บันเทิง

สาระแน ห้าวเป้ง

สาระแน ห้าวเป้ง

30 เม.ย. 2552

ไม่ว่าข่าวคราวการแสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรงของตลกชื่อดัง ‘หม่ำ จ๊กมก’ ที่มีต่อทีมงานรายการ ‘สาระแน’

 ซึ่งนำโดย ‘เปิ้ล’ นาคร ศิลาชัย ‘หอย’ เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ ‘วิลลี่’ เริงฤทธิ์ แมคอินทอช ที่เอาเข้าจริงหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องโอละพ่อ ที่ต่างฝ่าย ต่างพยายามใช้เหตุครั้งนี้เป็นอีกช่องทางในการประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเอง เพราะ ‘หม่ำ’ เอง กำลังจะมีงานแสดงเดี่ยว (Stand Up Comedy) “หม่ำ On Stage” กลางเดือนพฤษภาคมนี้ถึงสองรอบ ในขณะที่สามหนุ่มสาระแน ก็หวังโปรโมทหนัง “สาระแน ห้าวเป้ง” ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันนี้ ( 30 เม.ย.) เช่นกัน

 และดูเหมือนคำคาดการณ์ดังกล่าวน่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง เมื่อเหตุการณ์ส่วนหนึ่งในหนังปรากฏฉากของทีมงาน ‘สาระแน’ สร้างสถานการณ์เสี่ยงตายกลั่นแกล้ง ‘หม่ำ’ และซ่อนกล้องไว้เพื่อแอบบันทึกอากัปกิริยากลัวสุดขีดของตลกคนดังเอาไว้ให้ได้เห็นในทุกแง่มุม แต่ทว่าในภาพอาการตื่นตระหนกกลับเผยให้เห็นความไม่แนบเนียนหลายๆ อย่าง ซึ่งดูเหมือนว่าอันที่จริงแล้ว ‘หม่ำ’ เองนั่นแหละ อาจจะรู้เห็นเป็นใจกับทีมงาน เริ่มจากสมคบคิดกันกลั่นแกล้งสองหนุ่มที่เข้ามาสมัครงานรายการ “สาระแน” ในตำแหน่งครีเอทีฟ และจะว่าไปเผลอๆ ‘หม่ำ’ กับ ‘4 เสาหลักของสาระแน’ (เปิ้ล หอย วิลลี่ ผู้กำกับ) อาจถึงขั้นอำคนทั้งประเทศด้วยเช่นกัน

 มหกรรม ‘อำครั้งใหญ่’ ใน “สาระแนห้าวเป้ง” เริ่มจากภาพบรรยากาศสัมภาษณ์คนที่เข้ามาสมัครงาน เพื่อคัดเลือกเข้าทำงานในตำแหน่ง ‘ครีเอทีฟ’ ของ บ.ลักษณ์ 666 ซึ่งก็เต็มไปด้วยบุคคลมากมายหลายบุคลิก (ส่วนมากมีแต่วัยรุ่นเพิ่งเรียนจบ) ที่พวกเขาพกพาความสามารถพิเศษออกมาแสดงให้ทีมงานได้เห็น และเพียงแค่ฉากเปิดเรื่องก็เรียกเสียงหัวเราะได้ลั่นโรงแล้ว เพราะแต่ละคนมาพร้อมลีลาแปลกๆ ที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มท่าทางเรียบร้อย แต่เต้นเชียร์ลีดเดอร์ได้แสนยั่วยวน หนุ่มผมยาวกางเกงขาเดฟในมาดร็อกเกอร์แบบ ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรือ ‘ปั๊บ โปเตโต้’ แต่กลับร้องเพลงเพื่อชีวิตด้วยน้ำเสียงละม้ายคล้าย ‘แอ๊ด คาราบาว’ เหลือเกิน

