสายเลือดด้วย
ทำงานเยอะแบบนี้คุณแม่เห็นหน้าเห็นตาบ้างไหม
เห็นสิ....ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เช้ามาก็เห็นแม่ ถามว่าแม่บ่นบ้างไหม ก็มีบ่นสงสารลูก เห็นเราตื่นเช้ากลับดึกทุกวัน แต่จะให้เราอยู่เฉยๆ ก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ มันรู้สึกไร้ค่า ทำงานดีกว่า
หลายคนเล่าให้ฟังว่า ชาคริตเป็นคนรักแม่มาก
ก็มีพาแม่ไปกินข้าว คอยโทรหาทุกวัน วันหนึ่งโทรหา 2-3 รอบ ด้วยความที่ติดโทรหาแม่ตั้งแต่เด็ก มันก็เลยเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าท่านแก่อะไรหรอก แต่ด้วยความที่คิดอะไรไม่ออกก็โทรหาแม่ (หัวเราะ) แม่อยู่ไหน ทำอะไร
จะเรียกว่าเป็นลูกแหง่ติดแม่ได้หรือเปล่า
เรียกว่าสนิทมากกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นลูกแหง่ เพราะแม่ก็ให้เราใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ให้เราไปเรียนรู้อะไรมา ให้ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก กลับมา พอมีปัญหาอะไรก็ค่อยมาปรึกษา เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าผมพลาดไปแล้ว จะไม่พลาดอะไรซ้ำๆ แต่จะมีอะไรใหม่ๆ ให้แม่ปวดหัวตลอด (หัวเราะ) เวลาคุณแม่พูดถึงลูก เขาก็จะพูดแซวๆ ลูก เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรเลยนะ แต่จะเป็นเรื่องทำงาน เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า แต่ช่วงนี้เราออกกำลังกาย เขาก็แฮปปี้ขึ้น เห็นเราดื่มน้อยลง เที่ยวน้อยลง เราเองก็เริ่มรู้ตัวว่าโทรม
ที่ดื่มน้อยลง เพราะคุณแม่ขอร้องด้วยหรือเปล่า
ที่ดื่มน้อยลง ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนกินเยอะนะ คือกินก็พักๆ บ้าง ไม่ใช่อยากกินก็กิน เราก็กินเฉพาะวันที่อยากจะกินจริงๆ วันอื่นก็กินน้ำผลไม้ไป ไม่ใช่แม่ขอร้องหรอก เพราะเขารู้ว่าเราไม่ใช่คนเมาหัวราน้ำ แต่งานเราเป็นงานที่ต้องดูแลสุขภาพ ตอนนี้ก็ออกกำลังด้วย ถ้ายกเวทไปกินเหล้าไปมันก็ไม่ได้นะ (หัวเราะ) ตอนนี้รูปร่างก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยหรือเปล่า
ก็ใช่นะ...เพราะเราก็สนุกมาเยอะ โลดโผนมาเยอะแล้ว เราเป็นผู้ชายก็ต้องมีวันที่มีลิมิต เราเกิดมาเป็นผู้ชายทั้งที ก็คงต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแล้วล่ะ จะมานั่งแบมือขอตังค์แม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องแล้วล่ะ เรามีโอกาสเราก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
เปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ รวมถึงเปลี่ยนนิสัยเจ้าชู้ด้วยหรือเปล่า
โห...เจ้าชู้ตรงไหน มีแฟนก็มีทีละคน พอไม่มีแฟนก็ไม่มีข่าวกับใครเลย พอมีแฟนก็เป็นข่าวกับนางเอกทุกคนเลย ยังพูดเหมือนเดิมว่าผมอยากมีครอบครัวตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ด้วยความที่แม่เลี้ยงมา คงไม่ต้องสัมผัสที่ไหนไกล แม่ผมเก่งมาก ทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ เราเองก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์
