'ณเดชน์'ปัดมีรายได้70ล้าน
ณเดชน์ คูกิมิยะ โต้รวยติดอันดับ มีรายได้ 70 ล้านบาท ออกตัวมีเงินไม่ถึงอย่างที่เป็นข่าว รับแม่ห่วงเรื่องสุขภาพ หลังเป็นโรคหอบ โรคประจำตัว พยายามเตือนตัวเองไม่ให้เหลิง
15 ก.ย.54 เป็นพระเอกหนุ่มฮอต งานชุกตลอด สำหรับพระเอกชื่อดัง ณเดชน์ แถมล่าสุดได้มีนิตยสาร Request ได้เผยตัวเลขรายได้ของคนดังในวงการบันเทิงที่มีรายได้มากที่สุดในปีนี้คือ นักทอล์คโชว์ "โน้ส" อุดม มีรายได้ถึง 250 ล้านบาท ซึ่งมาแรงแซงโค้งเบียดนางเอกซุป'ตาร์ "อั้ม" พัชราภา ในขณะที่ ณเดชน์ สอยรายได้รวมจากงานโฆษณาติดอับดับ 1 ซึ่งมีรายได้ 70 ล้านบาท เมื่อเจอตัวณเดชน์ ในวันบวงสรวงเปิดกล้องละครเรื่อง "ธรณีนี่นี้ใครครอง" ที่ช่อง 3 หนองแขม เลยขอถามไถ่ถึงประเด็นดังกล่าว ณเดชน์เผยดังนี้
"ถ้าผมรวยขนาดนั้นก็โชคดีไป อยากจะรวยแบบนั้นเหมือนกัน อยากจะมีเงิน 70 ล้าน ไม่ถึงหรอก รายได้ผมไม่ถึงแน่นอน ถ้าถึงจะพาแม่ไปเที่ยวยุโรปเลย (แต่เห็นโฆษณาเยอะมาก) โฆษณาเยอะ แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะได้รายได้เยอะ จริงๆ ตอนนี้ก็มีบ้านแล้ว ซื้อมาปีกว่าแล้ว แถวสุขาภิบาล ซื้อราคา 4 ล้านกว่า แม่ก็มาอยู่ที่นี่ด้วย บ้านอยู่ใกล้บ้านพี่เอ(ศุภชัย ศรีวิจิตร)ด้วย" ณเดชน์กล่าว
ถามต่อ ว่าทำงานเยอะแบบนี้ คุณแม่เป็นห่วงหรือไม่ พระเอกชื่อดังกล่าว ว่าคุณแม่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ระบบทางเดินอาหาร เพราะกินไม่เป็นเวลา ห่วงเรื่องการพักผ่อน และเรื่องโรคหอบที่ยังมีอาการอยู่บ้าง
"เวลาพักผ่อนน้อย แล้วโดนแอร์เย็นๆ แล้วก็มาเจอร้อนก็จะมีอาการบ้าง ผมก็มียาพ่น แต่ไม่ชอบใช้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ดีขึ้นกว่าตอนเด็กๆ นี่เพิ่งไปฉีดวัคซีน 2009 มา ผมเป็นคนแข็งแรงตายยาก(ยิ้ม) เราก็พยายามดูแลตัวเองด้วย" ดาราวิกพระรามสี่แจกแจง พร้อมกับเสริมต่อ ว่าไม่รู้สึกกดดันที่ผู้ใหญ่ ให้เป็นพระเอกคนเดียว โดนไม่ต้องประกบกับพระเอกคนอื่นๆ
"ผมไม่โดดเด่นกว่าใคร ทุกคนมีแนวทางของตัวเอง ไม่กดดันเลย รู้สึกเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นปัญหา (กลัวคนมั่นไส้ไหมที่ใหญ่ดันเรา) ไม่กลัวนะ ผู้ใหญ่เขาก็ดันทุกคน โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้โอ้อวดใคร ผมคิดว่าตัวเองไม่ดังนะ ผมต้องคิดแบบนี้ ถ้าผมคิดว่าตัวเองดัง ผมก็คงจะเหลิงไปแล้ว (แสดงว่ากลัวตัวเองจะเหลิง) ถ้าเรากลัวก็แสดงว่าเราเหลิงไปเหรอ ถ้าเราเป็นแบบนี้อยู่ โดยเราไม่รู้สึกว่าตัวเองเหลิง ก็น่าจะเป็นอะไรที่มีสติกว่า"พระเอกสุดฮอตกล่าว
