
คุก50ปี!'แพท พาวเวอร์แพท'
ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท แพท-พาวเวอร์แพท ลักลอบจำหน่ายยาอี ส่วนเพื่อนชาวฮ่องกง ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี 2 เดือน
6 ต.ค.54 6 ต.ค.54 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ย.1952/2547 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชุง คิง ฟุ อายุ 44 ปี ชาวฮ่องกง นายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท อายุ 30 ปี อดีตนักร้องนำวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่น พาวเวอร์แพท ค่ายแกรมมี่ และนางจารุวรรณ โชติเฉลิมศักดิ์ อายุ 41 ปี คู่รักนายวรยศ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันมี 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน หรือยาอี เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย , มีกัญชาและมีคีตามีน หรือยาเค ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2551
โดยอัยการยื่นฟ้อง 28 ก.ค.47 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.47 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันมียาอี 2,989 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 2 มีกัญชาแห้ง 1 ถุง หนักประมาณ 5 กรัม และยาเค 4 ขวด ไว้ในครอบครอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามพิเศษ 191 วางแผนให้สายลับล่อซื้อยาอี จำนวน 1,000 เม็ด ราคา 1.5 แสนบาทจากจำเลยที่ 1 ที่ห้างฟู๊ดแลนด์ สาขารามคำแหง โดยจำเลยที่ 1 นำสายลับเดินทางไปรับของกลางที่ลานจอดรถ บนอาคารชุด บดินทร์สวีทโฮม ย่านวังทองหลาง ซึ่งจำเลยที่ 2 นำยาอี บรรจุใส่ถุงพลาสติกใส 10 ถุงๆ ละ 100 เม็ด รวม 1,000 เม็ด มามอบให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจึงแสดงตัวเข้าจับกุมจำเลยทั้งสอง หลังจับกุมจำเลยที่ 2 ได้รับสารภาพว่ายังมียาเสพติดอีกส่วนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในห้องพักเลขที่ 312 ของอาคารชุดดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบยาอี อีกจำนวน 1,900 เม็ด กัญชาบรรจุในถุงพลาสติกใส 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 5 กรัม และยาเค 4 ขวด พร้อมอุปกรณ์การเสพ และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อ ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.47 เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยที่ 3 ได้ที่ จ.ตาก ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 รับสารภาพเฉพาะข้อหาจำหน่ายยาอี และลักลอบเข้าเมือง ส่วนจำเลยที่ 2 รับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา แต่จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ ทุกข้อกล่าวหา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1 ล้านบาท จำเลยที่ 1 ฐานมียาอีในครอบครองเพื่อจำหน่าย , ให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1 ล้านบาท ฐานจำหน่ายยาอีโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้จำคุก 4 เดือน ฐานลักลอบเข้าเมือง จำเลยให้การรับสารภาพฐานจำหน่ายยาอี ฯ และลักลอบเข้าเมือง เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งให้จำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท จำเลยที่ 1 ฐานจำหน่ายยาอี ฯ และให้จำคุก 2 เดือน ฐานลักลอบเข้าเมือง ฯ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตและปรับ 1.5 ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1 ล้านบาท ฐานมียาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย , ให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1 ล้านบาท ฐานจำหน่ายยาอี ฯ , จำคุก 4 เดือน ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครอง และจำคุก 5 ปี ฐานมียาเคไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด เห็นควรลดโทษกึ่งหนึ่ง ให้จำคุก 25 ปีและปรับ 500,000 บาท ฐานมียาอีในครอบครอง ฯ , จำคุก 25 ปีและปรับ 500,000 บาท ฐานจำหน่ายยาอี ฯ , จำคุก 2 เดือน ฐานมีกัญชา และจำคุก 2 ปี 6 เดือน ฐานมียาเค แต่เมื่อรวมโทษแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 50 ปี และปรับ 1 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 3 พิพากษายกฟ้อง และให้ริบของกลางทั้งหมด
ต่อมาจำเลยที่ 1- 2 ยื่นฎีกา โดยจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า ในชั้นพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์ในส่วนที่ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ฐานมี 3,4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน หรือยาอีไว้ในครอบครอง ฯ นั้น ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้เนื่องจากพยานบางปากให้การขัดกันในสาระสำคัญ ส่วนที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการสอบสวนไม่ชอบนั้น ก็ไม่ได้ต่อสู้ในชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน ศาลฎีกา จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ฐานมียาอีในครอบครอง และให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 25 ปี 2 เดือนและปรับ 500,000 บาท ฐานจำหน่ายยาอี ฯ และความผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฯ
ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ กำหนดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 - 5 ล้านบาท เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละตลอดชีวิตและปรับกระทง 1 ล้านบาท จึงถือว่าเป็นโทษขั้นต่ำแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยส่วนนี้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน