บันเทิง

ดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต'คาราบาว'สร้างคุณค่าเยาวชน

ดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต'คาราบาว'สร้างคุณค่าเยาวชน

28 ก.ย. 2554

โครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต ปีที่ 3 กิจกรรมเพื่อสังคมของ มูลนิธิคาราบาว ร่วมกับ บริษัท คาราบาวแดง จำกัด ให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 15-22 ปี ได้แสดงฝีมือด้านดนตรี

 “มาร่วมกันร้องบรรเลง มาร่วมกันร้องบรรเลง
 ร้องบรรเลง มนต์เพลงคาราบาว
 ดนตรีไม่มีการแข่งขัน เป็นความจริง ความฝันในดนตรี
 มีบรรเลงในโลกแห่งเสรี มีบรรเลงเพื่อชี้ชีวิตคน”

         เสียงเพลง “มนต์เพลงคาราบาว” กระหึ่มโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ถนนพระราม 3 ไม่ใช่เสียงของวงคาราบาวที่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงของสาวน้อยจาก “วงบานชื่น” วงดนตรีหญิงล้วน 1 ใน 20 วงดนตรีที่เข้ารอบการประกวด โครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต ปีที่ 3 กิจกรรมเพื่อสังคมของ มูลนิธิคาราบาว ร่วมกับ บริษัท คาราบาวแดง จำกัด ให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 15-22 ปี ได้แสดงฝีมือด้านดนตรี ส่งเสริมให้เยาวชนที่มีใจรักด้านดนตรีมีเวทีแสดงความสามารถ เป็นอีกก้าวย่างทางดนตรีที่สำคัญของเยาวชน

         การประกวดใช้ 3 เพลงของวงคาราบาว คือเพลงช้า เพลงเร็ว และเพลงที่เรียบเรียงทำนองและการบรรเลงใหม่โดยใช้เนื้อร้องของวงคาราบาว การประกวดแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับจังหวัด และระดับภาค ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก จะได้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปกับสมาชิกวงคาราบาว ที่สอนเคล็ดลับการร้องเพลง การเล่นดนตรีแบบตัวต่อตัว ให้มีทักษะในการเล่นดนตรีที่ถูกต้อง ก่อนถึงรอบตัดสินของแต่ละภาคในช่วงปลายปี วงชนะเลิศทั้ง 5 ภาค จะได้ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตร่วมกับวงคาราบาว

         แอ๊ด คาราบาว เล่าถึงโครงการนี้ว่า ด้วยใจรักดนตรี พวกเราทิ้งอะไรหลายอย่างในชีวิตเพื่อมาเป็นวงคาราบาว ถึงวันนี้ พวกเราแก่เฒ่าลงทุกวัน อยากเห็นเด็กรุ่นหลังๆ มีโอกาสทางด้านดนตรีเหมือนกับพวกเรา ได้สอนเขา มีเวทีให้พวกเขาได้แสดงออก จึงได้เริ่มทำโครงการนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

         “สมัยผมเป็นเด็กก็ตระเวนประกวดดนตรีหลายเวที ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไต่เต้ามาเรื่อยๆ ผมอยากให้เด็กๆ ที่มีความสามารถด้านดนตรี มีเวทีแสดงออก ส่งเสริมทางด้านดนตรีให้พวกเขา ให้กำลังใจพวกเขา เหมือนวงคาราบาวที่ประสบความสำเร็จจากอาชีพดนตรี”

         แอ๊ด กล่าวต่ออีกว่า โครงการนี้เปรียบเสมือนสะพานให้เด็กๆ ที่เล่นดนตรีในต่างจังหวัดได้มีเวทีประกวดความสามารถระดับประเทศ ปีนี้พิเศษตรงที่มีการจัดเวิร์กช็อปให้เด็กๆ ได้รับคำชี้แนะจากพี่ๆ วงคาราบาวโดยตรง เด็กๆ เหล่านี้เก่งอยู่แล้ว มีความสามารถด้านดนตรีอยู่แล้ว แต่ยังขาดทักษะความชำนาญ ต้องแนะแนวแบบตัวต่อตัว ลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าครู พวกพี่ๆ ประสบการณ์มากกว่า เก๋ากว่า ก็มาถ่ายทอดให้น้องๆ ได้เรียนรู้ ใครสงสัยตรงไหนถามเลย หรือกลับไปฝึกซ้อมแล้วมีปัญหาก็โทรมาถามได้ พวกพี่เปิดโอกาสให้

         "ผมอยากให้เด็กๆ แต่งเพลงได้ การสร้างสรรค์ผลงานเพลง เป็นสมบัติที่มีค่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงเพื่อชีวิต เพลงอะไรก็ได้ที่ชอบ ที่ถนัด สังคมเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องชี้นำ คาราบาวเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคสมัยด้วยเช่นกัน"

         ทางด้าน มลดิษฐ สมุทรโคจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวแดง จำกัด กล่าวเสริมว่า คาราบาวแดงร่วมสนับสนุนกิจกรรมของวงคาราบาวและมูลนิธิคาราบาวมานานแล้ว โครงนี้ร่วมกันจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เปิดโอกาสให้เด็กๆ สมัครเข้ามาแสดงฝีมือด้านดนตรี ผ่านเวทีระดับจังหวัด จนมาสู่ระดับภาค ปีนี้ได้เชิญน้องๆ ที่ผ่านรอบระดับภาค ภาคละ 4 วง มาเวิร์กช็อปกับสมาชิกวงคาราบาวแบบตัวต่อตัว เพื่อเสริมทักษะด้านดนตรีก่อนแข่งจริง วงดนตรีที่ชนะในแต่ละภาคจะได้ขึ้นร่วมเวทีคอนเสิร์ตการกุศลกับวงคาราบาวต้นปีหน้า