แต่ที่ที่ฮือฮาสุด ๆ ทำเอาสาวอึ้งตาม ๆ กันคงไม่แพ้กระแสข่าวที่กรู่ออกมาว่า หนุ่มณเดชน์ ย่องดูการแสดงคอนเสิร์ตของสาวฮอต 'น้องจ๊ะ คันหู' ถึงโรงเบียร์ย่านคลอง 1 ซึ่งเจ้าตัว เผยว่า ยอมรับว่าได้ไปดูนักร้องสาว จ๊ะ คันหู จริงๆ แต่ไม่ได้ตั้งใจไปดู เพราะไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าจะมีการแสดงของ จ๊ะ คันหู ซึ่งร้านดังกล่าวก็เป็นร้านของเพื่อนคุณแม่ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็พยายามดูแลตัวเองให้ดี เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคนด้วย
คลิป"คันหู"เป็นเรื่องวัยรุ่นเปิดดูไม่ต่ำกว่า5ครั้ง
นายประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำการสำรวจ อีสานโพล (E-Saan Poll) ในหัวข้อ “ทัศนคติวัยรุ่นอีสานต่อกระแสคลิปเพลงคันหูในเว็บไซต์ยูทูป” จากกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นอีสานจำนวน 429 ราย โดยการสำรวจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจการเปิดรับสื่อและความคิดเห็นของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีต่อกระแสคลิปเพลง“คันหู” ของนักร้องวงเทอร์โบ ในเว็บไซต์ยูทูป
โดยทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นถึงระดับปริญญาตรีซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันมากที่สุด จำนวน 429 ราย ในเขตพื้นที่ภาคภาคอีสาน 20 จังหวัด ระหว่างวันที่ 10-13 กันยายน 2554 ซึ่งผลการสำรวจปรากฎว่า ในหนึ่งสัปดาห์กลุ่มตัวอย่างนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่จะมีการเปิดชมคลิปต่างๆ ในเว็บไซต์ยูทูปเป็นประจำทุกวัน ร้อยละ 44.8 รองลงมาเข้าชมสัปดาห์ละ 3-4 วัน ร้อยละ 21.4 เปิดเข้าไปชมสัปดาห์ละ 5-6 วัน ร้อยละ 16.2 ตามลำดับ โดยประเภทเนื้อหาที่เข้าชมมากที่สุด คือมิวสิควิดีโอเพลง ร้อยละ 91.1 รองลงมาเป็นภาพยนตร์ ร้อยละ 47.4 ข้อมูลความรู้ทั่วไป ร้อยละ 21.8 รายการโทรทัศน์/ซีรีย์ละคร ร้อยละ 13.4 ตัวอย่างโฆษณา ร้อยละ 11.7 และเรื่องส่วนตัวของบุคคลอื่น ร้อยละ 4.5
เมื่อสำรวจถึงการรับรู้เกี่ยวกับคลิปเพลง“คันหู” ของวงเทอร์โบที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ยูทูป พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างนักเรียนนักศึกษา ส่วนใหญ่ร้อยละ 41 ตอบว่าเคยเปิดชมมาแล้ว 2-5 ครั้ง ผู้ที่เคยเปิดชมแค่ครั้งเดียว ร้อยละ 33 และมีผู้เคยเปิดชมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ร้อยละ 22 และผู้ที่ไม่รู้จักคลิปเพลงนี้มาก่อนเลยมีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้เกี่ยวกับคลิปเพลงนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการบอกต่อของเพื่อนหรือคนใกล้ชิด มากถึงร้อยละ 84.9 ขณะที่รู้จักเพราะไปเปิดเจอในเว็บไซต์โดยบังเอิญ ร้อยละ 9.1 รู้มาจากการเป็นข่าวในโทรทัศน์/หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 4.0 และรู้เพราะมีรายการโทรทัศน์นำนักร้องวงนี้มาออกรายการ ร้อยละ 2.0
