
หอภาพยนตร์ในวันน้ำหลาก
หอภาพยนตร์ในวันน้ำหลาก:หนังจอกว้าง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนหอภาพยนตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่ศาลายา ขณะเลี้ยวซ้ายจากสี่แยกโรงพยาบาลศาลายา เข้าสู่ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ไปยังหอภาพยนตร์ พบว่าระดับน้ำที่นี่สูงกว่า 1 เมตร เราใช้เรือพายขนาดเล็กบรรจุถุงยังชีพและน้ำดื่มจำนวนหนึ่ง ติดมาฝากเจ้าหน้าที่ด้วย ระหว่างทางเข้าสำนักช่างสิบหมู่ ตรงไปยังหอภาพยนตร์ แม้ระยะทางไม่ถึง 500 เมตร แต่การเดินฝ่าสายน้ำสูงเท่าเอว ก็กินเวลาร่วมๆ 20 นาที อีกทั้งรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเมื่อนึกถึงจุดหมายข้างหน้าว่า อาคารหอภาพยนตร์ จะเสียหายขนาดไหน ฟิล์มหนังไทยหลายร้อยหลายพันเรื่อง จะจมอยู่ใต้น้ำในสภาพใด
กว่าจะถึงหอภาพยนตร์ก็เวลาพลบค่ำแล้ว เราใจชื้นขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นโรงหนังศรีศาลายายังโดดเด่นเป็นสง่า แม้น้ำเริ่มท่วมซึมเข้ามายังบริเวณลานดาราบ้างแล้วก็ตาม ส่วนอาคารภาพยนตร์เสียงศรีกรุงที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทยนั้นเปิดไฟสว่างไสว ลานสรรพสาตรอยู่สูงกว่าระดับน้ำร่วมๆ 30 เซนติเมตร เห็นแล้วอุ่นใจว่าตัวอาคารยังไม่ถูกภัยน้ำคุกคาม วันที่เราไปเยือนโรงหนังศรีศาลายายังเปิดฉายหนังเรื่อง “บุญชู 5” บำรุงขวัญ ปลอบใจ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เข้ามาพักพิง ณ อาคารวิทยาลัยนาฏศิลปที่อยู่ไม่ไกลออกไป รวมทั้งชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดงละแวกนั้น
คุณโดม สุขวงศ์ ผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ บอกว่าไม่กังวลหากอาคารเหล่านี้จะถูกน้ำท่วมไปในที่สุด เพราะตัวอาคารยังสามารถสร้างใหม่ได้ (แม้แต่เปียโน เพื่อเล่นประกอบหนังเงียบในโรง คุณโดมยังไม่ย้ายขึ้นที่สูง เพราะบอกว่าถ้าน้ำท่วมเสียหายยังหาซื้อใหม่ได้) แต่สิ่งที่เป็นห่วงยิ่งกว่าคือฟิล์มหนังที่เก็บรักษาไว้หลายพันหลายหมื่นม้วนต่างหาก เพราะของเหล่านั้น ประมาณค่ามิได้ ไม่สามารถทำขึ้นใหม่หรือซื้อหาได้ ทุกภาพทุกเฟรมที่บันทึกในภาพยนตร์คือประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันย้อนกลับมา สิ่งที่อยู่ในแผ่นฟิล์มคือภาพและเสียง ที่ไม่เพียงแต่บันทึกเรื่องราวและผู้คนเท่านั้น หากแต่ยังมีภาพบรรยากาศของอาคารบ้านเรือน ทุกๆ บริบทของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ณ ยุคสมัยนั้นๆ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญและสมบูรณ์ที่สุด ที่คนรุ่นหลังสามารถนำมาศึกษาต่อได้ หอภาพยนตร์ได้เตรียมอาคารเก็บรักษาฟิล์มภาพยนตร์เอาไว้อย่างดี พร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ ระดับสูงหลายเมตรที่ไม่สามารถป้องกันได้
อาคารภาพยนตร์ส่วนพระองค์ภูมิพลอดุลยเดช ที่เรียกกันว่า ‘ตึกเก็บฟิล์ม" ที่นี่ คุณโดม ‘ผนึกตึก’ ปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด เพื่อป้องกันน้ำ ทางเข้าไปดูแลฟิล์มภายในตึกมีเพียงทางเดียว เป็นหน้าต่างบานเล็กๆ ที่พื้นก่อบันไดเป็นทางขึ้นเข้าไปในอาคาร ส่วนฟิล์มที่อยู่ภายในถูกยกขึ้นสูงจากพื้นอีกประมาณหนึ่งเมตร แต่ละห้องทำพนังกั้นประตูอีกชั้น ไปจนถึงห้องบูรณะฟิล์มที่ดูจะป้องกันแน่นหนาที่สุด คุณโดมบอกว่าถ้าถึงที่สุดแล้วน้ำยังเข้ามาได้ การรักษาฟิล์มในขั้นสุดท้าย คือทุบผนังแล้วช่วยกันลำเลียงนำฟิล์มออกไปเก็บไว้ที่อื่น โดยบริเวณด้านข้างตึกมีการต่อสะพานทอดออกไป แล้วยกเป็นพื้นสูงกว่าสองเมตร ลักษณะคล้ายท่าเรือ เพื่อใช้ลำเลียงฟิล์มออกจากตัวอาคารไปที่อื่น
ส่วนอาคารแล็บอนุรักษ์ อุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือทุกชิ้นยกสูงจากพื้น ส่วนทางเข้าอาคาร ทั้งวางกระสอบทราย และก่ออิฐยาแนวด้วยซิลิโคน ป้องกันน้ำเข้าท่วมตัวอาคาร ซึ่งตอนนี้ส่วนหนึ่งเป็นที่พักและทำอาหารของเจ้าหน้าที่
หอภาพยนตร์ภายใต้การดูแลของคุณโดม สุขวงศ์ ทำหน้าที่ปกป้องมรดกของชาติจากมหาอุทกภัยครั้งนี้อย่างเข้มงวดเอาจริงเอาจัง ไม่น้อยไปกว่างานอนุรักษ์ที่ทำอยู่ประจำ ก่อนจากเราถามคุณโดมว่า ฟิล์มหนังเรื่องไหนที่รักและหวงแหนที่สุด ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดีไม่ให้สายน้ำกล้ำกรายท่วมท้นได้ คุณโดมบอกว่า ฟิล์มทุกม้วน ล้วนมีค่าเท่าเทียมกันทั้งหมด ถ้าถึงเวลาต้องอพยพเคลื่อนย้ายไปก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด รักและหวงแหนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าฟิล์มม้วนนั้น เนื้อหา เรื่องราวข้างในของมันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ผมแอบถามว่า ฟิล์มต้นฉบับหนังข่าวน้ำท่วม ปีพ.ศ. 2485 ของ อ.แท้ ประกาศวุฒิสาร ที่เราเห็นกันทางโซเชียลมีเดียนั้น ยังอยู่หรือเปล่า คุณโดมพยักหน้าหัวเราะ ก่อนจะหันไปพยักเพยิดทางห้องเย็นเก็บฟิล์มด้านในสุด แล้วบอกกับเราว่า “ยังเก็บไว้อยู่ในห้องนั้นแหละ”
***ภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊คคุณโดม สุขวงศ์ และหอภาพยนตร์ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
www.facebook.com/DomeSukvong <http://www.facebook.com/DomeSukvong>
www.facebook.com/ThaiFilmArchive