         “นอกจากโครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต ที่ทำร่วมกันแล้ว คาราบาวแดงยังสนับสนุนกิจกรรมการช่วยเหลือศิลปินอาวุโสทางด้านดนตรี ที่มูลนิธิคาราบาวทำมานานแล้ว โดยเฉพาะศิลปินด้านดนตรี หรือครูเพลงที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ชาย เมืองสิงห์ หวังเต๊ะ ครูสุรพล โทณะวณิก เป็นต้น พวกเราก็ช่วยกันดูแล”        

         กิจกรรมเวิร์กช็อปของโครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิตปีที่ 3 ครั้งแรกนี้ สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นกำลังใจให้แก่วงดนตรีที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างมาก จากคำบอกเล่าความประทับใจของน้องๆ ที่บอกว่า “คำแนะนำที่ได้จากพี่ๆ วงคาราบาว มีค่ามากกว่ารางวัลที่จะได้รับ โอกาสดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ในชีวิต" 

         ด.ญ.อัญชิษา มุ่งหาฝน นักร้องนำ "วงบานชื่น" จาก จ.ระยอง เปิดใจว่า พวกเราเป็นเด็กธรรมดาที่ถือว่า โชคดีมากที่ได้เข้ามาถึงรอบนี้ ได้มาพบกับพี่ๆ วงคาราบาว ถือเป็นความสำเร็จของพวกเราระดับหนึ่งแล้ว เพราะไม่ได้คาดหวังกับรางวัล แต่คำแนะนำของพี่ๆ พวกเราจะนำกลับไปแก้ไขปรับปรุง หมั่นฝึกซ้อมต่อไป พี่ๆ แนะนำตรงๆ ดี ให้กลับไปปรับใหม่ ไปทำการบ้านใหม่ พวกเราไม่ได้คาดหวังกับผลการตัดสิน ยินดีรับกับคำตัดสินเสมอ การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้เรารู้ว่า เราต้องปรับปรุงตรงจุดไปไหน เพื่อเป็นสะพานให้ข้ามไปสู่ดวงดาวต่อไป

         นักร้องนำวง "บลาส์ท" จาก จ.อุดรธานี บอกว่า ขอบคุณพี่ๆ สมาชิกวงคาราบาวที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้มาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากต้นแบบจริงๆ หลายคนอยากมีโอกาสนี้ แต่ไม่มี พวกเราได้รับโอกาสนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และจะนำคำแนะนำเหล่านี้กลับไปฝึกซ้อมให้ดีที่สุด วันหนึ่งข้างหน้า พวกเราอาจจะเป็นร็อกแบรนด์แนวคาราวบาวอย่างที่พี่ๆ ประเมินไว้ หรืออาจจะสะกดคนดูได้เหมือนที่พี่ๆ คาราบาวทำได้ พวกเราจะพยายามหมั่นฝึกซ้อมให้ดีที่สุด ให้สมกับโอกาสดีๆ ที่ได้รับจากพี่ๆ คาราบาวในครั้งนี้

         ตัวแทนวง "เกาเหลา" จาก จ.อุบลราชธานี บอกว่า ตื่นเต้นมาก ขึ้นรถมาจากอุบลฯ ก็นอนไม่หลับ เตรียมชาร์จแบตโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป เพราะเป็นโอกาสที่ดี ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้พบพี่ๆ สมาชิกคาราบาวแบบใกล้ชิด และที่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราได้รับคำแนะนำที่ดีจากพี่ๆ เพื่อนำกลับไปฝึกซ้อม เมื่อได้มาฟังคำแนะนำจากพี่ๆ ทำให้รู้ว่า พวกเรายังไม่ดีพอ ยังมีจุดบกพร่องที่ต้องกลับไปปรับปรุงอีกมากมาย ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต

         ตัวแทนวง "ชะแล่ม" จาก จ.สุรินทร์ บอกว่า ขอบคุณพี่ๆ คาราบาว ที่มอบเวทีที่ดีให้แก่พวกเรา เป็นบันไดให้ก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า คุณค่าของดนตรี คือการได้ฟัง แต่มาวันนี้ ได้เรียนรู้ว่า คุณค่าของดนตรี คือการได้สัมผัสด้วยใจ ได้ซึมซับความเป็นดนตรี หลายบทเพลงของวงคาราบาวเป็นกำลังใจให้คนลุกขึ้นสู้ มีกำลังใจต่อไป และพี่ๆ วงคาราบาวก็เป็นต้นแบบให้แก่พวกเราวงชะแล่มลุกขึ้นสู้เพื่อสังคมด้วยเช่นกัน

         โครงการดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต เป็นเพียงบันไดขั้นแรกๆ ที่ แอ๊ด คาราบาว จะไต่ไปให้ถึงฝันสูงสุด คือการสร้าง "โรงเรียนดนตรีคาราบาว" ที่มีครูเป็นสมาชิกวงคาราบาวทั้งวง อีกไม่นานเกินรอ...โปรดติดตาม