 และในที่สุดทีมงานก็รับ  ‘สตาร์บัค’ (พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล) ที่แสดงความสามารถด้วยการเล่าเรื่องตลกและ ‘หลังเลนส์’ (เสกสรร รัตนพรพิศ) กับความสามารถในการแสดงละครหุ่น เข้าเป็นพนักงานโดยมีข้อแม้ว่า ทั้งสองต้องผ่านการทดลองงานเป็นระยะเวลา 4 เดือน หากผ่านการพิจารณาก็จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานในตำแหน่งครีเอทีฟต่อไป

 ภารกิจแรกของ ‘สตาร์บัค’ และ ‘หลังเลนส์’ คือการคิดมุกกลั่นแกล้งตลกมาแรงของเมืองไทยอย่าง ‘โก๊ะตี๋’ ไม่ว่าจะด้วยการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ‘แก๊งเด็กแว้น’ ‘เสี่ยงตายซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีตำรวจ’ หรือ ‘เข้าไปหลบอยู่ในศาลาเก็บศพตอนกลางคืน’ นอกจากนี้ทีมงานยังติดตั้งกล้องแอบถ่ายสองหนุ่มตลอด 24 ชั่วโมงที่อยู่ในบ้านซึ่งลงทุนเช่าไว้ให้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน หนำซ้ำตลอดเวลา ‘สตาร์บัค’ กับ ‘หลังเลนส์’ ต้องผจญกับอุปสรรค ‘ความซวย’ นานัปการที่เข้ามาเยือนโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ หรือไม่ก็ต้องเจอพี่ๆ ทีมงานกลั่นแกล้งอยู่บ่อยๆ...

 ภารกิจแรกผ่านไปด้วยดี ตามมาด้วยภารกิจที่สองทั้งคู่ต้องคิดหาทางกลั่นแกล้ง 4 สาวแห่งวง เบบี้ ว็อกซ์ ‘เกิร์ล กรุ๊ป’ ชื่อดังของเกาหลี (สมาชิก 1 คนไม่ได้เดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ด้วยคือ ยาง อึนจี) ด้วยการแอบถ่ายคลิปวิดีโอของพวกเธอให้ได้ จากนั้นภารกิจต่อไปที่ได้รับมอบหมาย คือการเด็ดหนวดเจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตเมืองไทย ‘แอ๊ด คาราบาว’ กลับมา และภารกิจสุดท้ายคือพยายามให้ ‘หม่ำ จ๊กมก’ เข้าฉากแสดงในบทบู๊ผาดโผนเสี่ยงตายให้ได้ (เนื่องจากที่ผ่านมา ‘หม่ำ’ ใช้สตันต์แมนแสดงแทนในหนังของตัวเองมาตลอด)

 มองเผินๆ อาจจะดูเหมือนกับว่าหนังพยายามเดินตามรอยความสำเร็จของรายการ “สาระแน” โชว์ ด้วยรูปแบบการสร้างสถานการณ์ต่างๆ นานา จากนั้นแอบถ่ายภาพอิริยาบทต่างๆ ของแขกรับเชิญเมื่อต้องเผชิญกับปัญหานั้นๆ และเฉลยให้ได้ทราบในท้ายที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่าหนัง “สาระแน ห้าวเป้ง” ไม่น่าจะมีมุมมองอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจ หากแต่การรุกคืบสู่จอภาพยนตร์ครั้งนี้ ทีมงานได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียดของเหตุการณ์มากมาย นอกจากเพื่อให้หนังสามารถเล่าเรื่องด้วยความยาวมากกว่าสำหรับการออกอากาศทางทีวีแล้ว การแอบถ่าย ‘คนกันเอง’ นั้น ยังสามารถควบคุมบรรยากาศ หรือกำหนดบทบาท ตลอดจนทิศทางการดำเนินเรื่องให้เป็นไปได้ตามต้องการอีกด้วย อย่างน้อยหนังสามารถ ‘Built Up’ อารมณ์ที่หลากหลาย หรือแม้แต่สามารถโน้มน้าว เหนี่ยวนำ อารมณ์คนดูให้คล้อยตามอย่างได้ผลในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าความตั้งใจหลักของหนังคือการ ‘แอบถ่าย’ หรือ ‘Candid Camera’ เพื่อบันทึกปฏิกิริยาของผู้คน ณ ห้วงเหตุการณ์นั้นๆ เอาไว้ก็ตาม