สำหรับการสำรวจทัศนคติกลุ่มตัวอย่างเมื่อได้ชมคลิปเพลง “คันหู” ในครั้งแรก ส่วนใหญ่รู้สึกเฉยๆ กับคลิปนี้ ร้อยละ 38.9 รู้สึกตกใจ ร้อยละ 23.0 รับไม่ได้ ร้อยละ 18.3 รู้สึกอยากบอกต่อให้คนอื่นมาชม ร้อยละ 10.5 และรู้สึกชื่นชอบคลิป ร้อยละ 9.3 แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าแนวเพลงลูกทุ่งแบบใดที่อยากจะรับชมรับฟังมากที่สุด กลุ่มตัวอย่าง ตอบว่าอยากฟังเพลงลูกทุ่งที่มีภาษาและทำนองหวานซึ้งแบบฉบับดั้งเดิม ร้อยละ 44.7 เพลงลูกทุ่งภาษากินใจ ทำนองทันสมัย แต่งกายมีสีสัน ร้อยละ 40.0 เพลงลูกทุ่งที่มีภาษากำกวม จังหวะเร้าใจ แต่งกายอย่างเสรี ร้อยละ 7.8 และลักษณะอื่นๆ ร้อยละ 7.6
โดยกลุ่มตัวอย่างที่อยากจะฟังเพลงลูกทุ่งหวานซึ้งแบบดั้งเดิมนั้น มาจากกลุ่มคนที่มีความรู้สึกปกติเมื่อได้ชมคลิปเพลงคันหูครั้งแรก ร้อยละ 38.3 เป็นกลุ่มคนที่ตกใจเมื่อได้ชมคลิป ร้อยละ 26.1 คนที่รับไม่ได้กับคลิปนี้ ร้อยละ 21.1 และคนที่อยากบอกต่อให้คนอื่นรับชม ร้อยละ 7.2 เท่ากับคนที่รู้สึกว่าชื่นชอบคลิปเพลงนี้ ส่วนการที่คลิปเพลงนี้จะมีอิทธิพลให้วัยรุ่นเกิดการเลียนแบบพฤติกรรมหรือท่าเต้นที่ไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น ตนได้ถามกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่ามีผลเล็กน้อย ร้อยละ 51.9 มีผลมาก ร้อยละ 30.1 และไม่มีผลแต่อย่างใด ร้อยละ 18.0
“วัยรุ่นมีการใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก จึงมีความเสี่ยงต่อการเข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์หรือคลิปต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจก็จะเห็นได้ว่าเด็กสมัยนี้มีการใช้วิจารณญาณไตร่ตรองในสิ่งที่ได้รับชมพอสมควรคือรู้ว่าอะไรเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาอย่าง และลึกๆ วัยรุ่นก็ยังอยากฟังเพลงลูกทุ่งเนื้อหาหวานๆซึ้งๆแบบฉบับดั้งเดิมมากกว่า แต่ผู้ผลิตเพลงก็อาจต้องปรับท่วงทำนองให้มีความเหมาะสมกับยุคสมัย ส่วนผู้ปกครองก็ควรดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิดเพื่อแนะนำถึงประโยชน์และโทษของสื่อออนไลน์ด้วย” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ได้สำรวจความคิดเห็น ประกอบด้วยเพศหญิง ร้อยละ 42 เพศชาย ร้อยละ 58 ด้านการศึกษา กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 3.1 มัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 10.8 ปริญญาตรี ร้อยละ 83.3 และปริญญาโท ร้อยละ 1.2 มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 49.5 รายได้ 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 42.6 และรายได้เฉลี่ย 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 7.9
ขอบคุณภาพ : จ๊ะ คันหู ( TURBO MUSIC ) FC