คือความตั้งใจเราดี แต่ด้วยสภาวะ ความพร้อม สติปัญญายังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ มันต้องใช้เวลา ด้วยความที่เราเร่งๆ พอมันพลาดมาก็ไม่เสียใจ หรือเสียดายนะ แต่ก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนที่เป็นบวกแล้วกัน เพราะก็ทำให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น เราก็ยังรู้ตัวเอง ว่าสุดท้ายเราอยากมีแฟน ก็อยากทำให้ดีที่สุด เพราะคงไม่มีใครคบแล้วก็อยากเลิกหรอก เราก็เลยนิ่ง อยู่มาด้วยงานอะไรของเราไป
ขนาดอยู่นิ่งๆ ยังมีข่าวเป็นเกย์
ก็นั่นนะสิ....มีข่าวว่าเป็นแฟนกับผู้ชาย หรือมีข่าวว่าไปตายซานติก้าอะไรบ้าง อะไรก็ไม่รู้ชีวิต...ก็ขำดี ด้วยความที่เมื่อก่อนโมโหโทสะกับเรื่องข่าว เพราะมันกระทบกับครอบครัวเรา แต่ตอนนี้ครอบครัวเราเข้าใจ ว่าชีวิตนักแสดงก็เป็นแบบนี้ล่ะ เราก็รู้ว่าสุดท้ายจะดีจะเลวยังไง มันก็อยู่ที่ตัวเราอยู่ดี
แล้ววันนี้ล่ะ มีความรักครั้งใหม่หรือยัง
ในเรื่องความรักเราก็อยู่แบบนี้ไป แต่ถ้ามีคนเข้ามา พร้อมที่จะศึกษากัน ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ผ่านมาผมมีก็บอก เพราะผมต้องให้เกียรติเขา และให้เกียรติครอบครัวเขา ผมก็เป็นคนตรงๆ หวังว่าชีวิตนี้น่าจะมีใครสักคน ที่เราถูกสร้างมาเพื่อเขา แล้วเขาก็ถูกสร้างมาเพื่อเรา แต่ตอนนี้ยังไม่มี
แสดงว่าเลิกเป็น “พระเอกไม้เลื้อย” แล้ว
ไม่มีเลื้อย...เคยไปเลื้อยกับเขาที่ไหนล่ะ ไปสัมภาษณ์นางเอกที่ผมทำงานด้วยได้เลย ว่าผมเคยไปยุ่งกับเขาที่ไหน ไม่มี...กลับมาเป็นชาคริตคนเดิมเถอะ (หัวเราะ) เบื่อแล้ว เหนื่อยด้วย ไม่อยากจะบอกว่ามันเป็นอุปสรรค บางครั้งก็ไม่โกรธหรอก แต่บางครั้งมันก็ทำร้ายชีวิตคนได้เหมือนกันนะ ไอ้เรื่องแซวๆ กัน พอมันเลยไปจุดๆ หนึ่ง บางทีมันกลายเป็นภาพลักษณ์มันเสียไปเหมือนกัน ฝังใจคนอื่นด้วย คือกว่าคนที่เขาจะกล้าดูเราจริงๆ มันยาก
บางครั้งรู้สึกแย่ กลายเป็นกลัว ว่าใครเขาจะมองเรายังไง แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็คิดในแง่ดีของผมนะ คือผมจะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวว่าใครจะเข้ามาในชีวิตผมเพื่ออะไร หรือว่าแนวไหน แต่คนที่พร้อมที่จะสู้ไปกับผม ก็เพราะเขามองในสิ่งที่ผมเป็นจริงๆ ไม่ได้มองว่าความเป็นดาราหรืออะไรก็ตามที่คนเขาเรียกกัน ผมก็คิดไว้ในทางบวกๆ ชีวิตจะอะไรมากมาย ก็ทำงาน หวังว่าวันหนึ่งเป็นลูกที่ดี ถ้ามีครอบครัวก็เป็นสามี เป็นพ่อที่ดี แล้วก็เป็นมนุษย์ที่ดี เกิดมาทั้งที อยู่ในเมืองไทย ในหลวงท่านก็สอนว่าอยู่อย่างพอเพียง
เอ้า...สาวๆ สบายใจได้ งานนี้หนุ่มชาคริต โสดสนิทจ้า...