 ความสนุกของหนังส่วนหนึ่งเกิดจากการมองเห็นข้อจำกัดของการทำงานแบบ ‘แอบถ่าย’ อยู่บ้าง โดยเฉพาะการไม่สามารถกำหนดทิศทาง อารมณ์ หรือเรื่องราวในหนังได้ตามต้องการนัก เรื่องราวบางส่วนในหนังจึงมีการจัดฉากเกิดขึ้นหลายครั้งหลายตอน แต่ทั้งนี้เป็นไปเพื่อการ ‘โชว์มุกตลก’ สำหรับคั่นบรรยากาศ ของ ‘หอย’ กับ ‘เปิ้ล’ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นฉากทะเลาะกับหมอนวดแผนโบราณตาบอด ฉากขับรถสิบล้อแต่งตัวเลียนแบบ‘พี่เล็ก’ ‘พี่เทียรี่’ หรือแม้กระทั่งฉากลองระเบิดในตอนจบ (ขอย้ำว่า ต้องดูหนังเรื่องนี้ให้จบจนถึงเครดิตท้าย) ที่สำคัญการจัดฉากเหล่านี้ (กับทีมงานด้วยกันเอง) ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เกิดเป็นอารมณ์ดราม่าเรียกน้ำตาสำหรับคนใจอ่อนได้อีกด้วย

 แม้สุดท้ายไม่ว่า “สาระแน ห้าวเป้ง” จะจัดฉาก แอบถ่าย แกล้งอำ หรือสมคบคิดกันลับหลังก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความสนุกในแบบธรรมชาติ ชนิดที่หนังตลกหลายๆ เรื่องต้องชิดซ้าย อีกทั้งหนังยังไม่ได้จงใจเน้นให้ขำ ย้ำให้ฮา แบบหนังตลกคาเฟ่ ที่ผู้กำกับตลกหลายคนอาจต้องกลับไปทบทวน คิดหามุกใหม่ๆ มาต่อกรในวันข้างหน้า...

 ซึ่งต้องขอชมเชยทีม ‘สาระแน’ ที่ไม่ได้หากินกับ ‘ของเก่า’ แต่ รู้จักเอา ‘ของตาย’ มาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้เกิดอรรถรสใหม่ๆ ไม่เสียรสชาติ ที่สำคัญความสนุกสนานที่เพิ่มเข้ามานั้น น่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของ “สาระแน” ได้ไม่มากก็น้อย ไม่เชื่อรอดูวันที่หนัง “สาระแน ห้าวเป้ง” ฉลองรายได้ 50 ล้านบาทภายในสองสัปดาห์นี้ (ถ้าไม่มีใครออกมาก่อจลาจล ปิดถนน เผารถเมล์ ซ้ำสองซะก่อน)

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"

ชื่อเรื่อง : สาระแน ห้าวเป้ง
บทภาพยนตร์ : นฤบดี เวชกรรม, กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์, ขจรศักดิ์ แก้วกาหลง, กัญจนา ขันจำนงค์, อรรถพร คมขำ
ผู้กำกับ : นฤบดี เวชกรรม
นักแสดง : วิลลี่ แมคอินทอช, นาคร ศิลาชัย, เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล, เสกสรร รัตนพรพิศ, โก๊ะตี๋ อารามบอย, หม่ำ จ๊กมก, ยืนยง โอภากุล, เบบี้ ว็อกซ์
วันที่เข้าฉาย : 30 เมษายน 
ทุกโรงภาพยนตร์