
น้ำชีแห่งความหลัง
น้ำชีแห่งความหลัง:คมเคียวคมปากกา โดย... ไพวรินทร์ ขาวงาม
เขียนต้นฉบับวันอังคารที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐
เมื่อวานนี้เอง อยู่ๆ ก็ครึ้มอกครึ้มใจอยากฟัง “น้ำชีแห่งความหลัง” น้ำเสียง ร้อยเอ็ด เพชรสยาม
ฟังเพลงสมัยเก่าในโลกสมัยใหม่ ก็ไม่พ้นต้องผ่าน คุณยูทูบ และ คุณกูเกิล ได้ฟังและฟังได้หลายรอบหลายเที่ยวทีเดียว ฟังแล้วอยากแบ่งปันให้คนอื่นฟังด้วย เลยต้องพึ่งผ่าน คุณเฟซบุ๊ค บังเอิญมีเพื่อน (น้องๆ) เขาติดตามกระทู้ผมอยู่ จึงเข้ามาฟังและแลกเปลี่ยน ด้วยเพลงนี้ดูจะมิใช่เพลงลูกทุ่งแบบรักๆ ใคร่ๆ ธรรมดาประสาหนุ่มๆ สาวๆ หากยังมีกลิ่นของพิศวาสฆาตกรรมความตายอย่างชวนให้ขนลุก...
ระหว่างฟังเพลงไปคุยกันไปนั้น เราต่างวิเคราะห์ว่าเพลงนี้น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังไม่ธรรมดา มันมิได้มีแต่เรื่องราวชายหญิงคู่หนึ่งรักกันแล้วอกหัก หากยังมีทั้งภาพที่ชวนสยองและถ้อยคำที่แรง...
“มองเห็นน้ำชี หัวใจของพี่นี่แทบจะพัง น้ำชีนี้มีความหลัง คิดถึงเมื่อครั้งสองเราเคยชื่น เมื่อก่อนมีสุขเดี๋ยวพี่มีทุกข์ แทบล้มทั้งยืน เจ็บปวดดวงใจสุดฝืน ขวัญยืนเจ้าเปลี่ยนแปรไป...
ขอฝากเสียงเพลง กล่อมบรรเลงไปหาจันทร์แรม ว่าคนที่เคยหอมแก้ม ยังรักจันทร์แรมไม่มีเปลี่ยนใจ เพราะคนปากมาก จึงทำให้จากน้องแรมไปไกล คนเหมือนกันหยามกันทำไม ผู้ดีหรือไพร่ก็ตายเหมือนกัน...
เกลียดแสนเกลียด พี่นี้ไม่ว่าอะไร ส่วนลูกที่อยู่ในไส้ เจ้ากลับทำลายมันได้แจ่มจันทร์ ฆ่าลงน้ำชี โอ้น้องพี่ทำได้ไงกัน ทำไมถึงไม่ฆ่าฉัน ลูกอยู่ในครรภ์ จะรู้ เรื่องหรือ...
แม่สาวจันทร์แรม คงสุขใจแสน นะจ๊ะ ทรามวัย ที่ได้ฆ่าลูกในไส้ ทิ้งลงน้ำไปให้คนเขาลือ ช่างไม่กลัวบาป หากคนเขาทราบคงแช่งกันฮือ สันดานบาปหยาบช้านี่หรือ ฆ่าลูกด้วยมือ ไม่กลัวบาปกรรม”
น้องคนนั้นเธอคล่องแคล่วว่องไว้ในการเข้าค้นข้อมูล ไม่ทันไรก็นำข้อมูลซึ่งแทรกอยู่ในซอกหลืบ คุณเว็บไซต์ มาบอก พร้อมกับว่าเพิ่งได้ยินเพลงนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต เกิดขนลุกแล้วกลัวผีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางข้อมูลที่เธอค้นได้มา พาย้อนยุคไปถึงปี ๒๕๑๘ หรือ ๓๖ ปีที่แล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ เสียอีก...ข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่ แม่คลอดลูกแล้วนำลูกไปทิ้งลงแม่น้ำชี ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด การที่ใน พ.ศ. นั้นมีศพทารกลอยน้ำมานั้น มิใช่เรื่องธรรมดาสามัญเหมือนใน พ.ศ. นี้อย่างแน่นอน (ที่มีทั้งทิ้งลงน้ำ ทิ้งลงถังขยะ หรือซุกซ่อนไว้ในบริเวณวัดนับพันศพ ฯลฯ)
ฟังมาว่ายุคนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นที่โจษขานกันไปทั่ว ต่างสะเทือนใจและรับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม กระทั่ง ร้อยเอ็ด เพชรสยาม นักร้องที่ร้องเพลงเป็นแต่งเพลงได้ ถึงกับแต่งเพลงนี้ออกมา ปรากฏกลายเป็นเพลงโด่งดัง ที่มีคนฟังและขับร้องซ้ำจนถึงยุคปัจจุบัน
ผมได้คุยกับ ครูสุรินทร์ ภาคศิริ นักแต่งเพลงร่วมสมัยในยุคนั้น ผู้แต่งเพลงแก้ “สิ้นหวังที่ลำชี” ให้ ลำไย สังฆมณี ขับร้อง นัยว่าเพื่อลดภาพความสยองสยองของเพลงฝ่ายชาย
ครูสุรินทร์เล่าว่า หลายเพลงในยุคก่อนนั้นมักเกิดจากข่าวหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็น “ภูพานสะอื้น” “อ.ส. รอรัก” “หนุ่ม นปข.” ของครูสุรินทร์เอง หรือเพลง “น้ำชีแห่งความหลัง”
ร้อยเอ็ด เพชรสยาม เป็นรุ่นน้องครูสุรินทร์ เป็นรุ่นน้อง เทพพร เพชรอุบล และ ดาว บ้านดอน เป็นรุ่นเดียวกับ ศักดิ์สยาม เพชรชมพู และ ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด
ปมของเหตุสะเทือนขวัญนี้ น่าจะมีเรื่องฐานะทางสังคมของฝ่ายหญิงฝ่ายชายมาเกี่ยวข้อง ประมาณว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกันฝ่ายชายออกไป ทั้งที่เธอมีลูกในครรภ์แล้ว
“ฆ่าลงน้ำชี โอน้องพี่ทำได้ไงกัน ทำไมถึงไม่ฆ่าฉัน ลูกอยู่ในครรภ์จะรู้เรื่องหรือ...”
ร้อยเอ็ด เพชรสยาม สวมหัวใจศิลปินเป็น “ฉัน” หรือฝ่ายชายในเพลง หลายวรรคคมคายอย่าง “คนเหมือนกัน หยามกันทำไม ผู้ดีหรือไพร่ก็ตายเหมือนกัน” หลายวรรคประณามฝ่ายหญิงรุนแรง จนครูสุรินทร์ทักว่าแรงไปหรือเปล่า? ร้อยเอ็ดบอกประมาณว่า “ฟังแล้วแรงอยู่ แต่มันแต่งออกไปแล้วครับครู”
ครับ ศุกร์หน้า จะเล่าเรื่องต่อเนื่อง และฟังเพลง “สิ้นหวังที่ลำชี”



